“แถลงการณ์ฉบับนี้ที่เต็มไปด้วยความขี้ขลาด ผมขอเตือนความจำพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีที่ไร้ศักยภาพคนนี้สักหน่อยว่า ท่านเป็นนายกครั้งแรกจากการรัฐประหาร พูดง่ายๆ ก็คือเอาปืนไปปล้นเขามาเยี่ยงสันดารโจรกระทำกัน แต่ต่อมาอยากชุบตัวให้สวยๆ เหมือนลูกชุบด้วยการเป็นนักการเมืองก็มีลูกสมุนเนติบริกรขายวิญญาณนักกฎหมาย ช่วยกันร่างรัฐธรรมนูญขึ้นมาถึงสองรอบ
เพราะว่ากันว่า “เขาอยากอยู่ยาว” จนอำนวยให้ได้เป็นนายกรัฐมนตรี ที่หลอกตัวเองว่ามาจากการเลือกตั้ง ทั้งที่คนเลือกท่านไม่ใช่ประชาชนแต่เป็น ส.ว. กลุ่มคนที่ไร้ประโยชน์ต่อชาติบ้านเมืองที่ท่านเลือกขึ้นมาเองแบบผลัดกันเกาหลัง ส.ว. เหล่านี้ประชาชนไม่ได้เลือกแต่กลับมีเสนอหน้ารับประโยชน์จากภาษีและขโมยสิทธิของประชาชนในการเลือกอนาคตของเขาเองด้วยการปัดตกร่างรัฐธรรมนูญ ฉบับประชาชน
นอกจากนี้ ยังรวมไปถึง ส.ส. ฝั่งรัฐบาลที่ไม่เคยสำนึกจะฟังเสียงประชาชนที่เป็นเจ้านายตัวจริง การกระทำแบบนี้ที่ไม่เคยตอบรับเจตนารณ์ของพวกเขา ไหนคือความจริงใจที่พลเอกประยุทธ์อ้าง ประชาชนเรียกร้องต่อเนื่องมาตลอด 4 เดือน รัฐบาลไม่มีท่าทีจะรับฟังและหาทางออกในทางสันติ ทั้งที่สามารถใช้กลไกรัฐสภาเป็นความหวังได้
“วันนี้เมื่อประชาชน ยกระดับการเรียกร้องซึ่งก็ยังคงอยู่ในการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์เท่านั้น เวลานี้ไม่ว่าห้างร้านต่างๆ หรือรถไฟฟ้าเขาก็เปิดทำการได้ตามปกติแม้มีการชุมนุมใหญ่เพราะเขารู้ว่านี่คือการชุมนุมไม่ใช่การก่อจราจลหรือการยกระดับความรุนแรงใดๆ พวกเขามีเพียงสองมือและเรือเป็ด แต่รัฐกลับออกประกาศใช้กฎหมายทุกฉบับทุกมาตราจัดการกับประชาชน
“ขอถามชัดๆ มาตรงนี้เลยว่า จะอ้างสถาบันพระมหากษัตริย์เพื่อใช้มาตรา 112 ด้วยใช่หรือไม่? ขอเตือนว่าการนำความจงรักภักดีมาผูกไว้กับความล้มเหลวของรัฐบาลนั้นเป็นเรื่องที่อันตรายอย่างยิ่งต่อสถาบันเอง นี่ไม่ใช่ท่าทีของคนที่มีความจริงใจทั้งต่อประชาชนและสถาบันพระมหากษัตริน์เลย แต่เป็นนิสัยของเผด็จการขี้ขลาดที่ต้องการไล่ล่าจัดการกับประชาชน ที่เห็นต่าง คิดต่าง
จึงอยากสื่อสารไปยังนายกรัฐมนตรีรวมถึงองครักษ์ของท่าน อย่าดันทุรังแล้วผลักประชาชนให้หมดหนทางเช่นนี้ สถานการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นทั้งหมดสงบลงได้แค่ท่านลาออก แก้ไขตามกระบวนการที่ฝ่ายค้านและประชาชนเสนอ พวกเราไม่ได้จ้องจะอาฆาตท่านข้อเสนอทั้งหมดที่สื่อสารออกไปเพื่อทางออกประเทศไทย อย่าอ้างตนว่ารักประเทศไทยเพียงผู้เดียว ประชาชนทุกคนต่างรักประเทศไทยและอนาคตของพวกเขา เดินถอยออกไปเพื่อมองให้กว้าง มองให้เห็นปัญหาในภาพรวมและใช้สัมปชัญญะที่ท่านพอมีแก้ไขปัญหานี้ ดีกว่าการประกาศทำสงครามกับประชาชน”