30 ก.ย. 2563 พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) แถลงความคืบหน้าคดีผู้ต้องหาบุกชิงทองกลางห้างดังย่านลาดพร้าว-วังหิน หลังจากจับได้ยกทีม 3 คน โดยจับนายชัยมงคล ใจบุญอุปถัมป์ ได้ที่ จ.เลย และจับแฟนสาวได้ที่ จ.หนองคาย รวมถึงนายสุริยันต์ นิลบรรพต จับได้ที่ จ.นครปฐม พร้อมทองของกลางน้ำหนักประมาณ 80 บาท
จากการสอบสวน ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพถึงมูลเหตุจูงใจว่า เคยได้รับเงินจากการปล้นร้านทองที่ จ.ขอนเเก่น จำนวน 700,000 กว่าบาท เมื่อปีก่อน จากนั้นได้ใช้เงินจนหมด เมื่อไม่มีเงินใช้ก็วางเเผนกลับมาก่อเหตุที่ห้างโลตัส-วังหิน ซึ่งก่อนก่อเหตุมีการดูลาดเลาร้านทองหลายๆ ร้าน ระยะเวลานานประมาณ 1 เดือน จึงเลือกห้างโลตัส-วังหิน เพราะมองว่าระบบรักษาความปลอดภัยหละหลวม
จากนั้นมีการเตรียมรถจักรยานยนต์ โดยพ่นสีทับเลขเครื่อง/ตัวถัง เเล้วปลอมเเปลงการเเต่งกาย ใส่วิกผม ใส่หมวกกันน็อค สวมเสื้อทับสองชั้น ก่อนลงมือชิงทรัพย์ นำทองใส่กระเป๋าเป้สีดำ
หลังจากก่อเหตุเสร็จได้ถอดเสื้อ ถอดเป้ใส่ถุงดำ พร้อมกับทิ้งรถไว้ที่อพาร์ทเมนท์ภายในซอยเสนานิคม 1 เเล้วออกมาเรียกรถเเท็กซี่คันที่ 1 ไปลงที่หน้าห้างเซ็นทรัลลาดพร้าว จากนั้นเดินหลบกล้องวงจรปิด ต่อรถเเท็กซี่คันที่ 2 ที่สวนจตุจักร เเละต่อรถเเท็กซี่คันที่ 3 มาลงที่สถานีขนส่งหมอชิต
พร้อมนัดหมายเเฟนสาวให้นำพัดลมมาให้ เพื่อนำทองเเละปืนซุกซ่อนในฐานของพัดลม และแยกย้ายกันหลบหนี โดยนายชัยมงคล นำทองติดตัวไป 1 เส้น ส่วนแฟนสาวนำไป 3 เส้น ที่เหลือนำไปฝากไว้กับนายสุริยันต์ ที่ จ.นครปฐม ก่อนจะถูกจับได้
จากตรวจสอบประวัตินายชัยมงคล พบว่าเคยก่อเหตุชิงทองในพื้นที่ จ.สุราษฏ์ธานี จ.ปทุมธานี ก่อนจะถูกจับดำเนินคดี เมื่อพ้นโทษออกมาในปี 2562 จึงร่วมกับพวก อีก 4 คนก่อเหตุปล้นทองในห้างกลางเมือง จ.ขอนแก่น และสามารถหลบหนีมาได้ กระทั่งครั้งล่าสุดมาก่อเหตุซ้ำอีกที่ห้างย่านวังหิน
ขณะเดียวกันช่วงบ่ายวันนี้ตำรวจเตรียมคุมตัวผู้ต้องหาไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพจุดเกิดเหตุก่อนส่งตัวดำเนินคดี