อยู่แบบนี้อีกนานแค่ไหน?-ผักกาดหอม

ผักกาดหอม

อย่าเพิ่งเบื่อ “โอมิครอน”

เพราะดูแนวโน้ม ยังต้องพูดถึงไปอีกหลายเดือน

แม้จะมีข่าวดีว่า ยังไม่พบผู้ป่วยรายที่สองในไทย แต่ก็ใช่ว่าจะหยุดอยู่ที่รายที่หนึ่ง

ลักษณะการระบาดของ “โอมิครอน” ในอเมริกา และยุโรป เป็นเครื่องยืนยันว่า อีกไม่นาน ไวรัสโควิด-๑๙ สายพันธุ์นี้ จะลามไปทั่วโลก

มาไทยเต็มๆ เมื่อไหร่ ไม่ต้องไล่เช็กบิล อ้างว่ามีคนปล่อยให้ “โอมิครอน” เข้ามา เพราะถ้าทำแบบนั้น ทุกประเทศทั่วโลกต้องไล่รัฐบาลตัวเองออก

ไม่มีใครอยากให้ไวรัสระบาดหรอกครับ

แต่การสู้กับสิ่งที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่านั้น มันไม่ง่าย

อย่าไปด่าคุณอนุทิน ที่บอกว่า “จะช้าหรือเร็วทุกประเทศต้องพบเชื้อโอมิครอน” เพราะมันเป็นเช่นนั้นจริงๆ

เพราะขนาด ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ยังยอมรับว่าเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ที่เคสผู้ติดเชื้อโอมิครอนจะเกิดขึ้นในสหรัฐฯ

หรือดูกรณีอังกฤษเป็นตัวอย่าง

ตัวเลขผู้ป่วยโควิด “โอมิครอน” ในอังกฤษล่าสุด อาจมีมากกว่า ๑ พันคนแล้ว

คิดเป็นเกือบสี่เท่าของตัวเลขที่มีการรายงานอย่างเป็นทางการ

มีคาดการณ์ว่า “โอมิครอน” แพร่กระจายได้รวดเร็วกว่าสายพันธุ์เดลตา มากกว่า ๒ เท่า ฉะนั้นมีความเป็นไปได้ว่า   “โอมิครอน” จะกลายเป็นโควิดสายพันธุ์หลักในระยะเวลาประมาณหนึ่งเดือนนับจากนี้

ฉะนั้นจะเห็นได้ว่า ประเทศยักษ์ใหญ่ต่างไม่รอดจาก “โอมิครอน”

ประเด็นนับจากนี้จึงอยู่ที่การรับมือของภาครัฐ ว่ามีประสิทธิภาพแค่ไหน

ถ้าดูจากความตั้งใจ ณ ปัจจุบันยังถือว่าโอเคอยู่

อย่างกรณีการพบเชื้อรายแรก ต้องนำตัวอย่างมาปั่นหาเชื้อถึง ๓๖ รอบจึงจะพบ ก็แสดงให้เห็นว่า เจอปัญหาแล้วไม่ได้ปล่อยผ่าน

ก็ยังพอสบายใจได้ แม้จะเจอ “โอมิครอน” รายแรกในไทย ก็เหมือนยังไม่เจอ เพราะเจอในพื้นที่ปิด ผู้ป่วยมีเชื้อเล็กน้อย แพร่เชื้อยาก

แต่อนาคตอันใกล้ต้องเจออีก

เป็นไปไม่ได้เลยที่ประเทศไทยประเทศเดียวจะปลอดเชื้อ ขณะที่ “โอมิครอน” ระบาดไปทั่วโลก

ฉะนั้น นอกจากตัว “โอมิครอน” แล้ว การตื่นตัวของประชาชน จะเป็นปัจจัยสำคัญที่สุด ที่ตัดสินว่า การระบาดเวฟ ๕ จะรุนแรง หรือเบากว่ารอบที่ผ่านๆ มา

ข้อมูลจนถึงวันนี้ ยังไม่มีประเทศไหนในโลกประกาศปิดเมืองเพราะ “โอมิครอน”

สถานการณ์ปัจจุบันยังเป็นการเฝ้ามอง และตรวจสอบ ว่า “โอมิครอน” จะสามารถก่อความรุนแรงได้แค่ไหน แต่เท่าที่เห็น ระบาดง่าย แต่ความดุของเชื้อต่ำ

ถ้าอาการเจ็บป่วยดีกรีพอๆ กับไข้หวัดธรรมดา มนุษย์ก็จะอยู่ร่วมกับ “โอมิครอน” เหมือนกับอยู่ร่วมกับไข้หวัด โดยไม่ต้องตื่นตระหนก วิตกกังวลกันอีกต่อไป

ในส่วนที่เอารัฐบาลไปด่ากันในโซเชียล ว่าถ้าไม่รีบปิดประเทศ ต้องรับผิดชอบ หาก “โอมิครอน” ระบาด ก็ต้องใจเย็นๆ

เปิด-ปิด ประเทศ ไม่ใช่เล่นขายของ เพราะเกี่ยวข้องกับผู้คนมากมาย หลากหลายสาขาอาชีพ

เผด็จการชี้นิ้วสั่งง่ายอยู่แล้วครับ

แต่ประเทศไทยมันไม่ได้เป็นแบบนั้น

สุ่มสี่สุ่มห้าปิดประเทศตอนนี้รัฐบาลโดนถล่มเละ

ขุดโคตรพ่อโคตรแม่มาด่าสนุกปาก

สู้กับโควิด เอาแต่ใจไม่ได้ มันต้องเอาข้อมูลที่โลกมีอยู่มาแบ เพราะขณะนี้ทั่วโลกล้วนได้รับข้อมูลเกี่ยวกับ “โอมิครอน”  ไปพร้อมๆ กัน

ประเด็นที่น่าสนใจ และมีการตั้งคำถามกันเยอะ แล้วเราต้องอยู่กับโควิดไปอีกนานเท่าไหร่

ถ้าเทียบกับไข้หวัดสเปน ก็พอมองเห็น แสงสว่างปลายอุโมงค์อยู่บ้าง

จุดสิ้นสุดของไข้หวัดสเปน หลังจากการระบาดรุนแรงรอบที่สองในช่วงปลายปี ๒๔๖๑ ผู้ป่วยรายใหม่ลดลงอย่างฉับพลัน อย่างไม่น่าเชื่อ

แทบจะไม่มีผู้ป่วยเลยหลังจากผ่านจุดระบาดสูงสุดในระลอกที่สอง

เช่นกรณีการระบาดในฟิลาเดลเฟีย มีผู้เสียชีวิต ๔,๕๙๗  ราย เมื่อสิ้นสุดสัปดาห์ในวันที่ ๑๖ ตุลาคม ปีดังกล่าว

แต่มาถึงวันที่ ๑๑ พฤศจิกายน ไข้หวัดสเปนกลับหายตัวไปจากเมืองอย่างไร้ร่องรอย

มีคำอธิบายหนึ่งสำหรับการลดลงอย่างรวดเร็วของโรคนี้คือ ความรู้ทางการแพทย์มีประสิทธิภาพมากขึ้นในการป้องกันและรักษาโรคปอดบวมที่พัฒนาขึ้นหลังจากผู้ป่วยติดเชื้อไวรัส

นอกจากนี้ยังมีอีกทฤษฎีหนึ่งเชื่อว่า เชื้อไวรัสได้กลายพันธุ์อย่างรวดเร็ว จนกลายเป็นสายพันธุ์ที่มีความร้ายแรงน้อยลง

นี่เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั่วไปกับไวรัสไข้หวัดใหญ่ กล่าวคือ มีแนวโน้มว่าไวรัสก่อโรคจะมีความร้ายแรงน้อยลงตามกาลเวลา

เนื่องจากสายพันธุ์ที่อันตรายมากกว่ามีแนวโน้มที่จะตายจากไปจนหมด

คล้ายกับการหายไปของเดลตาในญี่ปุ่น

“อิทูโระ อิโนอุเอะ” นักพันธุศาสตร์จากสถาบันพันธุศาสตร์แห่งชาติ เชื่อว่าญี่ปุ่นโชคดีที่ได้เห็นสายพันธุ์เดลตาซึ่งส่วนใหญ่กำจัดไวรัส SARS-CoV-2 สายพันธุ์อื่นๆ ได้กำจัดตัวมันเอง

ไวรัส RNA แบบเดียวกับที่ก่อให้เกิดโรคโควิด-๑๙ มักจะมีอัตราการกลายพันธุ์ที่สูงมาก ซึ่งช่วยให้พวกมันปรับตัวเข้ากับการเปลี่ยนแปลงของสิ่งแวดล้อมได้อย่างรวดเร็ว

ในมุมกลับกัน นี่ก็เป็นการเปิดประตูสำหรับสิ่งที่เรียกว่า หายนะจากข้อผิดพลาด

เมื่อมีการกลายพันธุ์ที่ไม่ดี

ในที่สุดก็ทำให้เกิดการสูญพันธุ์อย่างสมบูรณ์

แต่ก็ยังไม่แน่ชัดว่า “โอมิครอน” คือโควิดตัวสุดท้าย  เพราะติดง่าย แต่อาการน้อย จนเป็นหนึ่งในหายนะจากข้อผิดพลาดหรือไม่

หรือจะยังมีการกลายพันธุ์ต่อไปเรื่อยๆ

ก็อาจเป็นเรื่องโชคดีของมวลมนุษยชาติที่ “โอมิครอน” โผล่มาในช่วงที่ประชาชนหลายประเทศในโลกฉีดวัคซีนกันไปเยอะแล้ว

ติดง่าย แต่อาการน้อย มุมหนึ่งเหมือนมนุษย์มีแต้มต่อไวรัส

ท่ามกลางข้อกังวลว่า “โอมิครอน” จะไปจบที่ไหน

เศรษฐกิจก็น่าห่วง ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดการณ์ในสถานการณ์ของเดลตา เศรษฐกิจทั้งปี ๒๕๖๕ ยังน่าจะสามารถฟื้นตัวได้ที่ ๓.๗%

ในกรณีเลวร้ายสุด สายพันธุ์โอมิครอน มีความรุนแรงเทียบเท่ากับสายพันธุ์เดลตา และประสิทธิภาพของวัคซีนที่ใช้อยู่ในปัจจุบันลดลงอย่างมาก

ส่งผลต่อความจำเป็นต้องมีการนำมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดในประเทศมาใช้ อาทิ ปิดประเทศ รวมถึงมาตรการล็อกดาวน์ในประเทศตามระดับความเสี่ยงของแต่ละพื้นที่

จะทำให้การขยายตัวของเศรษฐกิจไทยในปี ๒๕๖๕ ลดลงมาอยู่ที่ประมาณ ๒.๘%

ก็พอจะมีข่าวดีอยู่บ้าง “โอมิครอน” มิได้ชกมนุษย์เพียงข้างเดียว

บริษัทยาอังกฤษชื่อว่าแกล็กโซสมิทไคล์นหรือ GSK  ประกาศว่า การรักษาโควิด-๑๙ ด้วยแอนติบอดี ที่ทางบริษัทได้พัฒนาร่วมกับบริษัท Vir Biotechnology ของอเมริกา ใช้ได้ผลกับการกลายพันธุ์ของไวรัสที่หนามโปรตีนทั้งหมด ๓๗  จุดที่ระบุได้จนถึงปัจจุบัน

นั่นหมายความว่า สามารถรักษาโควิดกลายพันธุ์ได้ทุกชนิด

รวมทั้ง “โอมิครอน”

ผลการทดลองที่เปิดเผยเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว แสดงให้เห็นว่า ตัวยา ชื่อ “โซโตรวิแมบ” ใช้ได้ผลกับ “โอมิครอน” อย่างมีนัยสำคัญ

ครับ…ข้อกังวลหลังจากนี้ อาจไม่ใช่ “โอมิครอน” แต่เป็นมนุษย์

มนุษย์ที่หยิบเอา “โอมิครอน” มาเล่นการเมือง


Written By
More from pp
“สำรองไว้ เผื่อฉุกเฉิน” ! “อนุทิน” เผยเบื้องหลังการนำเข้าวัคซีนแอสตราเซนนิกา ชี้ เป็นบทพิสูจน์ ไม่เคยหยุดคิดเรื่องจัดหาวัคซีนโควิด-19
25 กุมภาพันธ์ 2564 ที่กระทรวงสาธารณสุข นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวภายหลังการรับวัคซีนจากบริษัทซิโนแวค ไอโอเทค และจากบริษัท แอสตราเซนนิกา จำนวนประมาณ...
Read More
0 replies on “อยู่แบบนี้อีกนานแค่ไหน?-ผักกาดหอม”

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save
'); }); var ratingTotalIndicator = function() { var indicator = document.querySelectorAll('.rating-total-indicator'); if (typeof indicator === 'undefined' || indicator === null) { return; } for ( var i = 0, len = indicator.length; i 0 || bottom > 0) && top