“๔ เดือน” คือ “เงื่อนตาย” – เปลว สีเงิน

เปลว สีเงิน

ผมว่า เรื่องแจกเงินดิจิทัล ๑ หมื่น รวม ๕ แสนล้านบาท “คืบหน้าไปถึงไหนแล้ว” นั้น
คนที่พูดบนฐาน “ข้อมูลรับฟังได้” มีคนเดียว คือ
“นายจุลพันธุ์ อมรวิวัฒน์” รมช.คลัง ผู้เป็นตัว “ทำงาน” และดูท่า อดหลับ-อดนอน จนหน้าซีด ตาโหล
ส่วนตัว “ออกหน้า-ออกสื่อ”….
ไล่ลงไป ตั้งแต่นายกฯ เศรษฐา หมอพรหมินทร์ เลขา.ครม. ฟังได้ แต่ต้องเอาตะแกรงร่อนก่อนซักร้อยร่อน
นั่นก็ยังยากเชื่อ ว่าระหว่าง “หน้างานกับหน้าสื่อ” จะตรงกันมั้ย?!

ลองสังเกตดู จะเห็นว่า ในเรื่องเดียวกัน รมช.จุลพันธุ์ตอบนักข่าวแบบคนอยู่หน้างาน ซึ่งรู้ “ปัญหา-อุปสรรค-ความเป็นไปได้-ความยากจะเป็น” ชนิดแท้ทรู

ไม่ว่าด้านกฎหมาย ด้านเทคโนโลยีที่จะนำมาใช้ ด้านเศรษฐกิจการเงิน-การคลัง ด้านแหล่งเงิน รวมทั้งด้านเวลา

ขณะเดียวกัน พอเป็นข่าว….
นายกฯ เศรษฐา จะรีบออกมาพูด “หักล้าง” ประเด็นที่รมช.จุลพันธุ์พูดทันที จนมีคนนำไปแซวว่า

“ก่อนพูดหรือแถลง รัฐมนตรีว่าการคลังกับรัฐมนตรีช่วยเขาไม่คุยกันก่อนเลยหรือ?”

ระยะหลังๆ มีเพียงนายกฯ เศรษฐา หมอพรหมินทร์ นายภูมิธรรม เป็นตัวยืน
ส่วนรมช.จุลพันธุ์ และฝ่ายข้าราชการ ผู้ว่าฯแบงก์ชาติ, ปลัดคลัง ต่าง “นิ่งเสียตำลึงทอง”!

มันไปไม่ได้ในทางปฎิบัติ แต่เถลือกไถลในเกม “หลอกคนตาบอด” ประคองหัวเรือ หวังไปจอดตายอยู่ที่ท่า “สัปปายสภาสถาน”

ก็ตอนประชุมสภาสมัยที่ ๒ จะเปิดวันที่ ๑๒ ธันวา.และจะปิดสมัยประชุม ราวๆ วันที่ ๙ เมษา.๖๗ นั่นแหละ

พอถึงพฤษภา.สว.ครบวาระ ๕ ปี ตามรัฐธรรมนูญใน “บทเฉพาะกาล” มาตรา ๒๗๒
การโหวตเลือกนายกฯ ไม่ต้องมีสว.ร่วม
ให้ “สภาผู้แทนราษฎร” โดยสส.๕๐๐ โหวตกันเอง!

“อุ๊งอิ๊ง” ก็อาบน้ำ ประแป้ง แต่งตัวรอ ให้สส.ในคอกหามขึ้นวอ ไปเกย “เก้าอี้นายฯ” ไว้เลย

พูดถึงประแป้ง ดูข่าวเมื่อวาน เห็นอุ๊งอิ๊งไปเวิร์กช็อป “ซอฟต์ เพาเวอร์” ที่น่าน

ไม่รู้ว่า เป็นออร่าหรือเป็นเพราะชโลมหน้าด้วยแป้งน้ำมองเล่ยะ หน้าขาววอก เหมือนนางรำพม่า
สวยครับ..สวย

เมื่อโปรโมต ๑ ซอฟต์เพาเวอร์ ๑ ตำบล จะประทินหน้าด้วยเครื่องสำอางนอก หิ้วหลุยส์ ต๊องแต๊ง, กุ๊ยช่าย, ดิอ้อ เสื้อผ้าชุดละเป็นหมื่น-เป็นแสน อย่างตะก่อน
มันไม่เฟก แต่เฟอะฟะ!

ก็ต้องใช้ผ้าไทย เครื่องสำอางไทย อย่างมองเล่ยะ น้ำอบนางลอย ดินสอพองลพบุรี

โดยเฉพาะ แป้งศรีจันทร์, อายแชโดว์ So Glam, ลิป Cathy Doll ของไทย ที่สาวๆ ญี่ปุ่น กรี๊ดดดกันขณะนี้

ของไทยจะช่วยให้ว่าที่นายกฯ หญิงแพทองธาร อร่ามด้วยออร่าประหนึ่ง “นางในวรรณคดี” นวยนาดออกมาจากวรรณกรรมปรัมปราเรื่องใดเรื่องหนึ่ง อย่างนั้นเจียว

ทำไมผมจึงขีดเส้นใต้อายุ “รัฐบาลเศรษฐา” ไว้ที่ ๔ เดือนต่อจากนี้?

ก็เพราะเมื่อคืนวันอาทิตย์ ผมกลับจากไปเที่ยวแรดๆ มา ๓-๔ วัน เปิดโทรทัศน์ดูข่าว กดไปที่ TNN ช่อง ๑๖

เจอรายการชงหวาน คือเขาชงคำถามเรื่องแจกเงินดิจิทัลคนละ ๑ หมื่นบาท ให้นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริยเดช เลขาฯครม.ตอบ

ก็ต้องชมคุณหมอนะ สมัยเด็กๆ คงท่อง “บทอาขยาน” เก่ง เพราะผมฟังหลายเวทีที่คุณหมอไปพูด คุณหมอจำบทได้เป๊ะเวอร์มาก

เป็นเทปเก่าเอามารีรัน ความจริงเคยผ่านหู-ผ่านตามาแล้ว แต่ไม่ได้ฟังจนจบเหมือนคืนวาน

หมอพรหมินทร์บอก ราวๆ พฤษภา.๖๗ จะได้แจกเงินดิจิทัล คนละ ๑ หมื่นบาท กับคนเข้าเกณฑ์ ๕๐ ล้านคน วงเงิน ๕ แสนล้านบาท

นั่นก็หมายความว่า เปิดสภา ๔ เดือน เริ่มจาก ๑๒ ธันวา.ไปถึง ๙ เมย.๖๗ “พรบ.เงินกู้ ๕ แสนล้าน” ต้องผ่านสภา ๓ วาระ ประกาศใช้เป็นกฎหมายแน่ๆ

คือคุณหมอมั่นใจใน ๓๑๒ เสียงของพรรครัฐบาลผสมนี้มาก และบอก เงินกู้ ๕ แสนล้านนี้ เป็นการกู้ในงบประมาณ

หมายถึง เอาเงิน ๕ แสนล้าน จากงบประมาณ “ในอนาคต” มาแจกล่วงหน้า “แก้วิกฤตเศรษฐกิจ” ขณะนี้ก่อน
แล้วตั้งงบผูกพันในงบประมาณใช้หนี้แต่ละปีไป จนถึงปี ๒๕๗๐

แจกปีแรก จะทำให้ GDP โตได้ ๑% จากนั้น เงินก้อนนั้น จะไปหมุนเศรษฐกิจในระบบ ๔-๕ รอบ จน GDP โตได้ ๕% ในปี ๗๐

มโนขององค์พรหมินทร์ ฟังแล้วเคลิ้ม!
ทุกอย่าง อยู่บน “สมมติฐาน” ทั้งสิ้น ทั้งเรื่อง พรบ.กู้ ๕ แสนล้าน ว่าจะผ่านทั้งสภาผู้แทนและรัฐสภา

ทั้งเรื่อง “รัฐบาลเพื่อไทย” จะอยู่ครบวาระ ๔ ปี
และทั้งเรื่อง “แหล่งเงินกู้” ๕ แสนล้าน ว่าสามารถหามาแจกเป็น “ดิจิทัล โทเคน” ได้สบายปรื๊ด
ผ่านแอปเป๋าตัง โดยจะใช้เทคโนโลยีบล็อกเชน!?

ทั้งหมดนี้ มีกรอบเวลา ๔ เดือน ต่อจากนี้ ต้องให้สำเร็จ ถึงจะได้ทันแจกในเดือนพฤษภา.๖๗

แล้วท่านคิดว่า ทุกอย่างมันจะเป็นไปได้ตามที่รัฐบาลมโนมั้ย?

นักข่าวถามนายกฯ เศรษฐาเมื่อวาน (๒๐ พย.๖๖) ถึงเรื่องแหล่งเงินกู้ เศรษฐาตอบครอบจักรวาลว่า
“เรื่องแหล่งเงินกู้ก็ชัดเจนแล้วว่า จะออกเป็นพระราชบัญญัติ”

ก็เข้าใจแหละ “กลัวติดคุก” จึงไม่กล้าออกเป็นพรก.หวังเอารัฐสภาเป็นฝายันหลัง จึงออกเป็นพรบ.คือโยนเรื่องกู้ให้รัฐสภารับผิดชอบแทน

ผ่านรัฐสภาได้ กูได้เงิน ๕ แสนล้านไปแจกเอาหน้า-เอาคะแนนแฟนๆ เพื่อไทยตอนหาเสียง

ถ้าไม่ผ่าน ก็ตบตูด ป้องปากตะโกนฟ้องชาวบ้าน… “เพื่อไทยทำเต็มที่แล้ว แต่รัฐสภาขัดขวาง ไม่ต้องการให้พ่อแม่พี่น้องมีกิน-มีใช้”

“รัฐสภา” ก็เอาหน้ารับเกี๊ยะแทนเพื่อไทยไป!

การออกพรบ.กู้นี้ เป็นประเด็นเดียวที่ “เพื่อไทย” ประสานเสียงไปในทิศทางเดียวกัน ไม่เหมือนเรื่องอื่นๆ

เอาหละ ก็รู้แล้วว่า จะออกพรบ.เงินกู้
แต่ “แหล่งเงินกู้” ๕ แสนล้านบาทล่ะ จะเอาจากที่ไหน?

“แบ๊ะๆ….ไปไหนมา-สามวาสองศอก” เหมือนกันหมด ทั้งเศรษฐา ทั้งพรหมินทร์ ทั้งภูมิธรรม!?

อยากรู้ หมอพรหมินทร์และคณะพรรค ใช้วิทยาศาสตร์ นิติศาสตร์ หรือไสยศาสตร์ ออกใบรับประกัน ว่าจะอยู่ครบ ๔ ปี?

เพราะอย่างนั้น ผมจึงเห็นว่า รัฐบาลไม่ควรเอาเงิน ๑ หมื่นบาท ไปเล่นกับ “ความอยากได้” ของชาวบ้าน
โดยใช้คำว่า “วิกฤต” เป็นเงื่อนไขเทียมในการแจก

ซึ่งนั่นจะนำเศรษฐกิจ “การเงิน-การคลัง” ไปตกหล่มวิกฤติจริง โดยเสถียรประเทศ ถูกลดระดับความเชื่อถือ!

รัฐบาลอาศัย “ความไม่รู้” ของชาวบ้านอย่างผม บอกจะใช้เทคโนโลยีบล็อกเชนมาทำดิจิทัลวอลเลตหรือแอปเป๋าตังแจก ๑ หมื่น นั้น

ชาวบ้านไม่รู้หรอกว่า “บล็อกเชนคืออะไร?”
มีกี่ระบบ จะใช้ระบบไหน เพื่ออะไร ทำง่ายหรือทำยาก ต้องใช้ทั้งเวลา ทั้งกำลังคนควบคุม ทั้งเงินที่หมื่น-กี่แสนล้าน ในการจัดทำระบบ

ทำให้ยุ่งยาก-ซับซ้อนไปเพื่ออะไร และประเด็นสำคัญ พยายามเลี่ยงที่จะพูด ว่าที่ ๕ แสนล้านนั้น เป็น “ดิจิทัล โทเคน”
ไม่ใช่เงินสด แต่เป็น “คูปอง” ใช้แลกซื้อสินค้าได้เฉพาะบางอย่างและในบางที่เท่านั้น

ซ่อนนัยมากกว่านั้น ….
การทำโทเคน ต้องจ้างบริษัทเอกชนทำ ด้วยเงินหมื่นๆ ล้าน ตอนเอาโทเคนไปแลกเงิน ก็จะถูกหักค่าธรรมเนียมอีก
เสีย “ทั้งขึ้น-ทั้งล่อง” แล้วใครได้ไปจากการยักเยื้องใช้ดิจิทัล โทเคนนี้?

การใช้เทคโนโลยีบล็อกเชนกับคนจำนวน ๕๐ ล้านคน และใช้พร้อมๆ กันในวินาทีละเป็นแสนคน นั้น
ระบบ decentralized ของบล็อกเชนนี้ ใช้รองรับคนจำนวนมากๆในเวลาเดียวกันไม่ได้หรอก

เอาละ ให้เครดิตว่ารัฐบาลเพื่อไทย ว่าผ่านด่านไปจนถึงออกดิจิทัล โทเคน แจกได้จริงๆ

ภายใน ๔ เดือน “ธันวา.๖๖-๙ เมย.๖๗” รัฐบาลต้องเอาเงินสด ๕ แสนล้าน มาวาง “ค้ำประกัน” การออกโทเคนก่อน
ถ้าไม่มี ๕ แสนล้านมาวาง ก็ออกดิจิทัล โทเคน เพื่อแจกไม่ได้!!!

แล้วคิดซิ ภายใน ๔ เดือนต่อจากนี้ ภารกิจที่รัฐบาลต้องทำให้สำเร็จก่อนจึงจะแจกได้ คือ…..

๑.พรบ.กู้ ๕ แสนล้าน ต้องผ่านสภา ๓ วาระ ประกาศใช้เป็นกฎหมาย

๒.รัฐบาลต้องหาแหล่งเงินกู้ ๕ แสนล้านให้ได้

๓.ต้องผ่านด่านพิจารณาวินิจฉัยจากศาลรัฐธรรมนูญก่อนว่า การออกพรบ.เช่นนั้น เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ มาตรา ๑๔๐
ว่าด้วยงบประมาณรายจ่าย,กฎหมายว่าด้วยวิธีการงบประมาณ,กฎหมายว่าด้วยการโอนงบประมาณ,กฎหมายว่าด้วยเงินคงคลัง,กฎหมายว่าด้วยการเงิน-การคลัง หรือไม่?

และมีความจำเป็นรีบด่วนหรือไม่?

เนี่ย….
แล้ว ๔ เดือน เศรษฐาจะปฎิบัติ ๓ ภารกิจนี้สำเร็จลุล่วง จนมีเงิน ๕ แสนล้านไปวางค้ำประกันการออกดิจิทัล โทเคนมั้ย?

ถ้าไม่ผ่านทั้ง ๓ ข้อนี้ คณะรัฐบาลก็ต้องพ้นสภาพไป แต่ละพรรค ไปจับขั้วตั้งรัฐบาลใหม่!

อุ๊งอิ๊งที่อ้อนแอ้นหน้าขาวเหมือนนางละเวง จะได้เป็นนายกฯ คนต่อไปหรือไม่ ไม่ต้องถาม

ต้องถามว่า…
ถึงพฤษภา. “เพื่อไทย” ยังมีสิทธิ์เป็นแกนตั้งรัฐบาลหรือไม่?
นั่นแหละ “โลกเป็นจริง!”

เปลว สีเงิน

๒๑ พฤศจิกายน ๒๕๖๖

Written By
More from plew
ปิยบุตร “ยังเป็นคนอยู่หรือ?”
ผมว่านะ………… คนอย่างนาย “ปิยบุตร แสงกนกกุล” นี่ นอกจากสงสัยกันว่า จบดอกเตอร์ทางกฎหมาย เป็นถึงระดับรองศาสตราจารย์มาได้อย่างไรแล้ว เขายังสงสัยกันอีกว่า……… ด้วยนิสัย-สันดานอย่างนี้ รอด”สหบาท” จนโตมาได้อย่างไรด้วย?
Read More
0 replies on ““๔ เดือน” คือ “เงื่อนตาย” – เปลว สีเงิน”