เปลว สีเงิน
“ธนาธร-ปิยบุตร-พรรณิการ์”
ถึงวันนี้ (๒๖ ตค.๖๓)…….
ประเมินสถานการณ์ผ่านแนวรบด้านถนนและด้านรัฐสภาแล้ว เป็นไงบ้างครับ?
“ล้มเจ้า” สำเร็จแน่?
หรือ “ม็อบล้มเจ้า” เสร็จแน่?จะสำเร็จหรือเสร็จก็ช่าง ที่แน่ๆ ฝ่ายค้าน อย่าง “เพื่อไทย-ก้าวไกล” ทำหน้าที่ “กองกำลังคู่ขนาน” ม็อบล้มเจ้า รบกระหนาบในรัฐสภาได้สมเกียรติยิ่ง!
คงเปิดโทรทัศน์ดูที่เขาพูดกันในรัฐสภาแล้วนะ ยังมีให้ดูวันนี้อีกวัน ที่ฝ่ายค้านเสนอทางออกบ้านเมืองเมื่อวาน คือ
“นายกฯลาออก” เลิกเล่นการเมืองไปเลย ปัญหาจบ!
จบจริงเร้อ…….
ผมกลัวว่า ถ้าเพื่อไทย-ก้าวไกลไม่ได้เข้ามามีอำนาจแทน และใช้อำนาจนั้น สานต่อเจตนารมณ์คณะราษฏร ๖๓ จะกระปริบปลายงวงอีกน่ะซี!
เดี๋ยวค่อยคุยประเด็นนี้ คุยเรื่องเป็นมงคลบ้าน-มงคลเมืองก่อน
คือวันนี้ ๒๗ ตุลา.๖๓
“พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว” และ “สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี”
จะเสด็จพระราชดำเนิน ไปถวายผ้าพระกฐิน ณ วัดหนองป่าพง ต.โนนผึ้ง อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี
วัดหนองป่าพงนี้……
เป็นวัดป่าสายวิปัสสนากรรมฐาน ที่ปฏิบัติบำเพ็ญสมณธรรมของพระธุดงค์กรรมฐานสาย “พระอาจาย์มั่น ภูริทัตโต”
พระโพธิญาณเถร (หลวงพ่อชา สุภทฺโท) ก่อตั้งขึ้นเพื่อเป็นสถานที่สำหรับปฏิบัติ ฝึกฝน อบรมพระภิกษุ-สามเณร เมื่อปี พศ.๒๔๙๗
เป็นต้นแบบวัดป่ากว่าร้อยแห่งในไทยและในอีกหลายประเทศทั่วโลก ทั้งออสเตรเลีย ฝรั่งเศส แคนาดา เยอรมนี อิตาลี มาเลเซีย นิวซีแลนด์ สวิตเซอร์แลนด์ อังกฤษ สหรัฐฯ
ภาษาธรรม เป็นภาษาใจ
หลวงพ่อชา ไม่รู้ภาษาต่างชาติ แต่สอนคนต่างชาติให้เข้าถึงแก่นธรรมได้ จนพระพุทธศาสนาแพร่หลาย หยั่งรากไปทั่วในแผ่นดินตะวันตกและทั่วโลก มีวัด มีผู้ขอบวชเป็นพระภิกษุมากมาย
“หลวงพ่อชา” มีวิธีสอนธรรมแยบคายเป็นมหัศจรรย์ยิ่ง อาจกล่าวเชิงเปรียบให้เห็นภาพได้ว่า
๘๔,๐๐๐ พระธรรมขันธ์ หลวงพ่อชาสามารถใช้วาจา ๒-๓ คำ สรุปถ้วน ทำให้คนบรรลุถึง
อย่างเรื่องที่มีคนนำมากล่าวขานกันแพร่หลาย เช่นคนไปถามท่านว่า
“ศาสนาพุทธ สอนอะไร?”
แทนการตอบคำถาม หลวงพ่อชาชี้นิ้วไปที่หินก้อนใหญ่บนดาน แล้วบอก
“ยกหินก้อนนั้นขึ้นมาสิโยม”
โยมทำตามที่หลวงพ่อบอก
“หนักไหม?” หลวงพ่อถาม
“หนักครับ” โยมตอบ
“อะไรมันหนักก็วางลงเถิด สิ่งที่พระพุทธเจ้าสอนมีเพียงเท่านี้” หลวงพ่อไขปริศนาธรรม
-จากเรื่องเล่าเกี่ยวกับหลวงพ่อชา สุภทโท (เครดิต เพจเหตุเกิดจากความรัก)
ครับ วันนี้และที่วัดต้นแบบนี้แหละ ในหลวงและสมเด็จพระราชินี จะเสด็จฯไปถวายผ้าพระกฐิน
หลังจากทรงสนทนาธรรมกับพระเถระศิษย์หลวงปู่ชาแล้ว ทรงสักการะเจดีย์หลวงปู่ชา ทอดพระเนตรพิพิธภัณฑ์หลวงปู่ชา ทรงปลูกต้นรวงผึ้ง อันต้นไม้ประจำรัชกาลที่ ๑๐
จากนั้น ……….
ทรงเยี่ยมราษฎรที่เฝ้ารับเสด็จฯ พร้อมหน่วยแพทย์เปิดรับการตรวจรักษาให้ชาวบ้าน พร้อมทั้งพระราชทานอาหารเลี้ยงพสกนิกรตลอดงานที่มาเฝ้ารับเสด็จฯ ในวันนี้
เป็นมหามงคลข่าว ผมจึงนำมาบอกกล่าวอีกครั้ง เพื่อพี่น้องชาวอีสานตามจังหวัดใกล้เคียงได้ไปรับเสด็จฯ ถ้วนทั่ว
พูดแล้ว นึกถึงคำที่ “สมเด็จพระบรมชนกนาถ” รัชกาลที่ ๙ ทรงบันทึกไว้ในสมุดประจำพระองค์ ขณะเสด็จฯ ไปศึกษาต่อที่สวิสฯ เมื่อ ๑๙ สิงหาคม ๒๔๘๙
ต่อคำที่ประชาชนที่เฝ้าส่งเสด็จฯ ตามรายทางตะโกน ว่า
“อย่าละทิ้งประชาชน”
และ “พ่อบนฟ้า” ทรงถ่ายทอดความรู้สึกเป็นพระอักษรไว้ในสมุดบันทึกว่า
“อยากจะร้องบอกเขาลงไปว่า ถ้าประชาชนไม่ “ทิ้ง” ข้าพเจ้าแล้ว ข้าพเจ้าจะ “ละทิ้ง” อย่างไรได้ แต่รถวิ่งเร็วและเลยไปไกลเสียแล้ว”
ครับ……..
ประหวัดถึงก็อุ่นอก นับจากนี้ พวกเรา “พสกนิกร” ทั้งมวล จะมีโอกาสได้เฝ้ารับเสด็จฯ จากการเสด็จฯ เยี่ยมของพระองค์ตามจังหวัดต่างๆ ตามกาลอันควรกันแล้ว
บรรยากาศใกล้ชิดระหว่าง “พระมหากษัตริย์” กับพสกนิกรของพระองค์ เมื่อคืน ๒๓ ตุลาคม ๒๕๖๓ นั้น
ปีติ ดื่มด่ำ ความรู้สึกอบอุ่น “กษัตริย์-ราษฏร์” ประทับอยู่ในใจ เป็นความทรงจำคนไทยตลอดไป-ตลอดกาล
คำที่ประชาชนตะโกน “ในหลวงสู้..สู้..” สลับ “ทรงพระเจริญ”
“ในหลวงสู้..สู้” เป็นคำแรก ในรัชกาล ที่ ๑๐
เช่นเดียวกับ “อย่าละทิ้งประชาชน” ในรัชกาล ที่ ๙
ฟังแวบแรก…
อาจสะดุ้ง…บังอาจนัก!
แต่เมื่อตรอง จะพบ “สูงสุดคืนสู่สามัญ” คือ คำนั้น “คำสามัญ” แต่สามัญนั้น “ใจสูงสุด”
คำที่ออกมาจากใจบริสุทธิ์ เมื่อใช้ในถูกกาลเทศะ บางทีให้ความรู้สึกแท้จริง ค่ายิ่งใหญ่กว่า “คำประดิษฐ์ใช้” ซะอีก!
เอ้า……….
ย้อนกลับไปคุยเรื่องการถกหาทางออกที่รัฐสภาของสส./สว.กันอีกที
ใน ๓ ข้อเรียกร้องม็อบล้มเจ้า ที่ฝ่ายค้านเป็นตัวแทนเรียกร้องในรัฐสภา ๒ ข้อ พูดคุยกันได้
แต่ข้อที่ ๓ “ปฏิรูปสถาบัน” เป็นไปไม่ได้ ที่ใครจะยกขึ้นเสนอ
“Wassana Nanuam” นำที่นายกฯ และรองฯ วิษณุบอกรัฐสภา สรุปสาระหลักโพสต์เฟซ ผมจะลอกมาให้อ่าน
Wassana Nanuam
“บิ๊กตู่” ถามสภา “อยากให้ ยุบสภามั้ย?”
“ผมไม่แน่ใจว่า พวกท่านต้องการหรือไม่”
เผย..ศึกษากม.แล้ว “ลาออก-ยุบสภา” ต้องทำไง
ยันพร้อมแก้ รธน.
เตรียมเสนอ กม.ประชามติ สัปดาห์หน้า
“วิษณุ” เผย “นายกฯ” พร้อมยุบสภา เลือกตั้งใหม่ หาก ส.ส. ต้องการ
ชี้…ที่มีผู้เสนอให้ใช้เสียงของพรรคพลังประชารัฐ-พรรคฝ่ายค้าน รวมกันเลือกนายกฯ
แต่ทว่า เสียงพปชร.สนับสนุนนายกฯ “ห้ามลาออก”
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ชี้แจงต่อที่ประชุมร่วมรัฐสภา สมัยวิสามัญ ถึง
ข้อเสนอให้ “ลาออก” จากตำแหน่งนายกฯ ว่า
มีขั้นตอนที่รัฐธรรมนูญกำหนดไว้ คือ
หากนายกฯ ลาออก “คณะรัฐมนตรี” ต้องพ้นไปทั้งคณะ
แต่ต้องอยู่ปฏิบัติหน้าที่ต่อ จนกว่าจะได้คณะรัฐมนตรีที่ตั้งขึ้นใหม่เข้ารับหน้าที่
ส่วนการเลือกนายกฯ ต้องปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญ คือใช้ที่ประชุมของรัฐสภาและใช้เสียงของ ส.ส. และส.ว.ลงมติเกินกึ่งหนึ่ง
ส่วนกรณียุบสภา ทำให้สถานภาพของส.ส.สิ้นสุดลง “ซึ่งผมไม่แน่ใจว่าพวกท่านต้องการหรือไม่?”
ส่วนแนวทางของการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ต้องเป็นไปตามขั้นตอน
”นายวิษณุ เครืองาม” รองนายกฯ ชี้แจงต่อขั้นตอนการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ว่า
การแก้ไขรัฐธรรมนูญ จำเป็นต้องทำประชามติ โดยขณะนี้ ต้องรอการตรากฎหมายประชามติ
ทั้งนี้ คาดว่า ภายในเดือนธันวาคม ๒๕๖๓ หรือเดือนมกราคม ๒๕๖๔ จะแล้วเสร็จ
จากนั้น ต้องนำร่างกฎหมายขึ้นทูลเกล้าฯโดยมีกำหนดเวลาภายใน ๙๐ วัน
จากนั้น นำร่างรัฐธรรมนูญไปออกเสียง “ประชามติ” ภายในเวลาที่กำหนด
ทั้งนี้ ร่างกฎหมายประชามติที่รัฐบาลเสนอคือ ภายใน ๙๐ วัน และหากดำเนินการส่วนของกฎหมายประชามติแล้วเสร็จ คือ ต้องมี ส.ส.ร. และเลือกส.ส.ร.ตามร่างรัฐธรรมนูญฉบับแก้ไขกำหนดอีกครั้ง
ส่วนข้อเสนอให้ยุบสภา ……
พิจารณาเนื้อหาแล้ว ตามหลักการการยุบสภา “ต้องมีความขัดแย้ง”
แต่หากเป็นความประสงค์ (ของสส.-เปลว) นายกฯ พร้อมจะรับการหารือ
ส่วนการลาออกนั้น ต้องเป็นไปตามมาตรา ๑๗๒ โดยมีเงื่อนไขสำคัญ คือ นายกฯ ต้องมาจากรายชื่อ เสนอโดยพรรคการเมือง
ขณะนี้ มีผู้มีสิทธิ์ ๕ คน และตามเงื่อนไขผู้ที่สนับสนุนต้องได้เสียงเกินกึ่งหนึ่งของสมาชิกรัฐสภา คือ ๓๖๖ เสียงจากสมาชิกรัฐสภา ที่มีทั้งหมด ๗๓๒ เสียง (ปัจจุบัน-เปลว)
หากให้ ส.ว.งดออกเสียงทั้งหมดตามเรียกร้อง ต้องหาเสียงให้ได้ ๓๖๖ เสียง หากไม่ได้ จะถึงทางตัน”
นายวิษณุ กล่าวว่า …….
มีผู้เสนอนายกฯ ให้บอกใช้เสียงของพรรคพลังประชารัฐรวมถึงพรรคฝ่ายค้านเพื่อเลือกนายกฯ
ถือเป็นความคิด แต่เมื่อพิจารณาอีกครั้ง พบว่ามีเสียงสนับสนุนนายกฯ “ห้ามลาออก”
ทั้งนี้ การลาออกหรือไม่ เป็นดุลยพินิจของนายกฯ
ส่วนข้อเสนอของพรรคฝ่ายค้าน, พรรคร่วมรัฐบาลและส.ว.ที่เสนอให้ “ถามประชาชน”
นายกฯ บอกว่า เป็นข้อเสนอที่ใคร่ครวญได้ แต่มีข้อกำหนด “ห้ามถามตัวบุคคล” (ตามรธน.ม.๑๖๖-เปลว)
ดังนั้น หากมีกระบวนการตั้งคำถามที่เหมาะสมเชื่อว่าอาจทำได้
สรุป………
สรุป ลาออกก็ได้ ยุบสภาก็ได้ แก้รัฐธรรมนูญก็ได้
ขออย่างเดียว เอาอย่างไหน ฝ่ายค้านถามใจตัวเองให้แน่
แล้ว “บอกมาให้ชัด”!