เปลว สีเงิน
โบราณว่า….
“น้ำเชี่ยวอย่าเอาเรือเข้าไปขวาง”
อย่างตอนนี้ “เลือดคนรักชาติ” กำลังเคี่ยวคลั่งกับเรื่องเขมร ต้องการลุยให้มันจบๆ ไปเลย ไม่ต้องไปคุย-ไปเจรจาอะไรกะมัน
แต่ “นายกฯ อนุทิน” บอก
“จะกินอาหารให้อร่อย ต้องใจเย็นๆ เชื่อฝีมือ “กุ๊กหนู” เถอะน่า”!
การไม่บริหารแบบมวยวัดที่เอะอะลุยแม่งมันเลย กลับใช้ชั้นเชิงยุทธศาสตร์ทางการทูตเป็นขั้น-เป็นตอนจัดการเขมรแบบ “มืออาชีพ”
มันไม่ทันใจคนวัยเลือดร้อนซะเลย
การใช้ยุทธศาสตร์ทางการทูตเลยกลายเป็นการ “ขวางน้ำเชี่ยว” ไปทันที!
นายกฯ อนุทินจึงเจอ ๒ แรงบวก คือจากกลุ่ม “รักชาติโดยบริสุทธิ์ใจ” ผสมโรงด้วย “ขบวนการโค่นล้ม-หักล้าง” จากกลุ่มการเมืองที่อิจฉา-ริษยา
ออกมารุมยำรัฐบาลอนุทิน ว่าทำอะไรก็ “สุนัขไม่รับประทาน” ไปทั้งนั้น เป็นการ “เตะตัดขา” ที่ทำดีเกินหน้า-เกินตามากไป
การลงนามในปฎิญญาไปสู่สันติภาพแบบมีเงื่อนไขให้เขมรต้องปฎิบัติตามก่อน ก็ว่าทำ “เสียเปรียบเขมร” บ้าง
นายกฯ อนุทิน “มีนอก-มีใน” กับฮุนเซนบ้าง
เปิดช่องสู่การ “เปิดด่าน” บ้าง ทั้งที่นายกฯ ย้ำเป็นครั้งที่ร้อยว่า
“ไม่มีการเปิดด่าน” จนกว่าจะแน่ใจได้ว่า “เขมรไม่เป็นปฎิปักษ์ต่อความมั่นคงของประเทศ”
ไม่ยกเลิก MOU 43-44 ก็ว่านายกฯ อนุทินขายชาติ ด่าสาดเสีย-เทเสีย ลามไปถึงว่า
“กระทรวงต่างประเทศ” และ “กรมแผนที่ทหารบก” ก็ “รู้ดี” ไม่เท่าพวกเขา!?
เซ็น MOU เรื่องแร่ “แรร์เอิร์ธ” กับประธานาธิบดีทรัมป์ ชนิดเป็นนามธรรมมากกว่ารูปธรรม ก็รุมขย้ำกันยกใหญ่
ว่านายกฯ อนุทินเอา “ผลประโยชน์ชาติ” ไปยกให้สหรัฐฯ
สรุป ตั้งแต่เป็นนายกฯ รัฐบาลเสียงข้างน้อยมาเดือนกว่า นายกฯ อนุทิน ไม่มีอะไรดีเลยซักอย่าง!?
ในขณะที่คนอื่นเขารุมถล่ม ผมดันกลับไปชมแนวบริหารของนายกฯ อนุทินเข้า
รถทัวร์เลยลงจอดล้นหน้าสำนักงานไทยโพสต์ ฐานที่ว่า ผมอวยนายกฯ จนพวกเขาอยากอ้วก!
ก็จริงของท่านครับ….
ผมอวยนายกฯ จริงๆ เพราะเห็นเขา “ทำดี-มีกึ๋น” ในทัศนะผมซึ่งไม่เคยสนกระแส ถือตามสโลแกนขายสบู่ของคุณบุ๋ม-ปนัดดาที่ว่า “อะไรดี บุ๋มก็ว่าดี”
ฉะนั้น ใครอยากด่าผม ก็เชิญตามสบาย ผมไม่เจ็บ-ไม่ปวดตรงไหนหรอก
ดีซะด้วยซ้ำ ผมจะได้ศึกษาคนผู้นั้น จากภาษาที่เขาเมนต์ ว่าเป็นคนประเภท บัวปริ่มน้ำ หรือพ้นน้ำ อ่านก่อนด่า หรือด่าโดยไม่อ่านก่อนเลย
ซึ่งเป็นพวกบัวใต้น้ำ “ผิด-ถูก” กูไม่รู้……
รู้แต่ด่าลูกเดียวด้วยความรู้สึกตามกระแสหรือตามออเดอร์ที่รับงานมา?
พอดี ๓-๔ วันที่แล้ว ผมไปไหว้ “หลวงพ่อทวด” ประจำปี ที่วัดช้างไห้ ปัตตานี
และที่ “วัดทรายขาว” สงขลา ที่ชาวคณะไทยโพสต์ร่วมกันบริจาคกว่า ๒๐ ล้านบาท สร้าง “หลวงพ่อทวด” ที่ค้างคามากว่า ๒๐ ปีให้ “เต็มองค์”
นอกจากนั้น ยังได้ไปไหว้ศาล “เจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยว” ประจำปีด้วยเช่นกัน ซึ่งเมื่อวันขึ้นปีที่ ๓๐ ของไทยโพสต์ มีผู้เคารพนับถือหลายท่าน
เช่นยี่เจ๊ ซาเจ๊ เจ๊สุ แห่ง “แกรนด์สปอร์ต” และครอบครัวตะวันกาญจนา และ “คุณภักดิพร สุจริตกุล-คุณปลื้ม หลีกภัย” แต๊ะเอียผม รวมแล้วหลายหมื่น (ทุกปี)
ผมก็นำเงินส่วนหนึ่ง ซึ่งเป็นส่วนน้อยบริจาคที่ศาลเจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยว ในนามท่านเหล่านั้น ที่เหลือส่วนใหญ่ ผมไปเอากิน-ไปใช้เอง อิ่มท้อง-สบายจัง
“คุณหมอสวรรค์ กาญจนะ” ส่งเงินมาร่วมวันครบรอบทุกปี ปีละ ๑๐,๐๐๐ บาท
ผมมอบให้ “วัดทรายขาว” สมทบสร้างและตบแต่ง “มณฑลหลวงพ่อทวด” ซึ่งกว่าจะเรียบร้อยคงต้องใช้เงินอีกมากทีเดียว!
คุณ “กมลมาศ จิวะธนะพร” ส่งเช็คเงินสดมา ๑๐,๐๐๐ บาท ผมส่งไปถวาย “หลวงพ่อสายทอง” วัดป่าห้วยกุ่ม จังหวัดชัยภูมิ
เพื่อสมทบสร้าง “อาคารผู้ป่วยโรงพยาบาลชนบท” ที่หลวงพ่อเป็นเจ้าภาพสร้าง นับเป็นโรงพยาบาล “แห่งที่ ๙” ที่หลวงพ่อสายทองสร้างช่วยประชาชนตามต่างจังหวัด
ก็กลับมาเข้าเรื่องให้แฟนๆ ด่าต่อ!
นายกฯ อนุทิน กับคณะ เดินทางกลับจากประชุมเอเปกที่เกาหลีใต้แล้ว
บทบาทนายกฯ ในเวทีโลก การสนทนาเป็นเนื้อ-เป็นหนังกับ ๒ ผู้ยิ่งใหญ่ “ประธานาธิบดีทรัมป” และ “ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง”
เข้าตาประชาชนมาก!
กระนั้น เสียงค่อนแคะพอมีคละเคล้าเสียงชม ผมจะไม่พูดเอง เอาที่คนอื่นพูดมาให้อ่านแทนดีกว่า
…………………………………………….
Boongeum Baankok
“ จังหวะมันได้ !!! น่าประหลาดใจที่ลุงหนูเพิ่งมารับตำแหน่งประมาณเดือนเศษ แต่เหมือนมีผลงานที่จับต้องได้
ผู้คนพูดถึง ไม่ว่าจะในด้านใด เรียกว่าผลงานเข้าตาไม่เบา มีจังหวะจะโคน ทำให้ผลงานจะโบ๊ะบ๊ะ จนพรรคเพื่อไทยค้อนตากลับ
อะไรแว๊ เป็นรัฐบาลมาร่วมสองปี ความชั่วมี-ความดีไม่ปรากฏ โดนด่ายับๆ ความนิยมพรรคก็สาละวันเตี้ยลง
หลายคนอาจจะบ่นด่าโน่น นี่ นั่น
ถามจริงๆ ว่าเป็นข้อมูลจริงหรือฟังจากกูสู่รู้ในโซเชี่ยล ก็อยากให้ฟังหูไว้หู
อันดับแรก ที่โดดเด่นเป็นสง่าคือโครงการคนละครึ่งพลัส ที่เริ่มมาได้ 3-4 วัน ก็เกิดปรากฎการณ์ตลาดแตกกลับมาอีกครั้ง
เรียกว่าคนซื้อถูกใจ คนขายเป็นสุข ทำเอาต่างชาติงงเต็ก เมื่อเห็นคนไทยพากันสแกนซื้อสินค้ากันคล่องมือ
เรียกว่าเข้าสู่สังคม Cashless Society อย่างเต็มตัว คนซื้อสแกนเพลิน คนขายทำของขายมือเป็นระวิง
เรียกว่าปลุกฟื้นกำลังซื้อภายในประเทศให้เพิ่มขึ้นอย่างฉับพลัน เหมือนหมอจ่ายยาถูกโรค จ่ายปุ๊บหายปั๊บ
แบบนี้เฟส 2 จ่อตามมาให้เร็วๆ นี้ ปลุกกระแสให้ฟื้นคืนมา งานนี้ได้ทั้งฟื้นเศรษฐกิจ ได้คะแนนนิยมพร้อม
ส่วนการเซ็นสัญญาสงบศึกที่หลายคนก่นด่า ก็รู้สึกงงๆ ว่า มีอะไรเสียหาย ก็เซ็นไปสิ จะได้มีข้อตกลงว่าจะต้องทำอะไรบ้าง?
1,2,3 หากคุณทำครบ ก็ค่อยเจรจาขั้นต่อไป แค่นั้น ไม่รู้จะมีคนดิ้นอะไรนักหนา เหมือนกับว่าแค่เซ็นแล้วแผ่นดินหน้าบ้านถล่มไปอย่างนั้น
ต้องทำความเข้าใจว่า การเจรจาจะทวิภาคีหรือพหุภาคี ทุกฝ่ายก็ต้องมีส่วนได้ส่วนเสีย แล้วยอมรับกันได้ทั้งสองฝ่าย ไม่มีใครได้ฝ่ายเดียว
ไม่เชื่อลองไปตกลงกับพี่น้องเรื่องผลประโยชน์ดู มีใครยอมใครบ้าง ทุกคนก็พยายามรักษาผลประโยชน์ของตัวเองทั้งนั้น
การเจราสงบศึกมันเป็นแค่สารตั้งต้นเท่านั้น
แต่ที่เราได้ คือผลพลอยได้ที่ตามมา เราสามารถได้เจอพ่อใหญ่ทรัมป์ ได้เจรจาทวิภาคี มีข้อต่อรอง ทำให้ไทยมีน้ำหนักในการเจรจา
การที่สหรัฐจะทำอะไรก็ต้องคิดหนัก ยิ่งการเจรจาทำ MOU แร่แรร์เอิร์ธ ก็เป็นเหตุให้สหรัฐฯ มีข้อตกลงร่วม มีน้ำหนักในการเจรจาต่อรองด้านอื่นๆ ตามมา
แล้ว “แร่แรร์เอิร์ธ” นั้น ไม่ใช่ไปตลาดซื้อสินค้าคนละครึ่ง ต้องทำการศึกษาความเป็นไปได้ การถ่ายทอดเทคโนโลยี
การตั้งบริษัทร่วมทุน อีก 8-10 ปี ก็ยังไม่มีผล ถ้าเสียเปรียบจริง ออสเตรเลีย ญี่ปุ่น คงไม่ทำข้อตกลงกับสหรัฐฯ
ส่วนการไปประชุมเอเปก เมื่อไทยเริ่มมีปฏิสัมพันธ์กับสหรัฐ ลุงสีก็อยู่นิ่งไม่ได้ ต้องสร้างความสมดุลทางความสัมพันธ์กับประเทศไทย จึงมีการเจรจาทวิภาคีกับลุงหนู
หลังจากนี้ ท่าทีของจีนก็วางเฉยกับกรณี “ไทย-กัมพูชา” ให้สองประเทศตกลงกันเอง แค่นี้เขมรก็หงอยแล้ว
ดังนั้น ใครที่ใบไม้ไหวก็แตกตื่น ก็อยากให้ตั้งสติสักนิด ว่ารัฐบาลอายุสั้น เป้าหมายหลักคือ “ผลงานเชิงประจักษ์” เพื่อต่อยอดไปถึงการเลือกตั้งสมัยหน้า
อย่าไปปริวิตกกันเลย ยิ่งตอนนี้ กระแสความชื่นชมทหาร กระแสความจงรักภักดีท่วมท้นแผ่นดิน อย่าไปหวั่นไหวอะไรให้มากเลย
อย่าลืมว่าหลังการเลือกตั้งปี 2566 มีการเลือกตั้งท้องถิ่นหลายสนาม ผลการเลือกตั้งก็เห็นๆ กันอยู่ว่า “พรรคส้ม” แพ้แทบจะกราวรูด ทุกเวที
เพราะมีการเลือกตั้งแบบมียุทธศาสตร์ ดังนั้นการเลือกตั้งใหญ่ ก็ต้องเลือกตั้งในทำนองเดียวกัน
อย่าเลือกคนที่รัก อย่าเลือกพรรคที่ชอบ เลือกคนและพรรคที่จะสามารถสู้กับพลพรรคแดงส้มได้ อย่าโลกสวย อย่าหลงกับอดีต
พระเอกในอดีตที่หลงใหล ป่านนี้ก็เล่นเป็นปู่แล้ว ผลงานก็เห็นๆ กันอยู่ อย่าหลงเชื่อพรรค NATO ( No Action Talk Only)
“แมวสีอะไรก็ได้ถ้าจับหนูได้” พรรคอะไรก็ได้ที่จะธำรงไว้ซึ่งสถาบัน ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ เลือกยาวไปโลด !!!…
…………………………………………………..
****เวหา****
ขอเก็บตก เรื่องที่ผู้จงใจออกคลิปมาเพื่อด้อยค่าคุณอนุทินว่า “พออนุทินเห็นท่านสี ก็รีบปรี่ ( เน้นที่คำว่า..รีบปรี่) เข้ามาสะกิดซื้อข้าวไทย 5 แสนตัน ตามสัญญา …
“ในความเห็นส่วนตัวของข้าพเจ้านั้น มองอีกมุมหนึ่ง คือ ถ้ามองจากภาพนั้น “ท่านผู้อาวุโส สี” และคณะ ท่านเป็นฝ่าย “ยืนรอ” คุณอนุทินและคณะของเรา
โดยมีการเตรียม ล่าม จีน-ไทย มาโดยเฉพาะ เพื่อต้องการคุยกับคุณเป็นการส่วนตัว เป็นการปิดท้ายการประชุมก่อนจะกลับ
เมื่อคุณอนุทินเห็นท่านผู้อาวุโสกว่ายืนรออยู่ ด้วยความเป็นผู้อ่อนอาวุโสกว่า จึงรีบเข้าไปหาท่านสี (มองไปที่ล่ามไทย – จีน) จึงรู้ว่า “ท่านสี” รอพบคุณอนุทินโดยเฉพาะ
และเหมือนกับเอ่ยประโยคก่อน เพื่อเปิดประเด็นว่า มีอะไรอยากจะฝากการบ้านก่อนกลับบ้านไหม
พร้อมจับมือคุณอนุทินแน่น และยาวนาน แสดงถึงความเมตตาที่พญามังกรผู้อาวุโส เมตตาต่อ หนูทองคำ ที่กำลังจะก้าวขึ้นมาเป็นผู้ชี้ชะตากรรมของประเทศต่อไป
และด้วยความที่มีจิตใจช่วยให้ชาวนาไทยและเศรษฐกิจดีขึ้น และด้วยความเป็นนักการขาย
“คุณอนุทิน” จึงถือโอกาสนี้ พูดประเด็นสำคัญที่สุดที่อยู่ในความคิดของคุณอนุทินออกมาอย่างตรงๆ ไม่ต้องอ้อมค้อมให้เสียโอกาสทอง
(๑ นาทีกับข้าวแสนตัน = ชี้ชะตากรรมของเศรษฐกิจปากท้องของประเทศ )
นี้คือ ภาพสำคัญภาพหนึ่งของประวัติศาสตร์ ไทย – จีน
***** เวหา ***** ๒/ ๑๑/ ๒๕๖๘
…………………………………..
ทัวร์อยากลงที่ผมหรือที่คุณเวหาหรือที่คุณ Boongeum Baankok เชิญตามสบาย ถือว่าแบ่งๆ กันไปนะครับ!
เปลว สีเงิน
๓ พฤศจิกายน ๒๕๖๘

