เปลว สีเงิน
รัฐบาล ๔ เดือน ของ “นายกฯอนุทิน” นี่…..
มีเรื่องใหม่ๆ ขยับเขยื้อนประเทศให้ตื่นตา-ตื่นใจและยั่วยวนให้ต้องถกเถียง-วิพากษ์-วิจารณ์กัน ในแง่มุมต่างๆ เป็นรายวันเลยทีดียว
ชั่วโมงนี้เรื่อง “แร่แรร์เอิร์ธ” เป็นหัวข้อร้อนฉ่า!
ขอบอกล่วงหน้าว่า ผมก็เหมือนชาวบ้านทั่วไป ที่คำว่า “แร่แรร์เอิร์ธ” หรือ “แร่หายาก” นี้ ฟังแล้วหูไม่กระดิกว่า มันคืออะไร?
เมื่อ นายกฯ อนุทินไปเซ็น MOU กับประธานาธิบดีทรัมป์ เรื่อง “ส่งเสริมความร่วมมือและการลงทุนร่วมกัน” ระหว่าง “บริษัทของสหรัฐ” และ “ของไทย”
ทำเหมืองแร่ “แรร์เอิร์ธ”!
สร้าง“โรงกลั่นแร่”ขึ้นในไทย โดยสหรัฐฯยินดีถ่ายทอดองค์ความรู้ทางเทคโนโลยีและข้อมูลต่างๆให้ไทยด้วย นั้น
ประกอบกับได้ฟังความคิดเห็นจากผู้รู้ บางท่าน ก็ว่าจะเป็นประโยชน์กับไทย บางท่านก็ว่าการให้สหรัฐฯ เข้ามาลงทุน เกรงจะทำให้จีนเขม่นไทย
ก็ต่างๆ นานา ผมก็ได้แต่หันไปฟังซ้ายที-ขวาที เพราะไม่มีองค์ความรู้ที่จะไปขยายขี้เท่อกับเขา
ฉะนั้น วันนี้ มาทำความรู้จักเจ้า “แร่แรร์เอิร์ธ” กันซักหน่อยปะไร ผมหยิบจากตรงนั้น-ตรงนี้ แล้วมายำแบ่งกันกินทางหู-ทางตา
ต้องบอกว่า “แร่แรร์เอิร์ธ” นี้คือ….
“ตัวเปลี่ยนผ่านโลก” จากยุค “พลังงานฟอสซิล” ไปสู่ยุค “พลังงานสะอาด”!
โลกสู่ศตวรรษที่ ๒๑ ในอุตสาหกรรม (แทบ) ทุกอย่าง ตั้งแต่สากกะเบือยันเรือรบ แร่แรร์เอิร์ธคือ “หัวใจ”!
เพราะมันคือส่วนประกอบสำคัญของอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์และเทคโนโลยีสมัยใหม่ทั้งหมด
ไม่ว่า โทรศัพท์มือถือ รถยนต์ไฟฟ้า แท็บเล็ต คอมพิวเตอร์ ลำโพง กังหันลม ระบบนำทาง เรดาร์
เครื่องมือทางการแพทย์ เช่น เครื่องสแกน MRI การผ่าตัดด้วยเลเซอร์ รวมถึงอาวุธยุทโธปกรณ์ล้ำยุคที่จะนำมาฆ่ากันทั้งหมด!
แล้วประเทศไหนบ้างล่ะ ที่มีแร่แรร์เอิร์ธ?
จากข้อมูล “สำนักงานสำรวจธรณีวิทยาสหรัฐฯ” (USGS) ระบุ ๑๐ ประเทศผู้ผลิตแร่หายากมากที่สุดในโลกประจำปี ๒๕๖๗ ไว้ดังนี้
๑.“จีน” เป็นผู้นำโลกในอุตสาหกรรมแร่หายาก
โดยเฉพาะแร่ชนิดเบา เช่น นีโอไดเมียมและเพรซีโอดิเมียม ซึ่งเป็นวัตถุดิบสำคัญในการผลิตแม่เหล็กถาวร
ปีที่แล้ว จีนมีผลผลิตสูงถึง ๒๗๐,๐๐๐ เมตริกตัน
๒.“สหรัฐฯ” แร่หายากมาจากเหมืองเพียงแห่งเดียวคือ Mountain Pass ในแคลิฟอร์เนีย
ดำเนินการโดยบริษัท MP Materials โดยผลิตนีโอไดเมียมและเพรซีโอดิเมียมออกไซด์
๓.“เมียนมา” ปีที่แล้ว มีผลผลิต ๓๑,๐๐๐ เมตริกตัน ลดลงกว่า ๒๗% จากปีก่อน แต่ยังสูงกว่าปี พ.ศ.๒๕๖๕ ถึง ๑๕๘%
เหมืองส่วนใหญ่ ดำเนินการโดย “กลุ่มชาติพันธุ์” และ “กองกำลังติดอาวุธ” ในพื้นที่ ซึ่งขาดมาตรฐานด้านสิ่งแวดล้อม
การสกัดแร่ของพวกเขา ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อแม่น้ำและระบบนิเวศในพื้นที่
จีนพึ่งพาเมียนมาสำหรับแร่หายากมากถึง ๗๐ %โดยเฉพาะแร่หายากชนิดหนักอย่างดิสโพรเซียมและเทอร์เบียม
๔.“ออสเตรเลีย” เป็นผู้ผลิตแร่หายากรายใหญ่นอกประเทศจีน โดยปีที่แล้ว สามารถผลิตได้ ๑๓,๐๐๐ เมตริกตัน
และภายในปีนี้ ตั้งเป้าการผลิต ๑๒,๐๐๐ ตัน ขณะเดียวกัน รัฐบาลออสเตรเลีย กำลังลงทุนหลายร้อยล้านดอลลาร์เพื่อเร่งรัดการพัฒนาโครงการเหมืองแร่และโรงถลุงแห่งใหม่
๕.“ไนจีเรีย” ปีก่อน มีผลผลิตแร่หายาก ๑๓,๐๐๐ เมตริกตัน ประเทศนี้ถือเป็นผู้เล่นหน้าใหม่ในตลาดแร่หายากโลก ซึ่งเพิ่มขึ้นกว่า ๘๐% จากปีที่แล้ว
ขณะเดียวกัน รัฐบาลมีการลงนามในบันทึกความเข้าใจกับ “รัฐบาลฝรั่งเศส” เพื่อร่วมกันพัฒนาเหมืองแร่และอุตสาหกรรมแร่หายาก
๖.“ไทย” ปีที่แล้ว มีผลผลิตเกือบ ๑๓,๐๐๐ เมตริกตัน เพิ่มขึ้น ๒๖๑% จากปี ๒๕๖๖ และสูงกว่าระดับในปี ๒๕๖๑ ถึง ๑๓ เท่า
แม้ข้อมูลเกี่ยวกับอุตสาหกรรมแร่หายากของไทยมีไม่มากนัก แต่ไทยเป็นหนึ่งใน “ผู้นำเข้าแร่หายากรายใหญ่ของจีน”
โรงงานสำคัญคือ โรงงานที่ “ผลิตวัสดุแม่เหล็กแร่หายาก” สำหรับอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์
๗“อินเดีย” มีผลผลิต ๒,๙๐๐ เมตริกตัน เท่าปีก่อน
๘.“รัสเซีย” มีผลผลิตคงที่มาหลายปีที่ ๒,๖๐๐ เมตริกตัน
๙.“มาดากัสการ์” มีผลผลิต ๒,๐๐๐ เมตริกตัน กำลังลดลงอย่างต่อเนื่อง จากการต่อต้านของชุมชนในพื้นที่เหมือง และ
๑๐.“เวียดนาม” มีผลผลิต คาดว่าอยู่ที่ ๓๐๐ เมตริกตัน ลดลง ๗๕% จากปี ๒๕๖๕ แม้จะมีปริมาณสำรองมากเป็นอันดับ ๖ ของโลก
แต่เรื่องอื้อฉาวเกี่ยวกับการทุจริตในเหมืองแร่เมื่อปี ๒๕๖๖ ทำให้แผนการพัฒนาแร่หายากต้องหยุดชะงักลง
ครับ…นี่เป็นข้อมูลที่ผมนำมาจาก “ประชาชาติธุรกิจ”
สรุป จีน “เป็นเจ้าโลก” ครอบครองแร่หายากมากที่สุดกว่า ๗๐% ของทั้งโลก คือมากถึง ๒๗๐,๐๐๐ เมตริกตัน
และครองตลาดส่งออกแร่หายากนี้ ถึง ๙๐% ของโลก!
ในขณะที่สหรัฐฯ ซึ่งมีเป็นอันดับ ๒ ก็แค่ ๔๕,๐๐๐ เมตริกตันเท่านั้นเอง
ฉะนั้น ไม่น่าแปลกใจ ที่จีน “งดส่งออกแร่หายาก” ไปสหรัฐฯ เท่านั้นแหละ อุตสาหกรรมเทคโนโลยีสหรัฐฯ อัมพาตไปครึ่งซีก
จน “ประธานาธิบดีทรัมป์” ต้องขมีขมันไปพบ “ประธานาธิบดี สี จิ้น ผิง” ที่เกาหลีใต้ในวงประชุมเอเปก
ไม่มีอะไรมาก ก็เรื่องงอนง้อต่อรองให้จีนขายแร่แรร์เอิร์ธให้สหรัฐฯ เหมือนเดิมนั่นแหละ!
“เมียนมา” เพื่อนบ้านเรา ติดเพลส เข้าที่ ๓ ด้วยมีแร่หายากมากถึง ๓๑,๐๐๐ เมตริกตัน
ในยุค “โลกาภิวัฒน์” นี้ สโลแกนมีว่า “ใครครองสื่อ ผู้นั้นครองโลก”
แต่ยุค “โลกเปลี่ยนสมัย” สู่ศตวรรษที่ ๒๑ สโลแกนมีว่า “ใครครองแร่แรร์เอิร์ธมาก ผู้นั้นครองโลก”!
เพราะเหตุนี้ ทรัมป์จึงต้องมาประจี๋-ประจ๋อใจกับอาเซียน เพื่อแสวงหา “แหล่งแร่หายาก” เก็บเล็ก-ผสมน้อย จากทั่วโลก ให้เข้าไปอยู่ในพอร์ตของสหรัฐฯ
…….ก่อนที่จีนจะกวาดไปหมดทั้งโลก!
แล้วแร่ชนิดนี้ ทำไมมันถึงหายาก…ความจริง “หาไม่ยาก” ในเมืองไทยมีอยู่เกลื่อนไป ตั้งแต่เหนือยันใต้
“ดร.สนธิ คชวัฒน์” ผู้ทรงคุณวุฒิด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ ชมรมนักวิชาการสิ่งแวดล้อม ท่านโพสต์ว่า
“แม้ชื่อจะบ่งบอกว่า “หายาก” แต่ธาตุเหล่านี้กลับ “ไม่หายาก” ในเปลือกโลกเท่าใดนัก แต่มีความเข้มข้นต่ำ
แต่การทำเหมืองและสกัดให้บริสุทธิ์ “ทำได้ยาก” มีค่าใช้จ่ายสูง คุณสมบัติทางแม่เหล็ก เคมี และไฟฟ้าที่เป็นเอกลักษณ์
ทำให้ธาตุเหล่านี้ “ขาดไม่ได้” สำหรับในหลายการใช้งาน”
ในเมืองไทยเรา ธาตุหายากนี้ ….
พบได้ในเนื้อหินเกือบทุกชนิดที่เป็นส่วนประกอบของเปลือกโลก แหล่งแร่ที่ให้ธาตุหายากพบกระจายตัวทางด้านตะวันตกของประเทศไทย ตั้งแต่ภาคเหนือจนถึงภาคใต้
เช่น เชียงราย แม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ อุทัยธานี กาญจนบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร ระนอง พังงา และสุราษฎร์ธานี
บางคนบอกว่า…..
ในเมื่อหาไม่ยาก ทั้งบ้านเรามีตั้งเยอะแยะ ทำไมไม่ทำเอง-รวยเองล่ะ จะต้องให้สหรัฐฯ เข้ามาเอี่ยว-เข้ามาลงทุนร่วมทำไม?
เคยได้ยินคำว่า “หมาเห็นข้าวเปลือก” ใช่มั้ย?
นั่นแหละ ธาตุหายากกับไทยเราก็เข้าทำนองนั้น รู้อยู่-เห็นอยู่-มีอยู่ แต่เราไม่ความรู้ ไม่มีงานวิจัย ไม่มีเทคโนโลยี
ทั้งไม่มีขีดความสามารถ ที่จะทำเหมืองและสกัดแร่หายากนั้นให้บริสุทธิ์ได้”!!!
นอกจากต้องลงทุนระดับหลายๆ แสนล้านแล้ว อีกอย่างที่เราควรรู้คือ
เฉพาะการ “สร้างเหมือง” แร่แรร์เอิร์ธ ต้องใช้เวลา ๘-๑๐ ปี
และ “โรงกลั่นแร่” ก็ต้องใช้เวลาในการก่อสร้างอีกประมาณ ๕ ปี!!!
ฉะนั้น ไม่ต้องรีบตีโพย-ตีพาย กับการเซ็น MOU กับสหรัฐฯ ในเรื่องนี้หรอก เพราะมันไม่ง่ายและทำได้รวดเร็วเหมือน “ละเลงขนมเบื้องด้วยปาก”
และอีกอย่าง ต่อให้ทรัมป์เป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในภาคพิสดาร เป็นสมัยที่ ๓ ผมก็ว่า เรื่องนี้มันก็คาจนขึ้นราอยู่แค่ MOU นั่นแหละ
ยังไม่ได้ทำ ยังไม่มีการลงมือจริงจังอะไรหรอก สมมติทำ อีก ๑๐ ปี กว่าการสร้างเหมืองจะเสร็จ พวกที่นั่งปุจฉา-วิสัชนากันอยู่ตอนนี้ “เท่งทึง” กันไปก่อนแล้วมั้ง
รวมทั้งผมด้วย!
แต่เอาที่แน่ๆ แม้สหรัฐฯ จะเข้ามาร่วมทุนทำกับไทยภายใน ๒-๓ ปีนี้ก็เถอะ
ผมว่า ไม่ได้ทำหรอก….
เพราะ “สงครามโลก ครั้งที่ ๓” จะมาชิงตัดหน้าไปซะก่อน!!!
อย่างอื่น สหรัฐฯ นำหน้าจีน
แต่เรื่องขีดความสามารถในการกลั่นแร่และการมีแร่หายากอยู่ในครอบครอง
จีนนำหน้าสหรัฐฯ!
อย่าเข้าใจว่า จีนมีแร่หายากอยู่เฉพาะในประเทศเท่านั้นนะ อีกหลายแหล่งในหลายๆ ประเทศ จีนเข้าไปลงทุนครอบครองเกือบทั้งหมดก่อนแล้ว
จีน เรียกว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญในด้านสร้างเหมืองและโรงกลั่นแร่แรร์เอิร์ธมาตั้งแต่ปี ๒๕๒๓ โน่นแน่ะ แต่เราเพิ่งตื่นหูกันตอนนี้เท่านั้นเอง
แร่หายากนี้ มีคุณมหาศาลก็จริง
แต่โทษมันก็มหันต์ เพราะกระบวนการขุดและการแปรรูป ต้องใช้สารเคมีจำนวนมาก
ทำให้สารเคมีและกากแร่ที่มีกัมมันตรังสีปนเปื้อนในน้ำและดิน ก่อเกิดมลพิษในระยะยาว ทั้งการปล่อยฝุ่นและก๊าซอันตราย
การทำลายป่าและถิ่นที่อยู่ของสัตว์
ที่ห่วงกันว่า MOU ที่เซ็นไปนั้น เราจะถูกผูกมัดทางกฎหมาย
ก็ไม่ต้องห่วง เพราะทั้งรัฐมนตรีคลัง “นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ” และทั้ง “นายปกรณ์ นิลประพันธ์” เลขาฯกฤษฎีกา ยืนยัน
-“MOU” นั้น “ไม่ใช่กฎหมาย” ไม่มีข้อผูกพันทางกฎหมาย
-ยกเลิกเมื่อไหร่ก็ได้ ไม่มีผลต่อสิ่งที่ดำเนินการไปแล้ว
-ไม่ใช่เป็นการให้สัมปทานสหรัฐฯ ในการทำเหมืองแร่หายาก
-ต้องเปิดประมูลในวิธีการที่เสรี เป็นธรรม ให้สอดคล้องกับองค์การการค้าโลก
“นายกฯ อนุทิน ชาญวีรกูล” พูดถึงประเด็นนี้ ว่า….
“เป็นการลงนาม ถ้าในอนาคต เรามีแร่ในประเทศไทย สิ่งเหล่านี้ สามารถทำให้เกิดประโยชน์กับประเทศได้ เราจะศึกษาร่วมกัน
แสวงหาความร่วมมือร่วมกันกับสหรัฐฯ ในกรณีที่เขามีเทคโนโลยีที่ดีกว่า มีช่องทางตลาดที่มากกว่า
แต่ไม่ใช่หมายความว่า เราจะเซ็นกับเขาฝ่ายเดียว ไม่ได้อยู่ภายใต้เรื่องการให้สัมปทาน ถึงได้ออกมาเป็น MOU นี้
ถ้ามีขึ้นมา แล้วใช้ประโยชน์ได้ อาจต้องมีการแปรรูปในอนาคต ก็เปิดโอกาสให้มีการศึกษาความร่วมมือด้วยกัน
ยืนยัน “ไม่ใช่สัมปทาน” ไม่ให้รายเดียว
และไม่มีผลผูกพันทางกฎหมาย หากไทยทำได้เอง มีช่องทางการตลาดเอง มีการนำเทคโนโลยีมาพัฒนาเอง เราก็ยกเลิก MOU แล้วมาทำเอง”
ครับ….
เป็นเรื่อง “แร่แรร์เอิร์ธ” เวอร์ชั่น “สุกเอา-เผากิน” ผมประมวลมา อ่านแล้วเข้าใจบ้าง-ไม่เข้าใจบ้าง ก็ยกประโยชน์ให้จำเลย คือผมก็แล้วกัน
“แร่แรร์เอิร์ธ”
มีอักษร “ร.รวย” อยู่ตั้ง ๔ ตัว ถ้าทำได้ ต้องมีแต่ รวย..รวย..รวย และรวย แน่เลย!
เปลว สีเงิน
๒๙ ตุลาคม ๒๕๖๘

