เปลว สีเงิน
“ไทยโพสต์”…….
“อีโหลกโขลกเขลก” มาจนถึงวันนี้ได้ยังไง ผมเองก็ยังงง?
ก็ขอบอกอย่างงงๆ ว่า
อังคารที่ ๒๑ ตุลา.๖๘ ที่จะถึงนี้
“ไทยโพสต์” จะมีอายุย่างขึ้นปีที่ ๓๐ แล้วนะจ๊ะ..นะจ๊ะ!
ใจหนึ่งก็ดีใจที่ “รอดตีน-รอดตาย” ผ่านมาได้จากเหตุการณ์หลายกรรม-หลายวาระ อยู่มาจนถึงวันนี้
แต่อีกใจหนึ่ง ก็วะวิบหวิว
ในเมื่อ ไทยโพสต์ยัง ๓๐ ปี แล้วคนทำให้ไทยโพสต์เกิด เมื่อ ๒๑ ตุลาคม ๒๕๓๙ คือเมื่อ ๒๙ ปีที่แล้ว
ถึงตอนนี้ “บัญชีชีวิต” คนทำ มันจะเหลือซักอีกกี่ปีกัน?
ฉะนั้น อังคารที่ ๒๑ ตุลา.ที่จะถึงนี้
ถ้าท่านว่าง ขอเชิญ ทั้งมิตร-ทั้งศัตรู ทั้งเจ้าเก่าและเจ้าใหม่มาปะหน้าให้เห็นลูกตาได้ชื่นใจกันหน่อย
ก่อนที่ผมจะ “ไปสู่ ณ ที่ซึ่งไม่มีใครได้ตามพบ” ในอีก ๑๐ ปี ข้างหน้า (อวยพรตัวเองก็ได้ ขืนรอให้ใครอวยพร มีหวังตายก่อนแหงๆ)!
ก็เหมือนเดิมแหละครับ คือไม่มีพิธีกรรม-พิธีการอะไร
มีแต่ “พิธีกิน” พวกเรากันเอง
มาแล้ว ก็เลือกรับประทานมื้อเที่ยง มื้อบ่าย หรือมื้อเย็นด้วยก็ตามสบาย เพราะไทยโพสต์ ผมเพียงทำให้เกิด แต่ท่านทั้งหลายตะหากที่ทำให้โต
ฉะนั้น งานไทยโพสต์ คืองานของท่าน ทุกคนมีสิทธิ์-มีส่วน “เป็นเจ้าภาพด้วยกัน” มีอะไรไม่ถูกใจหรือขาดตกบกพร่องอะไร
ท่านก็ “เงียบไว้” ในฐานะเจ้าภาพร่วม..เนอะ!?
นี่ผมก็เชิญชวนไปเรื่อย แต่มีอะไรให้รับประทานบ้างก็ยังไม่รู้เหมือนกัน
ที่มีแน่ๆ ๒ อย่าง ถ้าขาดถือว่าวันครบรอบไทยโพสต์ไม่สมบูรณ์
อย่างแรก คือ หนังสือเล่มเล็กๆ แต่คือ “รากคิดเพื่อชีวิตใหม่” ที่ “ครอบครัวกิจพานิช” โดย “คุณศรีวรรณา กิจพานิช”
นำข้อเขียนของคุณ “นุสนธิ์” มาพิมพ์เป็นงาน “ชักเงาสังคม” ให้แวววามที่ใจ แจกจ่าย
ซึ่งไม่น่าเชื่อว่า พิมพ์แต่ละครั้ง จะมีสถานศึกษา ห้องสมุด ประชาชน ศาสนสถานทั้งพุทธ-ทั้งคริสต์ กระทั่งตามเรือนจำต่างๆ
เห็นคุณค่าข้อเขียนของคุณนุสนธิ์ที่อ่านแล้วสามารถ “เปลี่ยนคนได้” มาขอรับไปให้ นักเรียน ประชาชนทั่วไป ผู้ต้องขัง ได้อ่าน
จนต้องพิมพ์เป็น แสนๆ เล่ม ในแต่ละเรื่อง!
“ครอบครัวกิจพานิช” เป็นชาวคริสต์ แต่เป็นคริสต์ที่ทะลุกำแพงกั้นคำสอนแต่ละศาสนา ไปสู่คำว่า “เมตตา-แบ่งปัน”
คือฐานรากของทุกคำสอนแต่ละศาสนา
แต่ละปี “ครอบครัวกิจพานิช” บ้านทรงไทย ริมแม่น้ำนครไชยศรี จะสละเงินปีละหลายๆ ล้าน เพื่อพิมพ์หนังสือประเภท “ข้อคิด-สะกิดใจ” แจกจ่ายในแต่ละปี
ท่านทำเช่นนี้มา เท่าที่ผมเห็น ก็ไม่ต่ำกว่า ๒๐ ปีแล้ว!
ปีนี้ คุณศรีวรรณา นำข้อเขียนคุณนุสนธิ์ ในเรื่อง “เรียนทำทั้งชีวิต” มาพิมพ์ ก็พิมพ์แล้ว-พิมพ์อีก เป็นแสนเล่ม เพราะมีคนและสถาบัน ขอกันมาเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ
ท่านนำมามอบให้แจก ๓๐๐ เล่ม ข้อความสั้นๆ แต่จิกหัวใจตามสไตล์นักอ่านรุ่นใหม่ ที่ไม่ชอบอะไรยาวยืด
เรื่องเดียว แต่พิมพ์ ๓ ปก ฉะนั้น ท่านมาแล้ว ชอบปกไหนเชิญหยิบยัดกระเป๋าไปได้คนละเล่ม
ว่างตอนไหน ลองฝืนใจพลิกอ่านซักหน้า-สองหน้า อ่านแล้วถ้าสะเก็ดคิดไม่ติดไฟในหัวใจ เอาหนังสือมาคืนได้ แถมเลี้ยงข้าวแกงปลอบใจฟรี ๑ มื้อ
อย่างที่ ๒ สบู่ “มาดามเฮง” คู่แฝด “ไทยโพสต์” ของแท้ แน่นอน ไม่เลียนแบบใคร มีแต่ใครนำไปเลียนแบบ
เสี่ยขาว “คุณวรรณชัย สุรอมรรัตน์” ท่านจัดมาให้แจกทุกปี จนใครๆ นึกว่าผมเป็นเจ้าของมาดามเฮง
ไม่ใช่หรอกครับ คุณวรรณชัยท่านเป็นเจ้าของ เห็นผมเนื้อตัวล่อนจ้อน งานวันครบรอบแต่ละปี ไม่เห็นมีอะไรให้แฟนๆถือติดไม้-ติดมือกลับไป
ท่านก็กรุณาจัดมาให้ในแต่ละปีๆ ละหลายๆรอบด้วยซ้ำ!
นี่ผมก็ได้แต่ชวน แต่ยังไม่ได้บอกเลยว่า ไทยโพสต์ย้ายจากคลองเตยแล้ว ตอนนี้มาซุกอยู่ตรงปลายซอยไหน?
ย้ายมาอยู่ ปลายซอย ๔๖ ประชาชื่น ริมคลองประปา เขตบางซื่อ ช่วงระหว่างรอยต่อ “กรุงเทพ-นนทบุรี” เลยไปนิด ก็ถึง ๔ แยกพงษ์เพชร
เห็นไฟจราจรเหลืองๆ แวบๆ เลี้ยวทางฝั่งถนนเข้าไปเลย อย่าเลี้ยวทางฝั่งคลองล่ะ นั่นลงน้ำไปเลย!
ปีหนึ่ง ก็มีหนหนึ่ง ปกติ ผมเป็นคนไม่ชอบมีงาน-มีการอะไร แต่เพื่อนร่วมงานเขาบอกไม่ได้
จะยาจกเข็ญใจขนาดไหน ก็ต้องทำให้รู้สึกว่า…แล้วเราก็ผ่านไปได้อีกปี แต่ผมก็ไม่แน่ใจว่า
ระหว่างเราผ่านไปได้อีกปี กับคนที่จะมา เขาคิดว่า แล้วกูก็ต้องลำบากไปอีกปี อย่างไหนจะใช่กว่ากัน?
เอาละ….ถ้ามา ก็เจอหน้า ได้จ๊ะจ๋ากัน วันนั้น
นี่ผมก็เอิ้นล่วงหน้า เพราะกลัวว่า ถึงวันที่ ๒๑ ตุลา.อุตส่าห์ตั้งหม้อก๋วยเตี๋ยวรอ แต่กลับไม่มีใครมา
แล้วผมก็จะขายขี้หน้าเขาตั้งแต่หัวคลองยันท้ายคลอง!
มาเข้าเรื่องกันบ้าง….
ไทย-เขมรไปถึงไหนแล้วล่ะ จาก “ทวิภาคี” ตอนนี้ ท้องนอกมดลูกเป็น “จตุภาคี” มีสหรัฐฯ-มาเลย์ เป็นตัวร่วมเจรจา
เห็นท่าน “สีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว” รมว.ต่างประเทศ จะไปมาเลย์ ก็คงไปให้ประธานอาเซียน “นายกฯ อันวาร์” กล่อม ให้หลงจ๊งเก๋าเจ๊งกับเขมร
เพื่อทรัมป์จะได้มาเป็นหน้า-เป็นตาในงานประชุม “อาเซียนซัมมิต” ที่มาเลย์ ปลายเดือนนี้
และทรัมป์จะได้เป็น“ มิสเตอรสันติภาพ” โดยเป็นประธานในพิธีลงนามสันติภาพ “ไทย-เขมร”
ใครเชื่อว่าตกลงกับเขมรแล้ว เขมรจะทำตามสัญญา ผมบอกได้เลย คนนั้น โง่ยิ่งกว่าควาย ๕ ตัวรวมกัน!
เพราะอย่างนี้แหละ รัฐบาลอนุทินจึงรู้ทันเกม สร้างบัญญัติ ๔ ประการ ไปบอกในที่ประชุมให้รับรู้ก่อนว่า
ถ้าเขมรยอมทำตามบัญญัติ ๔ ประการนี้ ไทยถึงจะยอมเจรจาด้วย!
๑.ให้ถอนกำลังและอาวุธออกไปให้หมด
๒.ให้นำคนที่บุกรุกแผ่นดินอธิปไตยไทยออกไปให้หมด
๓.ให้กวาดล้าง แก๊งสแกมเมอร์ คอลเซนเตอร ค้ามนุษย์ในเขมรให้หมด และ
๔.ให้เก็บกู้สิ่งที่เป็นอันตรายต่อประเทศไทยออกจากพื้นที่
ท่านรัฐมนตรีสีหศักดิ์นี่ ถูกใจผมมากเลย ตรงที่ท่านมีมาดสุขุม นุ่มลึก พูดไป-ยิ้มไป ทำนองว่า “กูรู้นะ พวกมึงจะมาไม้ไหนกับกู”
ฉะนั้น อุ่นใจได้ ในวงประชุม “จตุภาคี” ๓ รุม ๑ ไทยมีเข็มทิศชี้โด่ตั้งเด่รับอยู่แล้ว พวกมึงจะกล่อม-จะเกา ให้ไทยเซ็นสันติภาพให้เป็นหน้า-เป็นตาทรัมป์ก็ได้
แต่…ต้องให้เขมรยอมปฎิบัติตาม “บัญญัติ ๔ ประการ” ตามที่ไทยเสนอก่อน!
ไม่งั้น…ไม่คุย!
แค่ให้ชาวเขมรออกไปจาก “บ้านหนองจาน-หนองหญ้าแก้ว” อันเป็นแผ่นดินของไทย เห็นโต้งๆ แล้วมันยอมออกไปซะที่ไหนล่ะ
แถมอ้างหน้าด้านๆ ว่าเป็นแผ่นดินของมัน
บนโต๊ะเจรจาละก็ แหม…หวานนัก คำก็สันติภาพ สองคำก็สันติภาพ หวานจนน่าเอาหัวแม่เท้าไปแช่อิ่มในปากมัน!
สหรัฐฯ น่ะ ถ้าจริงใจ….
ไม่ต้องมานั่งเป็นพ่อใหญ่หย่าศึกเองหรอก แค่บอกให้ลูกกระเป๋งอย่าง “สหประชาชาติ” ไปตบกบาลเขมรซักฉาด ว่า
“เฮ้ย…นั่นมันแผ่นดินประเทศไทยเค้า…..
กูไปขอให้เขาเปิดรับพวกมึงได้ซุกหัวอยู่ชั่วคราวตอนนั้นเอง แล้วพวกมึงจะไปทึกทักบ้าบออะไรว่าเป็นที่ดินของเขมร
ก็ไอ้พวกมึงมันเป็นอย่างนี้ ไปอยู่ที่ไหน คนเขาถึงได้เกลียดเขมรกันทั้งโลก”
นี่…มันเป็นอย่างนี้
พวกเราใจเย็นๆ ค่ำ-เช้า เฝ้าสีซอไปเรื่อยๆ “ฮุนเซน ๒ พ่อลูก” มันใกล้อวสานสมบูรณ์ด้วยตัวมันเองแล้วหละ
แต่ก่อน กับไทยมันง่าย ตามด่านผ่านแดน เห็นเงิน ก็เหมือนงูเห็นเชือกกล้วย อ่อนระทวย เขมรจึงเหิม
แต่ตอนนี้ งูกินทั้งเชือก-กินทั้งกล้วย ไม่ระทวยแล้ว เข้าใจคำว่า “น้ำร้อนปลาเป็น-น้ำเย็นปลาตาย” มั้ย?
เรา-ชาวบ้าน ต้องเชื่อใจทหารเค้า เอาก้านไม้ขีดถ่างตาไว้เถอะ ปลายตุลา.คาบเกี่ยวพฤศจิกา. ตามจ้องมองกันดีๆ
คุณ “เวหา” เขาบอกว่า……
มหาบรรลัยแน่…เขมร!
เปลว สีเงิน
๑๕ ตุลาคม ๒๕๖๘
