ดำรง พุฒตาล เล่าผ่านไลน์
เสียภาษีที่ดิน และสิ่งปลูกสร้างปีนี้วุ่นวาย ชุลมุนชุลเก สับสน อารมณ์บูดอารมณ์เสียกันทุกฝ่าย
วันนี้เรื่องเล่าผ่านไลน์ ที่ www.plewseengern.com ของผม จะเล่าเรื่องการเสียภาษี ที่ดินและสิ่งปลูกสร้างซึ่งรัฐบาลเอาจริงเอาจัง อย่างที่สุดเท่าที่มีประเทศไทยมา ผมขอแบ่งเรื่องการเสียภาษีออกเป็นสองฝ่าย
ฝ่ายที่หนึ่ง คือฝ่ายประชาชน ผู้ไปเสียภาษีให้รัฐตาม กฏหมาย
ฝ่ายที่สองคือ ฝ่ายเจ้าหน้าที่บ้านเมือง ซึ่งมีทั้ง ข้าราชการเทศบาล องค์การบริหารส่วนตำบล
ซึ่งจะสังกัดกองคลัง และมีหน้าที่รับเงินจากราษฎรที่ไปเสียภาษี และต้องจัดทำเอกสารต่างๆ เป็นหลักฐาน เป็นใบเสร็จรับเงิน และเอกสารอื่นๆ อีกหลายอย่าง
ระยะนี้ตัวผมเอง ต้องขึ้นลง กองคลัง ทั้งที่เป็น องค์การบริหารส่วนตำบล หรือ อบต. และกองคลังของเทศบาล
ที่ผมไปก็เพื่อไปเสียภาษีที่ดินนั่นเอง จึงทำให้ผมได้มีประสบการณ์ และได้พบกับเหตุการณ์ต่างๆ ที่อยากจะบอกกล่าวขอร้อง ให้ราษฎรที่ไปเสียภาษี โปรดอย่าได้พูดจาในเชิงประชดประชัน ดูหมิ่นดูแคลน หรือต่อว่าต่อขาน ข้าราชการ ที่มีหน้าที่ให้บริการในการรับเงินค่าภาษี ซึ่งตกที่นั่งลำบาก เพราะเป็นหนังหน้าไฟ มารับหน้าที่นี้
กล่าวคือ ประชาชนที่ไปเสียภาษีนั้น ทุกคนก็รู้ซึ้งอยู่กับใจว่า เงินภาษีที่ประชาชนนำมาชำระให้รัฐบาลนั้น ส่วนหนึ่งถูกใช้ไปอย่างสุรุ่ยสุร่าย คอรัปต์ชั่นฉ้อราษฎร์บังหลวง ใช้เงินผิดประเภท หรือเอาเงินภาษีไปใช้จ่ายในสิ่งที่ไม่มีความจำเป็น ในสิ่งที่ไม่เป็นประโยชน์กับประชาชนและบ้านเมือง หรืออื่นๆ อีกมากมาย
ครั้นเมื่อไปจ่ายเงินค่าภาษีกับเจ้าหน้าที่ ฝ่ายผู้เสียภาษี ก็มักจะพูดจากระแทกแดกดัน ประชดประชัน ถากถาง กับเจ้าหน้าที่ผู้รับเงิน ซึ่งเป็นหน้าที่ของเขา แต่พวกเขา ก็ต้องมานั่งรับกรรม ฟังคำบ่นก่นด่า โดยไม่เกรงใจจากผู้เสียภาษี
ผมได้ยินมากับหูตัวเอง คือมีราษฎรหน้าตาออกจีนๆ ได้พูดเสียงดังกับเจ้าหน้าที่กองคลัง ว่า “ผมมาเสียภาษี คุณจะได้เอาเงินภาษีผม ไปซื้อเรือดำน้ำไงล่ะ” ผมเห็นเจ้าหน้าที่ผู้รับเงินทำหน้า ปูเลี่ยนๆ แบบเซ็งๆ
อีกรายหนึ่งผมได้เห็นกับตา ที่กองคลังเทศบาลแห่งหนึ่ง ซึ่งผมก็ไปเสียภาษี มีสามีภรรยาคู่หนึ่ง ได้แจ้งกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงินว่า ที่ดินของเขานั้นใช้ทำการเกษตร ซึ่งจะไม่ต้องเสียภาษี เลยสักบาทเดียวภายในสามปี
เจ้าหน้าที่บอกว่า ผู้เสียภาษีต้องถ่ายรูปที่ดินที่ทำการเกษตรมาให้ดู ฝ่ายสามี ก็บอกกับเจ้านาทีว่า ได้ถ่ายรูปที่ดินที่ทำการเกษตรมาแล้วอยู่ในมือถือนี้ แล้วได้เปิดรูป ในโทรศัพท์ พร้อมกับจะยื่นโทรศัพท์มือถือให้เจ้าหน้าที่
ทันใดนั้น ภรรยาก็ร้องห้ามว่า “ที่รักๆ ไม่ต้องส่งให้เขาเดี๋ยวโทรศัพท์สกปรกหมด” ผมรู้ว่าเจ้าหน้าที่หญิงคนนั้นได้ยินอยู่เต็มสองหู แต่ผมไม่รู้ว่าในใจเธอคิดอย่างไร ผมก็ได้แต่สงสารและเห็นใจเธอด้วยใจจริง
เจ้าหน้าที่คนหนึ่งเล่าให้ผมฟังว่า ประชาชนเกือบทุกคนที่มาเสียภาษี มักจะใช้อารมณ์ พูดจาอย่างไม่เกรงใจว่าเราก็เป็นคนไทยด้วยกัน เพราะถือว่ามาเสียเงินให้รัฐ เธอเล่าว่ามีอยู่คนหนึ่ง ที่มาเสียภาษี ได้พูดจาโผงผางว่า “ผมจะต้องมาเสียภาษีทำไม ผมจะไว้ใจได้อย่างไร ก็ในเมื่อตอนนี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังก็ไม่มี ว่างมาเป็นเดือนแล้ว แล้วใครจะรับผิดชอบดูแลเงินภาษีของประชาชน” (กย. 2563)
ผมขออนุญาตขอร้องต่อ พี่น้องประชาชน ที่ขึ้นไปเสียภาษี โดยที่ตัวผมเองก็ไม่ได้เป็นข้าราชการหรืออยู่ฝ่ายรัฐบาล ซึ่งจริงๆผมก็ไม่ได้อยู่ฝ่ายไหนทั้งนั้น
แต่ผมได้เห็นว่า บรรดาข้าราชการหรือเจ้าหน้าที่ ที่มีหน้าที่เกี่ยวกับการรับเงินภาษีจากประชาชนนั้น พวกเขาทั้งหลาย นอกจากจะทำงานหนักแล้ว ก็ต้องทำงานอยู่ภายใต้ความกดดัน ด้วยการรองรับอารมณ์ของผู้มาเสียภาษี
ที่สำคัญที่สุด ปริมาณงานนั้นมากกว่าจำนวนคนที่ทำหน้าที่ให้บริการ เทศบาลบางแห่งมีที่ดินมากกว่า 40,000 แปลงที่ต้องจัดการเก็บภาษี และส่งเอกสาร จึงเป็นเรื่องที่ต้องเห็นใจกัน
และอย่าลืมว่า ข้าราชการก็เป็นมนุษย์ปุถุชน มีอารมณ์มีความรู้สึกเหมือนเราๆท่านๆ ไหนๆ ท่านก็ได้ไปแสดงตนต่อข้าราชการว่าท่านเป็นพลเมืองดีแล้ว ก็ขอให้พวกข้าราชการเขาได้รู้สึกว่าท่านเป็น “คนดี” จริงๆ
วันนี้ผมขอแสดงความเห็นใจ และอยากให้กำลังใจ เจ้าหน้าที่ หรือข้าราชการที่เกี่ยวข้องกับเรื่องการเสียภาษี จึงยังไม่ได้เล่าถึง ความสับสนวุ่นวาย หรือมาตรการ ที่แน่นอน ในเรื่องการเสียภาษีนี้ ซึ่งจะแตกต่างกันออกไป หามาตรการหลักยังไม่ได้
ผมนำเรื่องนี้ ไปปรารภกับท่านผู้ใหญ่ คนดีที่ผมเคารพนับถือท่านหนึ่ง ท่านบอกว่า “เราออกกฏหมาย โดยข้อมูลดิบไม่พร้อม land use program จะช่วยเร่งผลผลิตของชาติ ไม่ปล่อยให้ที่ว่างเปล่า อย่างน้อยก็ให้มีต้นไม้ แต่อนิจจา ขาดการสำรวจและเชื่อมโยง การใช้ประโยชน์ในที่ดิน”