ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกระแสข่าวที่กรมการข้าวดำเนินการตามมติครม.จัดหาเมล็ดพันธุ์ข้าวคุณภาพ เพื่อนำไปแจกจ่ายให้กับเกษตรกรเพื่อเยียวยาผลกระทบจากฝนทิ้งช่วงและอุทกภัย ปี 2562 โดยจัดซื้อจากสหกรณ์ผู้ผลิตเมล็ดพันธุ์ 14,300 ตัน แต่อาจเป็นข้าวที่คุณภาพไม่เป็นไปตามเกณฑ์ที่กรมการข้าวกำหนดนั้น
นายจิตติ เจียมเจือจันทร์ ผู้จัดการสหกรณ์นิคมลานสัก จำกัด กล่าวว่า สหกรณ์ได้เข้าไปยื่นเสนอขายเมล็ดพันธุ์กับกรมการข้าว เนื่องจากทางกรมการข้าวได้มีหนังสือส่งถึงสหกรณ์ เมื่อวันที่ 29 พ.ย.62 เชิญประชุม เพื่อหารือการจัดการเมล็ดพันธุ์เพื่อใช้ในโครงการรักษาระดับปริมาณและคุณภาพข้าวปี 2563/64 และได้เข้าร่วมประชุมเมื่อวันที่ 3 ธ.ค.62 จากนั้นจึงมีการเชิญชวนให้สหกรณ์ยื่นเสนอขายเมล็ดพันธุ์ โดยกรมการข้าวได้กำหนดมาตรฐานเมล็ดพันธุ์ที่จะรับซื้อต้องมีอัตราความงอกไม่น้อยกว่า 80% สิ่งเจือปนไม่เกิน 2% ความชื้นไม่เกิน 14 %
“สหกรณ์มีความมั่นใจในเมล็ดพันธุ์ของสหกรณ์ว่าเข้าหลักเกณฑ์ เนื่องจากมีคุณภาพตรงตามเงื่อนไขที่กรมการข้าวต้องการ ไม่เช่นนั้นจะเข้าไปเสนอทำไม เพราะหากคุณภาพไม่ถึงก็ตกคุณสมบัติตั้งแต่ต้น ขณะนี้ได้ประสานกับสหกรณ์เครือข่าย 10 แห่ง เพื่อเตรียมความพร้อมในการผลิตเมล็ดพันธุ์ส่งมอบให้กับกรมการข้าว และจะปฏิบัติตามเงื่อนไขที่โครงการนี้กำหนดอย่างเคร่งครัด”นายจิตติกล่าว
ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวได้สอบถามไปยัง นายพิเชษฐ์ วิริยะพาหะ อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ ต่อกรณีข่าวดังกล่าว อธิบดีกสส.กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า คณะรัฐมนตรี วันที่ 15 ต.ค.2562 มีมติให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ดำเนินการจัดหาเมล็ดพันธุ์ข้าวไปช่วยเหลือเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากภัยแล้งและน้ำท่วมปี 2562 ในโครงการรักษาระดับปริมาณและคุณภาพข้าวปี2563/64 จำนวน 63,200 ตัน วงเงิน 1,739 ล้านบาท โดยกำหนดให้ซื้อเมล็ดพันธุ์ข้าวส่วนหนึ่งจากสหกรณ์การเกษตร จำนวน 14,300 ตัน วงเงินกว่า 400 ล้านบาท
เบื้องต้นกรมพบว่า กรณีการจัดหาเมล็ดพันธุ์ข้าวเพื่อนำไปแจกจ่ายเกษตรกร เป็นหน้าที่ของกรมการข้าว ที่จะดำเนินการตามมติครม. โดยมีหนังสือเชิญชวนสหกรณ์ที่มีศักยภาพในการผลิตเมล็ดพันธุ์เข้ามายื่นข้อเสนอ และกำหนดคุณสมบัติสหกรณ์และคุณภาพของเมล็ดพันธุ์ที่ต้องการไว้อย่างชัดเจน เพื่อให้ได้เมล็ดพันธุ์ตามมาตรฐานที่กรมการข้าวกำหนด ทั้งนี้ สหกรณ์เป็นนิติบุคคล หากมีคุณสมบัติครบตามที่หน่วยงานกำหนดก็สามารถที่จะยื่นเสนอได้ ดังนั้น สหกรณ์ที่ไปยื่นความจำนงเข้าร่วมโครงการนี้ ต้องมีความพร้อมทั้งในเรื่องปริมาณและคุณภาพเมล็ดพันธุ์
“ต้องยอมรับว่าในสหกรณ์การเกษตรกว่า 64 แห่ง มีการส่งเสริมให้สมาชิกผลิตเมล็ดพันธุ์ และสหกรณ์ได้รับซื้อแล้วนำมาปรับปรุง เพื่อให้เป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นดีจำหน่าย โดยที่กรมส่งเสริมสหกรณ์ได้อุดหนุนงบประมาณก่อสร้างโรงงานปรับปรุงเมล็ดพันธุ์ให้ ตั้งแต่ปี 2548 ซึ่งเมล็ดพันธุ์ที่สหกรณ์ผลิตได้ก็จะจำหน่ายต่อให้กับสมาชิกสหกรณ์และเกษตรกรทั่วไป ดังนั้น โครงการนี้มีหลายสหกรณ์ที่สนใจจะเสนอขายเมล็ดพันธุ์กับส่วนราชการ และได้ยื่นเสนอราคาไว้ตั้งแต่กลางเดือนพฤษภาคม ที่ผ่านมา ซึ่งขณะนี้ยังไม่มีการประกาศผลว่าสหกรณ์ใดจะได้รับการคัดเลือก และยังไม่มีการลงนามสัญญาซื้อขายเมล็ดพันธุ์สหกรณ์กับกรมการข้าวแต่อย่างใด จึงแปลกใจว่าทำไมจึงมีกระแสข่าวว่าเมล็ดพันธุ์ข้าวสหกรณ์ไม่มีคุณภาพ” นายพิเชษฐ์กล่าว