เมื่อวันที่ 17 เมษายน 2563 นายนิพนธ์ จำนงสิริศักดิ์ ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 (บ้านโป่ง) นายปรยุษณ์ ไวว่องหัวหน้าอุทยานแห่งชาติ เอราวัณ นายยุทธพงศ์ ดำศรีสุข หัวหน้าอุทยานแห่งชาติพุเตย ชุดพญาเสือ
นายอากรชัย อวยพรชัยรัตน์ หัวหน้าสายตรวจปราบปรามสำนักฯ 3 เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติเอราวัณ จำนวน 10 นาย ได้มาตรวจติดตามการรื้อถอน คฤหาสน์หรู ราคา 5 ล้าน ของนายโชคชัย ศุภวานิช อดีตผจก.บ.นมชื่อดัง ที่ได้ปลูกสร้างบุกรุกบนยอดเขาอุทยานแห่งชาติเอราวัณ เนื้อที่ 1ไร่ 3 งาน 85 ตาราวา
โดยนายโชคชัยฯได้ยินยอมรื้อถอนคฤหาสน์หรูของตนเอง ไปให้พ้นจากอุทยานแห่งชาติเอราวัณ ให้กลับคืนสภาพตามธรรมชาติดังเดิม ซึ่งนายโชคชัยฯ ได้ว่าจ้างให้คนงาน มาทำการรื้อถอนคฤหาสน์หรู ดังกล่าวมาได้ประมาณ 6-7 วันแล้ว
นายนิพนธ์ จำนงสิริศักดิ์ กล่าวว่า สืบเนื่องมาจากคดีนี้ นายปรยุษณ์ ไวว่อง หัวหน้าอุทยานแห่งชาติเอราวัณ ได้ใช้มาตราการทางปกครอง กฏหมายอุทยานแห่งชาติ ฉบับใหม่ มาปิดประกาศคำสั่งรื้อถอนคฤหาสน์หรูของนายโชคชัยฯ ในวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2563 และจะครบกำหนดรื้อถอนในวันที่ 13 เมษายน 2563
ซึ่งตาม พ.ร.บ.อุทยานแห่งชาติ พ.ศ.2562 ฉบับใหม่ มาตรา 35 (2) หากครบกำหนดเวลาตามประกาศคำสั่งรื้อถอนแล้ว ฝ่าฝืนไม่ยอมรื้อถอน มีโทษตามมาตรา 50 ต้องระวางโทษจำคุก ตั้งแต่ 1 ปีถึง 3 ปี ปรับไม่เกิน 3 แสนบาท และโทษปรับรายวันอีกวันละ 1 หมื่นบาท
นายโชคชัยฯ มีความเกรงกลัวต่อกฎหมายอุทยานแห่งชาติฉบับใหม่ จึงได้ทำการรื้อถอนคฤหาสน์หรูของตนเองก่อนถึงวันครบกำหนดรื้อถอนในวันที่ 13 เมษายน 2561ซึ่งเป็นผลดีต่อนายโชคชัยฯ เองที่ไม่ต้องถูกดำเนินคดีในข้อหาฝ่าฝืน ประกาศคำสั่งซึ่งมีโทษจำคุก และปรับอีก และทางราชการก็ไม่ต้องเสียงบประมาณในการรื้อถอน
ส่วนในคดีอาญา ศาลชั้นต้นจังหวัดกาญจบุรี ได้มีคำพิพากษาตัดสินไปเมื่อวันที่ 12 มีนาคม 2563 จำคุกนายโชคชัยฯ เป็นเวลา 1 ปี โดยไม่รอการลงโทษ และนายโชคชัยฯ ได้ประกันตัวออกมายื่นอุทธรณ์ ต่อศาลอุทธรณ์ เพื่อสู้คดีต่อไป
สำหรับพื้นที่ดังกล่าว ถ้านายโชคชัยฯได้รื้อถอนคฤหาสน์หรูไปหมดแล้ว อุทยานแห่งชาติเอราวัณจะนำไปฟื้นฟูกลับสู่สภาพตามธรรรมชาติดังเดิม