เปลว สีเงิน
มั้ยล่ะ…พูดยังไม่ทันขาดคำ
ว่าการที่ “คุณพ่อจอมจุ้น-คุณลูกจอมซ่า” ผลักไส “พลเอกประวิตร” และ “พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์” พ้นจากพรรคร่วมรัฐบาล
“ฆ่าตัวตาย” ชัดๆ!
แล้วก็จริงด้วย ………
เมื่อวาน (๒๙ ส.ค.๖๗) แค่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ “ฉายหนังตัวอย่าง” เรื่อง “ป่วยทิพย์ ชั้น ๑๔” วับๆ แวมๆ บางตอนเท่านั้น
“ตั๋วจอง” เต็มเกลี้ยงทุกโรง!
ดูหนังตัวอย่างแล้ว “หลับตาเห็นภาพ” เหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นกับ “สองพ่อลูก” ต่อจากนี้
อุ๊ย…สยดสยอง ขนลุก
ศพเกลื่อน เลือดสาด ตั้งแต่ รพ.ตำรวจ, เรือนจำ, ราชทัณฑ์, กระทรวงยุติธรรม ไปจนถึงพรรคเพื่อไทยและ “จันทร์ส่องหล้า”!
ก่อนได้ดู “หนังตัวอย่าง”…….
ผมได้กราบ “พระบรมสารีริกธาต” และ “๘๐ พระอรหันตธาตุ” ที่พระราชวังพญาไท ในบริเวณโรงพยาบาลพระมงกุฎฯ
“มูลนิธิอนุรักษ์พระราชวังพญาไท” ในพระอุปถัมภ์ “สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี” อัญเชิญมาจากสหภาพเมียนมา
เนื่องในโอกาสมหามงคล ๖ รอบ ๗๒ พรรษา “พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว” รัชกาล ที่ ๑๐
และ ๙๒ พรรษา “สมเด็จพระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนี พระพันปีหลวง”
โชคดี พบ “พล.ท.นพ.ธำรงรัตน์ แก้วกาญจน์” และ “พล.ท.นพ.สุปรีชา” พร้อมด้วย “คุณสุมัณฑนา โมกขะเวส”
ท่านให้เจ้าหน้าที่นำชมภายในพระราชวังพญาไทอันสุดคลาสสิกแล้ว ยังเลี้ยงมื้อเที่ยงและไอริช คอฟฟี่ ที่ “ร้านกาแฟนรสิงห์” ด้วย
หาโอกาสไปกราบพระบรมสารีริกธาต และ ๘๐ พระอรหันตธาตุที่ “พระที่นั่งพิมานจักรี” พระราชวังพญาไทกันนะครับ
เหลือเวลาแค่วันนี้ กับพรุ่งนี้ ๓๑ สิงหา.เท่านั้น จากนั้น ถึงคิวประเทศอื่นได้อัญเชิญไปเพื่อการได้สักการะบูชาบ้าง
กลับเข้าเรื่องกันต่อ…….
บางท่าน อาจไม่ทันได้ดูหนังตัวอย่างเรื่องป่วยทิพย์ที่ “พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์” ฉายให้ดู ขอนำบางฉาก-บางตอนมารีวิวก็แล้วกัน
ประเด็นทำไม “พลังประชารัฐ” ของลุงป้อมจึงถูกพรรคเพื่อไทยถีบหัวส่ง?
พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ นำคำพูดจาก “ปากทักษิณ” ตอนไปเยี่ยมที่ชั้น ๑๔ มาเฉลยว่า….
“นายทักษิณ ชินวัตร ไม่พอใจ พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ เพราะเป็นคนปฏิวัติน้องสาว (ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร)
คราวที่แล้ว ยอมให้ร่วมรัฐบาลเพื่อให้มีเสียงครบ แต่คราวนี้ ตระกูล “วงษ์สุวรรณ” ไม่มีสิทธิแล้ว”
“คุณทักษิณเคยพุดกับผมตอนไปเยี่ยมที่โรงพยาบาล ตั้งแต่ตอนต้นปี ว่า
ยังไงก็ไม่เอาตระกูลวงษ์สุวรรณ เพราะอะไรผมก็รู้ ผมเป็นนักเรียนนายตำรวจรุ่น ๒๔ พัชรวาท (พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ) รุ่น ๒๕ คุณทักษิณ ๒๖ เห็นกันมาตั้งแต่เด็กๆ
รู้นิสัยใจคอกัน รู้สันดานกันหมด พวกคุณรู้ไม่เท่าผมหรอก นักวิจารณ์ทั้งหลายไม่ได้รู้ข้อเท็จจริงเพียงพอเท่าผม คุณประวิตรก็ถูกจัดการซะ ประชาธิปัตย์ ก็เช่นเดียวกัน”
กับคำถามที่ว่า…….
“เพราะน้อยใจที่ทักษิณไม่ให้ความสำคัญใช่มั้ย จึงออกมาแฉ?” พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ตอบว่า
“ถามว่าน้อยใจไหม…ก็น้อยใจ จะเห็นว่าวันที่ไปประชุมที่พรรคเพื่อไทย เพื่อเสนอ น.ส.แพทองธาร เป็นนายกฯ
ตอนนี้ ปัญหาในตำรวจเละเทะ ไม่มีใครคิดแก้ไข คนในพรรคเพื่อไทยก็มีสติปัญญาเพียงเท่านี้ คนที่เป็นรองนายกฯ แม้กระทั่งรักษาการนายกฯ บอกว่า….
“งานตำรวจ นายทักษิณ จะดูแลเอง เพราะเขารู้จักตำรวจดี เขาลืมเหรอว่า ผมเคยเป็น ผบ.ตร.มาก่อน นายทักษิณจะรู้จักตำรวจดีกว่าผมได้อย่างไร?
ดังนั้น เขาไม่ให้ใครคุม ผมก็เลยบอกว่า “ถ้าคิดแบบนี้ก็โง่ ถึงเวลาก็แค่แต่งตั้ง ผบ.ตร.แล้วก็สะบัดตูดไป ไม่เคยคิดทำงานให้กับตำรวจเลย”
มีแต่แต่งตั้ง ผู้บัญชาการ ผู้บังคับการ ผู้กำกับ เป็นคนของตัวเองแค่นั้น”
จาก “นักข่าวถาม-พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ตอบ” ต่อจากนี้ ตั้งสติอ่านกันนะครับ แล้วจะรู้ว่า “ทักษิณครอบงำพรรคเพื่อไทยหรือไม่?”
นี่คือ “พยาน-หลักฐาน” สำคัญ จากปากคำพล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์
นักข่าวถาม “นายทักษิณรับปากหรือไม่ว่าจะให้ตำแหน่งรองนายกฯ ฝ่ายความมั่นคงเพื่อคุมตำรวจ?”
พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ตอบว่า
“พูดกับผมไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้งว่าเป็นหนี้ผม และต้องการชดใช้ ตั้งใคร ก็ลืมผมทุกที เขาอาจคิดว่า ผมเป็นพรรคเพียงแค่เสียงเดียว เอาผมไปเปรียบเทียบกับพรรคตั้งใหม่ที่เพิ่งเข้ามาเพื่อหวังผลประโยชน์
แต่ผมต้องการทำงาน แต่เมื่อไม่ให้ทำ ก็ไม่เป็นไร ก็ไม่เป็นอะไร
ที่ผ่านมา ผมไปหานายทักษิณ ๒ ครั้ง เมื่อเดือนพ.ย.ปีที่แล้ว และเดือน ก.ย.ปีนี้ ที่โรงพยาบาลตำรวจ”
“รัฐบาลชุดที่แล้วให้ผม ๓๐๐ ล้านบาท พร้อมตำแหน่งรองนายกฯ ผมยังไม่ไปร่วมรัฐบาล ยอมเป็นฝ่ายค้าน
ส่วนรัฐบาลชุดนี้ ผมกับนายทักษิณ รู้จักกันมา ๕๐ ปี ยังทำกันได้ ถามว่า…แล้วจะคบต่อไปทำไม
ทั้งนี้ ชัดเจนว่า นายทักษิณครอบงำพรรคและเชื่อว่า รัฐบาลชุดนี้จะอยู่ไม่ถึงปี
อายุรัฐบาลสั้นกว่ารัฐบาลเศรษฐาเสียอีก
รวมถึง น.ส.แพทองธารก็จะมีเรื่องร้องเรียนเยอะ เพราะมีคนเตรียมร้องเรียนมากมาย
แต่ส่วนพรรคเสรีรวมไทยคงไม่ดำเนินการใดๆ เพราะเห็นเป็นลูกหลาน”
ครับ…นี่แค่ตัวอย่าง ภาค ๑ ทีนี้ มาดูตัวอย่างภาค ๒ กันบ้าง อย่าตะลึงจนหงายท้องตกเก้าอี้ล่ะ
ภาค ๒ ของเรื่อง “ป่วยทิพย์ ชั้น ๑๔” พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์แจกเอกสาร “หลักฐานยืนยัน” ไปพบคนป่วยเส้นเอ็นเปื่อยยุ่ย บนชั้น ๑๔ รพ.ตำรวจจริง พร้อมบรรยายประกอบ ว่า
“ผมมีเอกสาร ๒ ชุด ไปเยี่ยมนายทักษิณที่โรงพยาบาลตำรวจมา ๒ ครั้ง ครั้งแรกเมื่อเดือน พฤศจิกา.ปีที่แล้ว มีคนติดต่อมาทางไลน์ว่า
“ท่านครับ ขออนุญาตโทร.หา สะดวกไหมครับ”
“กรณีท่านเสรี ช่วงเย็นๆ หลังห้าโมงสัปดาห์หน้า ท่านสะดวกวันอังคาร วันศุกร์ค่ะ ขอบคุณค่ะ”
ซึ่ง “นายทักษิณสะดวกวันอังคารกับวันพุธ ผมจึงตอบเป็นวันอังคารที่ ๑๔ พฤศจิกา.”
ต่อมาแจ้งว่า คิวของผมเป็นวันที่ ๑๔ พฤศจิกา.เวลา ๑๗.๐๐ น.ใกล้เวลาจะรอที่โรงพยาบาล
ผมถามว่า “ไปเยี่ยมคนไข้จะต้องเอาอะไรไปเยี่ยมไหม”
ได้รับการตอบกลับว่า “ไม่ต้อง เพราะที่นั่นมีเยอะแล้ว”
พอถึงวันที่ ๑๔ มีการแจ้งหมายเลขโทรศัพท์และชื่อนาย ก.ซึ่งเป็นคนที่นำไปพบนายทักษิณ
โทร.คุยกันเรียบร้อยแล้ว ก็ให้เบอร์มา ท่านบอก……มีอะไรให้ฝากชัยวัฒน์ไป ที่ฝากให้ดูเด็ก ต้องกราบขอโทษด้วยไม่ได้ไปกับท่าน คนที่ประสานติดต่อมีธุระ ไม่ได้ไปด้วย
ครั้งที่สอง เมื่อเดือน กุมภา.ปีนี้ …..
ที่ปรากฎเป็นข่าวว่านายทักษิณอาการดีขึ้น จะออกจากโรงพยาบาล
เริ่มจากวันที่ ๗ มกรา.คนที่ติดต่อไลน์เข้ามาหาผม “จะขออนุญาตไปพบนายทักษิณวันและเวลาใด เดี๋ยวมีให้เซ็นจากท่านนายกฯ ปู (ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร) มาครับ”
ผมก็บอกว่า “วันที่ ๙ มกรา.ตอนเช้า หรือ ๑๐ มกรา.ทั้งวัน” อีกฝ่ายบอกว่า “พรุ่งนี้เช้า ขออนุญาตเข้าไปพบ” ก็ตอบว่า “ครับ”
จากนั้น ก็ส่งเอกสารผ่านไลน์ เป็นหนังสือ “ถอนเรื่องร้องเรียน” ที่เคยร้องเรียนเรื่อง “นายเศรษฐา” กับป.ป.ช.
กรณี “แต่งตั้งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ” โดยมิชอบ
ก็ทำหนังสือถอนเรื่องส่งมาให้ผม เพื่อให้ช่วยลงนามถอนเรื่อง แต่ก็ไม่ได้เซ็นไป
กระทั่งผมได้ไลน์ไปบอกว่า “อยากจะพบกับนายทักษิณอีก ก่อนที่จะกลับบ้าน”
(เขา) ก็ทวงมาว่า “เซ็นหนังสือส่ง ป.ป.ช.หรือยัง?”
ผมก็บอกว่า “ก็จะไปคุยเรื่องนี้ คุยเรื่องนายเศรษฐาด้วย” กระทั่ง (เขา) ตอบกลับมาว่า
“พอดีท่านน่าจะยุ่ง ผมโทร.หาท่านไม่ได้ ท่านสะดวกวันไหน แต่ไปท่านเดียวนะครับ”
คราวที่แล้วไปสองคน งานนี้ผมไม่ได้พยานปากเดียว มีคนอื่นด้วย ก่อนจะแจ้ง “เป็นวันเสาร์ที่ ๑๐ กุมภา.๑๐.๐๐ น.”
วันอาทิตย์ที่ ๔ กุมภา.เวลา ๑๐.๐๐ น.กระทั่งมีไลน์มาว่า “มารับ ๐๙.๐๐ น. ใช่ไหม ไม่อยากให้รู้ว่าไปไหน”
ผมก็ไปสองคนอีก
“บุคคลที่อยู่ในไลน์เป็นใคร?” นักข่าวถาม
“พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์” ตอบว่า……
“ยังไม่ถึงเวลา เดี๋ยวถึงเวลาให้การก็เปิด ผมยังไม่พูดเลยว่าอาการนายทักษิณเป็นยังไง พอไปถึงห้อง ชกกระสอบโชว์ผมหรือเปล่า หรือว่านอนป่วย”
“การเปิดเอกสารแบบนี้ ไม่กลัวเรื่องสายสัมพันธ์กับนายทักษิณหรือ?”
พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ตอบแบบอมยิ้ม
“ถึงเวลาหรือยัง คุณไม่รู้เหรอ สองเดือน..สามเดือน ผมแค่ไปเยี่ยม (สื่อมวลชน) ก็ไม่สนใจ
พูดต่อรายการเวิร์คพอยต์ บอกว่า “นายทักษิณไม่เอาตระกูลวงษ์สุวรรณ” ก็ไม่สนใจ
วันนี้ เปิดหลักฐานว่า “ไปเยี่ยมนายทักษิณจริง” แต่ก็ไม่ใส่ใจ เดี๋ยวเปิดหมดตามมาทีหลัง ใจเย็นๆ เป็นขั้นตอน ยังไม่ถึงเวลา ให้เขาโต้มาก่อน ผมระดับนี้ขนาดนี้
“ไปคุยกับนายทักษิณสองครั้ง คุยกันเรื่องอะไร?”
“ใจเย็นๆ ที่เปิดเอกสารจะรอสายตรงกับนายทักษิณหรือไม่นั้น ไม่ต้องรอ อย่างดีก็ทำลายพรรค ทำให้พรรคผมสูญพันธุ์
ผมก็มีแค่หนึ่งเดียวจะไปแค่ไหน เดินมาขนาดนี้ รบกันท่าเดียวแล้ว ตัดสัมพันธ์แน่นอน ส่วนที่ว่าจะเปิดศึกนั้น รอดูขั้นตอนต่อไป ยังไม่ถึงเวลา”
“รายละเอียดบางเรื่อง ยังไม่ควรจะเปิดเผย เพราะจะติดคุกกันหมด ตั้งแต่ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม อธิบดีกรมราชทัณฑ์ ผู้บัญชาการเรือนจำ แพทย์ใหญ่โรงพยาบาลตำรวจ จะติดคุกกันหมด
ส่วน “คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ” อย่าไปพูดเลย ทำงานไม่เข้าใจหรอก”
นักข่าวดูหนังตัวอย่างแล้วติดใจ ขยิกถาม “จะมีภาคสองหรือไม่ครับ?”
วีรบุรุษนาแก กระจายยิ้มพลางตอบ
“ใจเย็นๆ เดี๋ยวนักข่าวไม่มีงานทำ เดี๋ยวตกงาน”
วันนี้ ก็ต้องจบด้วยคำว่า…..
“เหนือฟ้า ยังมีทักษิณ-เหนือดิน ยังมีป้ายหลุมศพ”!
เปลว สีเงิน
๓๐ สิงหาคม ๒๕๖๗
