สวมหน้ากากปล้น #ผักกาดหอม

ผักกาดหอม

แร่แรร์เอิร์ธ ดังเป็นพลุแตกเลยครับ

ก่อนนี้หลายคนคงไม่ทราบว่า เจ้าแร่ที่ว่านี้มีความสำคัญอย่างไร “โดนัลด์ ทรัมป์” ถึงจับมือผู้นำหลายชาติในเอเชียเซ็น MOU ร่วมมือกันผลิตแร่แรร์เอิร์ธ

วันนี้ก็ทราบกันไปแล้ว แร่แรร์เอิร์ธนี้ใช้ในอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า แบตเตอรี่ แผงพลังงานแสงอาทิตย์ กังหันลม อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เช่น โทรศัพท์มือถือ

รวมทั้งอาวุธยุทโธปกรณ์ ตั้งแต่ขีปนาวุธนำวิถียันเรือดำน้ำ

ถ้าขาดแร่นี้อุตสาหกรรมสมัยใหม่เป็นง่อยทันที

สถิติ ณ ขณะนี้ ไทยผลิตได้เป็นอันดับ ที่ ๖ ของโลก

ส่วนอันดับ ๑ คือจีน

อเมริกาถึงพยายามหาความร่วมมือกับประเทศอื่นๆเพื่อคานอำนาจจีน

การลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) ว่าด้วยความร่วมมือด้านแร่ธาตุหายาก หรือแร่แรร์เอิร์ธ (Rare Earth) ระหว่าง “อนุทิน ชาญวีรกูล” กับ “โดนัลด์ ทรัมป์” จึงเป็นประเด็นที่ถกเถียงกันอย่างกว้างขวาง

บ้างก็ว่าขายชาติ

บ้างก็ว่าร่วมกันปล้น

แต่เชื่อเถอะครับ ๙๙% ของเสียงวิจารณ์นั้น แทบไม่มีความรู้เรื่อง แร่แรร์เอิร์ธ

ผมเองก็ไม่ได้รู้เรื่องแร่แรร์เอิร์ธมากมายนัก

รู้แค่ผิวเผินว่าเอาไปใช้ทำอะไร และมีการแข่งขันกันสูง แต่ลึกๆ กว่านี้ยอมรับว่าไม่รู้

แล้วผู้รู้เขาว่าไง

“รศ. ดร.จารุประภา รักพงษ์” อาจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) ให้ความเห็นเอาไว้ค่อนข้างครอบคลุมครับ

“…ในช่วงเวลาอันใกล้หรืออย่างน้อยคือในปีนี้ ไทยยังไม่มีความเหมาะสมและความจำเป็นที่จะเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งในห่วงโซ่อุปทานของการผลิตแร่แรร์เอิร์ธ ที่ถือกันว่าเป็นอุตสาหกรรมที่สุ่มเสี่ยงต่อการทำลายสิ่งแวดล้อมเป็นวงกว้างได้เช่นเดียวกับอุตสาหกรรมถ่านหิน

เพราะไทยยังไม่มีความพร้อมใดๆ ทั้งการไม่มีกฎหมายรองรับในการควบคุมดูแลอุตสาหกรรมการผลิตแร่แรร์เอิร์ธ ไม่มีความพร้อมด้านองค์ความรู้ เทคโนโลยีและกระบวนการผลิตที่เหมาะสมที่จะไม่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม

ไปจนถึงไม่มีความพร้อมด้านการรับรู้และความเข้าใจของประชาชน…”

“…MOU ว่าด้วยความร่วมมือแร่แรร์เอิร์ธที่ไทยทำกับสหรัฐฯ ไม่ได้มีผลผูกพันเป็นข้อบังคับทางกฎหมาย ฉะนั้นหากมีการเจรจารายละเอียดเรื่องนี้กันอีกครั้ง ประเทศไทยควรแสดงท่าทีว่าไม่ได้เปิดรับแค่การลงทุนจากสหรัฐฯ เท่านั้น

แต่ไทยยังเปิดกว้างที่จะให้ความร่วมมือกับประเทศอื่นๆ ด้วย เช่น สหภาพยุโรป (EU) หรือจีน

โดยหลักการสำคัญคือขึ้นอยู่กับข้อเสนอว่าประเทศใดมีความน่าสนใจที่สุด ซึ่งข้อเสนอที่ดีอาจไม่ได้หมายถึงแค่จำนวนเงินเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงมาตรการเรื่องการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม หรือการถ่ายทอดองค์ความรู้เทคโนโลยีที่ดีกว่าด้วย

หากไทยสามารถดำเนินการได้ตามแนวทางเหล่านี้ที่ไม่ได้อิงไปทางสหรัฐฯ มากนัก ก็จะส่งผลดีต่อภาพลักษณ์ของไทยในเวทีระหว่างประเทศ และเป็นการสะท้อนไปยังจีนว่าไทยไม่ได้ทิ้งน้ำหนักทางการค้าไปยังสหรัฐฯ มากเกินไป…”

ยังไม่ขายชาตินะครับ!

แต่ก็มีข้อควรระมัดระวัง เพราะมีการเมืองระหว่างประเทศเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย

ที่จริงเป็นประเด็นหลักด้วยซ้ำ

การเจรจาความเมือง ไม่มีประเทศไหนได้ทั้งหมด และเสียทั้งหมด มันมีเรื่องต้องแลก เพียงแต่สิ่งที่เอาไปแลกต้องมาชั่งน้ำหนักว่าคุ้มหรือไม่

แต่บางรัฐบาลมีความสัมพันธ์แปลกๆ กับประเทศเพื่อนบ้าน

วันหนึ่งสนิทดุจเครือญาติ

อีกวันแค้นจนไม่เผาผี

มีการพูดถึงผลประโยชน์ระหว่างกัน แต่ก็ดำมืด เพราะมีการอำพราง ปกปิด เป็นความลับ

ขนาดทะเลาะกันขู่ว่าจะแฉกัน สุดท้ายไก่เห็นตีนงู งูเห็นนมไก่

อยู่ในเครือข่ายเดียวกัน

ไถมือถือไปเจอโพสต์ของ “จักรภพ เพ็ญแข” เรื่อง ลิงชิมแปนซีสวมหน้ากากปล้นตลาดในคองโก

“…ฟุตเทจใหม่ที่น่าทึ่งจากคองโกทำให้ทีมนักวิจัยตะลึง เมื่อมีผู้พบเห็นฝูงลิงชิมแปนซีสวมใส่ ‘หน้ากากชั่วคราว’ ขณะเข้าปล้นตลาดท้องถิ่น

เรื่องราวทั้งหมดเริ่มต้นขึ้นเมื่อเดือนที่แล้ว หลังจากเจ้าหน้าที่เริ่มกวดขันจับกุมลิงชิมแปนซีตัวหนึ่งที่ขโมยอาหารซ้ำแล้วซ้ำเล่า ชาวบ้านเล่าว่าการจับกุมดังกล่าวทำให้ฝูงลิงตื่นตระหนก เมื่อเห็นเพื่อนร่วมฝูงถูกพาตัวไป ที่เหลือจึงดูเหมือนจะตระหนักว่าพวกเขาต้องการแผนการใหม่

การปลอมตัวเพื่อหลีกเลี่ยงการถูกจดจำ ตอนนี้ฝูงลิงชิมแปนซีมาถึงพร้อมกันทั้งกลุ่ม แต่สิ่งที่แตกต่างออกไปคือ พวกมันได้ปกปิดใบหน้า ด้วยใบไม้ เปลือกไม้ และแม้กระทั่งผ้าที่ถูกทิ้ง เพื่อหลีกเลี่ยงการถูกจดจำ

พยานผู้เห็นเหตุการณ์ระบุว่า ผู้บุกรุกที่สวมหน้ากากเหล่านี้จะฉกฉวยผลไม้และผัก ก่อนจะหายตัวกลับเข้าไปในป่าอย่างรวดเร็ว สร้างความงุนงงให้กับพ่อค้าแม่ค้าเป็นอย่างมาก

ผู้เชี่ยวชาญเรียกเหตุการณ์นี้ว่าเป็นหนึ่งในการแสดงออกถึง สติปัญญาของไพรเมต ที่น่าตกตะลึงที่สุดเท่าที่เคยบันทึกไว้ด้วยกล้อง นักวิจัยคนหนึ่งสรุปว่า ‘พวกมันไม่เพียงแค่เรียนรู้จากการถูกลงโทษเท่านั้น แต่พวกมัน ปรับตัวได้ด้วยกัน นี่คือการแก้ปัญหาในอีกระดับหนึ่งเลยทีเดียว’

ข้อคิดสำหรับเรื่องเล่านี้ สติปัญญาที่แท้จริงคือความสามารถในการ ปรับตัวและสร้างสรรค์วิธีการใหม่ เพื่อเอาชนะปัญหาและบรรลุเป้าหมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อทำงานร่วมกันเป็นกลุ่ม…”

ยอมรับว่าอ่านแล้วตกใจ มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นในโลกของเราด้วยหรือ

เสิร์ชหาข้อมูลถาม AI ก็ได้คำตอบครับ

เรื่องที่ว่านี้เป็นข่าวลือในโลกออนไลน์

เมื่อไม่นานมานี้มีข่าวลือในโลกโซเชียลว่าชิมแปนซีในคองโกสวมหน้ากากปล้นตลาด แต่เป็นเพียงเรื่องที่แชร์กันในกลุ่มเฟซบุ๊ก ซึ่งผู้เชี่ยวชาญระบุว่าไม่เคยเกิดขึ้นจริง

แต่ชิมแปนซีมีความก้าวร้าว ทำร้ายมนุษย์ จริง

แม้ชิมแปนซีในป่าส่วนใหญ่จะกลัวมนุษย์และหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้า แต่มีรายงานว่าบางครั้งพวกมันอาจทำร้ายมนุษย์ได้ โดยเฉพาะเด็กเล็ก

การฆ่าและกินลูกมนุษย์ มีกรณีที่ชิมแปนซีในพื้นที่ที่ขาดแคลนอาหารเคยขโมยและกินลูกมนุษย์

ข่าวเกี่ยวกับชิมแปนซีคลุ้มคลั่ง เคยมีข่าวโด่งดังเกี่ยวกับชิมแปนซีเลี้ยงในสหรัฐอเมริกาคลุ้มคลั่งทำร้ายเจ้าของจนได้รับบาดเจ็บสาหัส

โพสต์ของ “จักรภพ” คงตีวัวกระทบคราด

ก็คงไม่พ้นรัฐบาลปัจจุบัน

แต่เรื่องราวของ ชิมแปนซี ในคองโก ดันไปคล้ายกับ นักการเมืองที่ถูกศาลสั่งจำคุกมากกว่า

พยายามสวมหน้ากากกันอยู่เหมือนกัน แต่สุดท้ายถูกกระชากออก

โดนจับยกฝูง!

Line Open Chat *เพิ่มช่องทางการรับข่าวสาร จากเว็บไซต์ *อ่านคอลัมน์ เปลว สีเงิน ก่อนใคร *ส่งตรงถึงมือทุกคืน *เปิดกว้างเพื่อแฟนคอลัมน์พูดคุยแบบกันเอง ทุกเรื่องราว ข่าวสารบ้านเมือง สังคม ฯลฯ
Written By
More from pp
ดำรง พุฒตาล เล่าผ่านไลน์ เรื่อง โควิด19 กับชายผู้ค้าประเวณี
ดำรง พุฒตาล เล่าผ่านไลน์ เขารู้กันในกลุ่ม ผู้ให้และผู้รับการบริการทางเพศหญิง กับ ผู้ให้และผู้รับบริการทางเพศชายว่า
Read More
0 replies on “สวมหน้ากากปล้น #ผักกาดหอม”