6 ธันวาคม 2563 นพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร ผู้อำนวยการกองโรคติดต่อทั่วไป กรมควบคุมโรค เปิดเผยว่า สำหรับผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่มีความเชื่อมโยงกับผู้ที่เดินทางมาจากจ.ท่าขี้เหล็ก ในเมียนมา ตั้งแต่ปลายเดือนพ.ย. ขณะนี้มี 23 ราย โดยอยู่ในพื้นที่ เชียงใหม่ 5 ราย เชียงราย 11 ราย โดยมีอยู่ 5 ราย ที่พบในสถานกักกันที่รัฐจัดให้ (Local Quarantine) และใน 11 ราย มีเพียง 1 รายที่ไม่มีประวัติเดินทางไปที่ จ.ท่าขี้เหล็ก แต่เป็นผู้ใกล้ชิดกับเพื่อนที่เดินทางกลับมา
โดยในกรุงเทพฯ ขณะนี้มีรายงานรวม 3 ราย
รายแรกเป็นผู้กลับมาจากเมียนมา และวานนี้ มีรายงานเพิ่ม 1 ราย ซึ่งเป็นสาวประเภทสอง อาย 30 ปี และวันนี้ มีรายงานล่าสุด พบเป็นหญิงอายุ 26 ปี ทั้งสองรายที่เป็นสาวประเภทสอง และรายใหม่ที่พบในวันนี้ มีประวัติเดินทางไปท่าขี้เหล็กเช่นเดียวกัน รวมถึงยังพบผู้ติดเชื้อในจ.ราชบุรี จ.พิจิตร จ.พะเยา และจ.สิงห์บุรี จังหวัดละ 1 ราย
นพ.โสภณ กล่าวว่า สหรับไทม์ไลน์ของผู้ป่วยรายใหม่ในกรุงเทพฯ ซึ่งเป็นหญิงไทย อายุ 26 ปี มีประวัติร่วมกับผู้ป่วยในกรุงเทพฯ ที่เป็นสาวประเภทสองอายุ 30 ปีที่รายงานเมื่อวานนี้ โดยสองรายเดินทางไปเชียงรายเมื่อวันที่ 6 พ.ย. และข้ามไปสถานบันเทิงในท่าขี้เหล็ก ช่วงวันที่ 6-27 พ.ย. และกลับมาประเทศไทยอีกครั้งเมื่อ 27 พ.ย. พักที่โรงแรมแห่งหนึ่งในอ.แม่สาย
และวันที่ 28 พ.ย.ได้ไปซื้อของช่วงกลางวัน และช่วงเย็นได้ไปเดินที่ถนนคนเดิน และเมื่อวันที่ 29 พ.ย.ทั้งสองเดินทางไปวัดพระธาตุดอยเวา และในตอนค่ำหญิง อายุ 26 ปี เดินทางกลับกรุงเทพฯ ด้วยสายการบินไทยสมายล์ เที่ยวบิน WE137
หลังจากนั้นใช้บริการรถแท็กซี่สนามบินไปยังโรงแรมในกรุงเทพฯ แวะร้านสะดวกซื้อใกล้โรงแรม ขณะที่ช่วงวันที่ 30 พ.ย.-3 ธ.ค. พักในโรงแรมตลอดและไปร้านสะดวกซื้อบ้าง
ต่อมาวันที่ 4 ธ.ค. มาเป็นเพื่อนกับสาวประเภทสองที่มารับการตรวจหาเชื้อโควิด-19 และเมื่อเพื่อนสาวประเภทสองตรวจพบเชื้อ หลังจากนั้นวันที่ 5 หญิงรายดังกล่าวจึงได้มาทำการตรวจ และพบเชื้อในเวลาต่อมา
ส่วนไทม์ไลน์ของสาวประเภทสอง อายุ 30 ปี เดินทางกลับจากเชียงรายมากรุงเทพฯเมื่อวันที่ 30 พ.ย. ด้วยสายการบินไทยไลออนแอร์ เที่ยวบิน SL545 ช่วงเวลา 19.15-20.00 น. ถึงสนามบินดอนเมือง และนั่งแท็กซี่กลับบ้าน ระหว่างวันที่ 1-3 ธ.ค. อยู่บ้านตลอด และมารับการตรวจหาเชื้อที่โรงพยาบาลเมื่อวันที่ 4 ธ.ค.ก่อนจะพบเชื้อ
ซึ่งเบื้องต้นจากการสอบสวนโรคพบทั้งสองราย มีผู้สัมผัสเสี่ยงสูงไม่น้อยกว่า 5 ราย และผู้สัมผัสเสี่ยงต่ำกว่า 10 ราย โดยผู้สัมผัสเสี่ยงสูงเป็นเพื่อนอยู่ในเชียงราย 2 ราย ตรวจไม่พบเชื้อ 1 ราย และอีก 1 รายอยู่ระหว่างติดตามตัว และผู้สัมผัสในครัวเรือนอีก 1 ราย ในปทุมธานี อยู่ระหว่างการติดตามตัว รวมถึงผู้โดยสารใน 2 เที่ยวบินดังกล่าวด้วย