19 ต.ค.63 – 5 พรรคฝ่ายค้านแถลงจุดยืนขอเปิดประชุมรัฐสภาสมัยวิสามัญ แก้ไขรัฐธรรมนูญ และคลี่คลายสถานการณ์บ้านเมืองขอ ส.ส.รัฐบาลร่วมลงชื่อ แนะรัฐบาลจริงใจเปิดทางแก้ปัญหา จี้ นายกฯยกเลิกประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน
นายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทยนำคณะ ส.ส.พรรคฝ่ายค้าน ประกอบด้วย นายสุทิน คลังแสงประธานกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) พ.ต.อ.ทวี สอดส่องเลขาธิการพรรคประชาชาติ นายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล นายสงคราม กิจเลิศไพโรจน์ หัวหน้าพรรคเพื่อชาติ และ นายนิคม บุญวิเศษ หัวหน้าพรรคพลังปวงชนไทยร่วมแถลง หลังประชุมร่วมกับตัวแทนรัฐบาลและพรรคการเมืองฝ่ายรัฐบาล ที่มี นายชวนหลีกภัย เป็นประธานการประชุมเพื่อร่วมหาแนวทางคลี่คลายสถานการณ์บ้านเมือง ว่าพรรคฝ่ายค้านยืนยันเดินหน้าให้มีการเปิดประชุมสภาสมัยวิสามัญตามรัฐธรรมนูญมาตรา123 ที่บัญญัติให้สมาชิกสองสภารวมกันจํานวนไม่น้อยกว่า1 ใน 3 เข้าชื่อร้องขอต่อประธานรัฐสภาให้นําความกราบบังคมทูลเพื่อมีพระบรมราชโองการประกาศเรียกประชุมรัฐสภาเป็นการประชุมสมัยวิสามัญได้ ซึ่งขณะนี้ ส.ส.ฝ่ายค้านลงชื่อแล้ว 211 รายชื่อ ขาดเพียง34 รายชื่อ จะครบ 245 คนตามที่กฎหมายกำหนด ดังนั้นในวันที่ 20 ต.ค.นี้ ฝ่ายค้านจะนำเอกสารการร่วมลงชื่อมาวางไว้ที่สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรเพื่อให้ ส.ส.รัฐบาลมาร่วมลงชื่อให้ครบตามจำนวน
เลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ญัตติที่จะยื่นดังกล่าวระบุถึงข้อกำหนดตามประกาศในสถานการณ์ฉุกเฉินมีข้อความที่เป็นการจำกัดสิทธิเสรีภาพในการดำเนินชีวิตของประชาชน รวมทั้งยังมีการสั่งสลายการชุมนุมแต่การชุมนุมยังไม่ได้ข้อยุติ จึงขอให้รัฐบาลแสดงความจริงใจด้วยการยกเลิกประกาศตามพ.ร.ก.ฉุกเฉิน และขอให้มีการปล่อยตัวผู้เข้าร่วมชุมนุมที่ถูกจับตัวไปได้ พร้อมระบุว่าในการหารือวันนี้ประธานสภาผู้แทนราษฎรเห็นด้วยกับแนวทางการใช้ที่ประชุมสภา หาข้อยุติ ให้สภาเป็นที่พึ่งหวังของประชาชน
ด้านเลขาธิการพรรคก้าวไกล กล่าวเพิ่มเติมถึงกรณีการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ยังอยู่ระหว่างการพิจารณาของคณะกรรมาธิการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญก่อนรับหลักการ รัฐสภา และจะมีการขอขยายเวลาการทำงานออกไปอีก 15 วันทำให้ไม่สามารถนำเข้าสู่การพิจารณาของรัฐสภาได้ทันในช่วงนี้หากสามารถเปิดประชุมสมัยวิสามัญได้ว่าหากรัฐบาลมีความจริงใจในการแก้ปัญหาจริง รัฐบาลสามารถเร่งรัดได้
เนื่องจาก นายวิรัช รัตนเศรษฐ ประธานกรรมาธิการระบุเองว่าจะจบการพิจารณาได้ในวันที่ 22 ต.ค. นี้ ตนจึงเห็นว่าสามารถเปิดประชุมวิสามัญและลงมติแก้ไขรัฐธรรมนูญวาระแรกได้ในช่วงปลายเดือนต.ค. นี้ ก่อนเปิดประชุมสมัยสามัญในเดือน พ.ย.
พร้อมกันนี้ ขอเรียกร้องไปยังพรรคร่วมรัฐบาลให้มีจุดยืนชัดเจนว่าเห็นด้วยหรือไม่กับการใช้อำนาจของนายกฯ ในขณะนี้ โดยเฉพาะการละเมิดสิทธิเสรีภาพของสื่อมวลชนและประชาชนหากไม่เห็นด้วยต้องแสดงจุดยืนชัดเจนให้มีการยกเลิกสถานการณ์ฉุกเฉิน แต่หากยังไม่มีการยกเลิกตนขอให้พรรคร่วมรัฐบาลทบทวนและถอนตัวจากการ่วมรัฐบาลชุดนี้ เพื่อเปิดทางให้มีนายกฯคนใหม่