นายสุรพงษ์ เลาหะอัญญา กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BTSC เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า การประชุมคณะกรรมการบริหารบริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด(มหาชน) ซึ่งมีนายคีรี หาญจนพาสน์ ประธานกรรมการบรรษัทภิบาลฯเป็นประธานฯการประชุม
นายคีรีได้ประกาศชัดว่า บีทีเอส.ไม่เคยประกาศหยุดเดินรถไฟฟ้าสายเขียวและส่วนต่อขายสายสีเขียวเหนือ-ใต้ แม้ไม่ได้รับเงินค่าจ้างเดินรถไฟฟ้าจากกรุงเทพมหานครมา 3 ปี เป็นเงินกว่า 8,000 ล้านบาท ยอมแบกรับหนี้แต่จะไม่ทิ้งผู้โดยสารเด็ดขาด
นายสุรพงษ์ กล่าวต่อไปว่า แม้บริษัทฯ จะได้รับผลกระทบอย่างหนักจากการเดินรถโดยไม่ได้รับค่าจ้าง 8,000 ล้านบาทจากกรุงเทพมหานคร นับตั้งแต่เปิดให้บริการเดินรถได้แก่
1.ส่วนต่อขยายสายสีเขียวใต้ (แบริ่ง-สำโรง)
2.ส่วนต่อขยายสายสีเขียวเหนือ (หมอชิต-คูคต) ที่เปิดเดินรถแล้ว 9 สถานีตั้งแต่หมอชิต-วัดพระศรีมหาธาตุตั้งแต่เมื่อวันที่ 9 สิงหาคม 2562 และ
3.ส่วนต่อขยายสายสีลม สะพานตากสิน-วงเวียนใหญ่-บางหว้า และ
4.ส่วนต่อขยายสายสุขุมวิท ช่วงอ่อนนุช-แบริ่ง
ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ บีทีเอส.ยังมองว่า ยังพอรับภาวะหนี้ได้ทั้งหุ้นกู้ กองทุน สถาบันทางการเงินเจ้าหนี้ อีกทั้งได้สอบถามผู้ถือหุ้นแล้ว ยืนยัน ยังรอ กทม.หาเงินมาจ่ายค่าจ้าง หรือเร่งขยายสัมปทานเดินรถไฟฟ้าและภาระหนี้ซึ่งสามารถนำรายได้จากอนาคตมาใช้ก่อน
นายสุรพงษ์กล่าวอีกว่า ล่าสุดพอเห็นความเคลื่อนไหวของคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ได้รับทราบในหลักการถึงผลเจรจาระหว่างกระทรวงมหาดไทยโดย กทม.กับ บริษัทระบบรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BTSC. กรณีขยายสัมปทานเดินรถ สายสีเขียวทั้งระบบแลกกับเอกชนรับภาระหนี้วงเงิน 1 แสนล้านบาทแทนรัฐ ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเสนอแม้จะมีเสียงคัดค้านจากกระทรวงคมนาคมก็ตาม
ส่วนภาระหนี้สินที่ กทม.ค้างชำระได้แก่ ค่าเดินรถส่วนต่อขยาย 8,000 ล้านบาท ค่าติดตั้งระบบอาณัติสัญญาณ 20,000 ล้านบาทและค่างานโยธาที่ กทม.รับโอนจากการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) 60,000 ล้านบาท จากส่วนต่อขยายสายสีเขียวเหนือและใต้ เป็นต้น