21 พฤศจิกายน 2568 — ภายใต้คำสั่งตรงของ นายสุชาติ ชมกลิ่น รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) ให้เร่งกวาดล้างการบุกรุกป่า ตามนโยบายของนายกรัฐมนตรี นายอนุทิน ชาญวีรกุล ที่เน้นความโปร่งใสและคืนผืนป่าให้ประชาชน
วันนี้ ชุดเฉพาะกิจ ฉก.ทส. นำโดย พล.ต.ต.นันทชาติ ศุลมงคล (“ผู้การกบ”) ที่ปรึกษา รมว.ทส. พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่หลายหน่วยงาน ลงพื้นที่ตรวจสอบ ไร่รักษ์ฟ้า รีสอร์ตหรูในพื้นที่อุทยานแห่งชาติเอราวัณ จ.กาญจนบุรี หลังพบพยานหลักฐานบุกรุกพื้นที่อุทยานอย่างชัดเจน
การลงพื้นที่ครั้งนี้เกิดจากเบาะแสที่ส่งโดย นายพิพัฒน์ ฉิมพลี หัวหน้าอุทยานแห่งชาติเอราวัณ ซึ่งเข้ารับตำแหน่งเมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา และตรวจพบความผิดปกติของแนวเขตการครอบครองที่ดิน จึงประสานมายังชุดเฉพาะกิจให้ดำเนินการตามกฎหมาย พบซื้อขายที่ดินหลวง–ขยายพื้นที่รุกเพิ่มรวมกว่า 14 ไร่
ข้อมูลสืบสวนระบุว่า ก่อนปี 2557 พื้นที่ดังกล่าวเป็นสิทธิทำกินของราษฎร และใช้ปลูกข้าวโพด ก่อนจะปรับเป็นลานกางเต็นท์ ต่อมาในปี 2558 มีนายทุนเข้าซื้อจากเจ้าของเดิมในราคา 2.5 ล้านบาท ในเนื้อที่ประมาณ 8 ไร่กว่า แต่จากการตรวจวัดพื้นที่จริงพบว่ามีถึง 12 ไร่ และยังมีการปรับพื้นที่ รุกล้ำอุทยานเพิ่มอีกกว่า 2 ไร่ 2 งาน 14 ตารางวา ถือเป็นการบุกรุกพื้นที่อุทยานโดยตรง
ปี 2562 ในช่วงที่กรมอุทยานฯ เปิดให้ประชาชนแจ้งข้อมูลการถือครองตามมาตรา 64 พบความผิดปกติระหว่างการรังวัด มีการ “มอบอำนาจให้บุคคลอื่นชี้เขตแทนเจ้าของเดิม” และพบหลักฐาน ซื้อ–ขายที่ดินบนพื้นที่รัฐ ซึ่งผิดทั้ง พ.ร.บ.อุทยานแห่งชาติ และ พ.ร.บ.ป่าไม้ 2484
ปี 2565 มีการตรวจสอบซ้ำและแจ้งเตือนหลายครั้ง ก่อนที่พื้นที่แห่งนี้จะถูกสร้างเป็นรีสอร์ตเต็มรูปแบบในปี 2568 ชื่อ “ไร่รักษ์ฟ้า” โดยมี นายวราวุธ เป็นผู้ดูแล และพบโพสต์ประชาสัมพันธ์ให้จองที่พัก รวมถึงบัญชีรับโอนที่เชื่อมโยงกับเจ้าของรีสอร์ต ขณะที่ไม่มีการยื่นขออนุญาตก่อสร้างหรือประกอบธุรกิจโรงแรม รวมถึงไม่เสียภาษีให้รัฐแม้แต่ครั้งเดียว
ฉก.ทส. พบสิ่งปลูกสร้าง 43 รายการ – สั่งติดประกาศ ม.20 ทันที
พล.ต.ต.นันทชาติ เปิดเผยว่า จากการลงพื้นที่พบสิ่งปลูกสร้างรวม 43 รายการ แม้เจ้าหน้าที่อุทยานฯ จะเคยเตือนและเปรียบเทียบปรับ แต่ผู้ประกอบการยังเปิดกิจการต่อ “เจ้าของคิดว่าแค่ปรับ แล้วข้าราชการจะทำอะไรไม่ได้ วันนี้เรามาตามกฎหมายเต็มรูปแบบให้เห็นกันชัด ๆ” พล.ต.ต.นันทชาติกล่าว
หลังการตรวจสอบ เจ้าหน้าที่จะออกคำสั่งตาม มาตรา 20 ห้ามใช้ประโยชน์พื้นที่ หากยังมีนักท่องเที่ยวเข้าพักจะถูกปรับ 20,000 บาท ส่วนผู้ที่จองแล้วสามารถเรียกเงินคืนจากบัญชีต้นทางได้ จากนั้นจะออกคำสั่งให้ รื้อถอนตามมาตรา 35 หากศาลไม่คุ้มครอง ต้องรื้อถอนภายใน 30 วัน หากฝ่าฝืนจะถูกดำเนินคดีเพิ่มเติม รวมถึงเตรียมนำกฎหมาย ปปง. มาใช้ตรวจสอบเส้นทางการเงินและยึดทรัพย์หากพบการกระทำผิด
“สุชาติ” สั่งอุทยานทั่วประเทศตรวจเข้ม – ตามแนวทางนายกฯ อนุทิน
พล.ต.ต.นันทชาติเปิดเผยว่า รัฐมนตรีสุชาติได้ย้ำให้หัวหน้าอุทยานฯ ทุกแห่งสำรวจพื้นที่ตนเอง หากพบความผิดปกติหรืออิทธิพลมืดเข้ามาเกี่ยวข้อง ให้รายงานตรงมายังกระทรวง ทส. โดยทันที เพื่อส่งชุด ฉก.ทส. เข้าสนับสนุน
“นี่คือนโยบายตรงจากนายกฯ อนุทิน ที่ต้องการปกป้องทรัพยากรของชาติ และคุ้มครองสิทธิของประชาชนที่อยู่ในป่าอย่างถูกต้องตามกฎหมาย”
พล.ต.ต.นันทชาติย้ำว่า พื้นที่ทำกินของราษฎรสามารถอยู่อาศัยได้ตามสิทธิที่รัฐอนุญาต แต่ ห้ามซื้อขาย–โอนสิทธิเด็ดขาด “ที่ดินตรงนี้เป็นของแผ่นดิน ประชาชนทุกคนเป็นเจ้าของ ไม่มีใครมายึดเป็นของส่วนตัวได้ และตราบใดที่ท่านสุชาติยังเป็น รมว.ทส. จะไม่มีการอ่อนข้อให้ผู้มีอิทธิพล ไม่ว่าใหญ่แค่ไหนก็อย่ามาลองของ”
เขายืนยันว่าเจ้าของรีสอร์ตไม่ใช่นักการเมือง ไม่มีผู้หลักผู้ใหญ่ล็อบบี้ และการลงพื้นที่ครั้งนี้เกิดจากการตรวจพบการกระทำผิดจริง “คุณผิดจริงก็ต้องยอมรับ”
หลังการรื้อถอนตามกฎหมาย พื้นที่จะถูกส่งคืนให้กรมอุทยานฯ เพื่อฟื้นฟูและจัดการอย่างเหมาะสม
“ผมทวงคืนพื้นที่ตรงนี้ให้แผ่นดินตามภารกิจที่รัฐมนตรีมอบหมาย” พล.ต.ต.นันทชาติกล่าวทิ้งท้าย
