ดำรง พุฒตาล เล่าผ่านไลน์
ผมเขียนบทความนี้ในวันพุธที่ 29 เมษายน 2563 เวลา 15:00 น. ซึ่ง ณ เวลานี้โลกยังไม่รู้ว่า ประธานาธิบดีเกาหลีเหนือคนปัจจุบันอยู่ที่ไหน ยังมีชีวิตอยู่หรือเปล่า หรือป่วยหนักจนไม่อาจบริหารราชการเมืองได้ แต่สำหรับผมในฐานะที่ติดตามข่าวสารการเมืองทั่วโลกมาตั้งแต่สมัยเรียนอยู่ในชั้นมัธยม และเมื่อเป็นสมาชิกวุฒิสภา ก็ได้เป็นรองประธานกรรมาธิการการต่างประเทศ จึงพอมีประสบการณ์เกี่ยวกับการเมืองระหว่างประเทศบนเวทีโลก
“ผมมีเหตุผลและแนวคิดอยู่สองสามประการว่ามีความเป็นไปได้ที่ประธานาธิบดีคิมจองอึนอาจจะ ผมขออนุญาตย้ำคำว่า “อาจจะ” ถูก “ปฏิวัติเงียบ” โดยกลุ่มคอมมิวนิสต์ซ้ายจัดของประเทศของตัวเอง”
ประการแรก เมื่อคิมจองอึนได้ขึ้นเป็นผู้นำที่มีอำนาจสูงสุดในขณะที่มีอายุยังไม่ถึง 30 ปี เขาก็ได้ ปราบปรามและสั่งฆ่าบุคคลที่เคยร่วมงานกับพ่อของเขามาก่อน ซึ่งมีทั้งนายทหารอาวุโส และญาติพี่น้องที่สนิท เช่น ลุง ป้า น้า อา เป็นต้น ซึ่งกลุ่มคนเหล่านี้ก็อาจเป็นคลื่นใต้น้ำ ที่รอวันระเบิดความแค้นสะสมอยู่
ประการที่สองได้มีภาพให้ชาวโลกได้เห็นอย่างชัดเจนในความสัมพันธ์ระหว่างประธานาธิบดีคิมจองอึน กับ ศัตรูตัวฉกาจของคุณปู่และคุณพ่อของเขา คือประธานาธิบดีทรัมป์ ซึ่งก็เป็นไม้เบื่อไม้เมากันมาหลายสิบปี แต่ภาพที่ออกไปทางสื่อทั่วโลกจะเห็นได้ว่าคิมจองอึนได้แสดงความเป็นมิตร ที่พูดคุยและเจรจาหารือกันแบบเป็นกัลยาณมิตรที่ดี
ผมสังเกตจากแววตาและสีหน้าของท่านประธานาธิบดีคิม ก็มีมิตรจิตมิตรใจ ไม่ได้มีท่าทีวางท่าเคร่งขรึมเหมือนอย่างประธานาธิบดีปูตินแห่งรัสเซีย จะวางท่าเคร่งขรึมทุกครั้ง เมื่อพบกับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของอเมริกา
ซึ่งฝ่ายตรงข้ามของประธานาธิบดีคิมจองอึน ซึ่งมีอยู่แน่นอนในคณะผู้บริหารประเทศก็อาจจะหาเหตุได้ว่า คิมจองอึน ชักจะหันเหมาทางระบบทุนนิยมอย่างอเมริกา ซ้ำร้ายประธานาธิบดีทรัมป์ ก็โพนทะนาไปทั่วโลกว่าคิมจองอิลเป็นเพื่อนกับเขา
และ ขณะที่ท่านได้พำนักค้างคืนอยู่ที่สิงคโปร์นั้น ประเทศเจ้าภาพก็ได้พาท่านคิมจองอึนท่องราตรี ชมความเจริญ ชมแสงสีอาคารบ้านเรือน อันสวยสดงดงาม ซึ่งฝ่ายที่เป็นอริกับท่านคิมจองอึน ก็สามารถที่จะอ้างเอาเป็นเหตุได้ว่า คิมจองอึน ชักจะมีแนวโน้มเปลี่ยนอุดมการณ์มาเห็นดีเห็นงามกับประเทศประชาธิปไตยแบบทุนนิยม ซึ่งตรงกันข้ามกับลัทธิคอมมิวนิสต์แบบเกาหลีเหนืออย่างสิ้นเชิง
ประการสุดท้าย ผมได้เห็นภาพการต้อนรับอันยิ่งใหญ่ที่ประธานาธิบดีคิมจองอึน ได้จัดต้อนรับนายมุนแจ-อิน ประธานาธิบดีเกาหลีใต้ ที่ได้เดินทางไปเยือนนครเปียงยาง เกาหลีเหนือ ซึ่งผมแทบจะไม่เชื่อกับสายตาที่ได้เห็นว่า ทั้งสองประเทศนี้แม้กระทั่งทุกวันนี้ ก็ยังเป็นศัตรูตัวฉกาจของกันและกัน แต่เหตุไฉนจึงพบปะพูดคุยเจรจาความกันอย่างโอบอ้อมอารียิ้มแย้มแจ่มใส จับมือถือแขน ทักทายกันอย่างจริงใจ เหมือนคนเป็นเพื่อนสนิทกันมาอย่างยาวนาน แต่ที่จริงคือเป็นศัตรูร้ายต่อกันมากว่า 70 ปี
ผมขออนุญาตสรุปด้วยความคิดส่วนตัวของผมเอง ซึ่งอาจจะผิดก็ได้ว่า กลุ่มที่ต้องการจะล้ม คิมจองอึน นั้น สามารถที่จะนำเอาสาเหตุทั้งหมดที่ผมกล่าวมาข้างต้นประณามว่า คิมจองอึน เริ่มจะเบี่ยงเบนอุดมการณ์คอมมิวนิสต์ อาจนำพาประเทศให้เป็นระบบทุนนิยมและประชาธิปไตยซึ่งถือว่าเป็นการแปรพักตร์ ออกจากระบอบคอมมิวนิสต์
จึงจำเป็นต้องขจัดเสียให้สิ้น
ขอให้ผู้อ่านโปรดรับทราบว่า นี่เป็นเพียงความคิดเห็นส่วนตัวของผม ที่ผมบ้าคิดไปคนเดียว แต่ผมก็มีสิทธิที่จะคิด และวิเคราะห์ ซึ่งถ้าผิด หรือไม่ถูกต้องก็แล้วไป แต่สมมุติว่าถ้ามันถูกต้องอย่างที่ผมคิด
ผมก็รู้สึกสงสารประธานาธิบดีคิมจองอิล
คัมซาฮัมนีดา
