กระทรวงสาธารณสุข เผย “โรงพยาบาลตราด” ออกแถลงการณ์ 3 ภาษา ทั้งไทย กัมพูชา และอังกฤษ ยืนยันไม่มีการปฏิเสธดูแลแม่ชาวกัมพูชาและทารกอายุ 1 วัน เนื่องจากไม่มีเงิน ตามที่ปรากฏข่าวบิดเบือน แต่พบว่าผู้ป่วยต้องการกลับประเทศทันทีและจะทิ้งทารกไว้ที่โรงพยาบาล จึงประสานตำรวจและกุมารแพทย์โรงพยาบาลเกาะกง เพื่อส่งตัวทั้งแม่และทารกกลับประเทศอย่างปลอดภัย ย้ำสาธารณสุขไทยให้การดูแลทุกชีวิตตามมาตรฐานวิชาชีพ ช่วยเหลือตามหลักมนุษยธรรมและกฎหมาย
27 มิถุนายน 2568 นพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร ผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข เขตสุขภาพที่ 6 กล่าวถึงกรณีมีข่าวบิดเบือนว่าโรงพยาบาลตราดปฏิเสธการดูแลแม่ชาวกัมพูชาและทารกอายุ 1 วัน เนื่องจากไม่มีเงินรักษา ว่า กระทรวงสาธารณสุข โดยโรงพยาบาลตราด ได้ออกแถลงการณ์ 3 ภาษา ทั้งภาษาไทย กัมพูชา และอังกฤษ เพื่อชี้แจงให้ประชาชนทั้ง 2 ประเทศได้รับทราบข้อเท็จจริง โดยเมื่อช่วงบ่ายของวันที่ 25 มิถุนายน 2568 ผู้ป่วยรายดังกล่าวพยายามจะออกจากโรงพยาบาลหลังคลอดบุตรได้ไม่กี่ชั่วโมง ให้เหตุผลว่าไม่มีค่าใช้จ่าย แม้โรงพยาบาลจะพยายามชี้ให้เห็นถึงความจำเป็นที่ต้องพักรักษาตัว เพื่อไม่ให้เกิดภาวะแทรกซ้อนที่เป็นอันตรายถึงชีวิต เช่น ภาวะตกเลือดหลังคลอด หรือการติดเชื้อ รวมทั้งแจ้งให้ทราบถึงสิทธิ์และช่องทางขอรับการสงเคราะห์ด้านค่าใช้จ่าย แต่ผู้ป่วยยังคงยืนกรานที่จะออกจากโรงพยาบาล และแสดงเจตนาว่าไม่ต้องการบุตร โดยขอให้โรงพยาบาลนำไปทิ้ง และเมื่อได้รับการซักถามซ้ำยังพยายามวิ่งหนีออกจากโรงพยาบาลทันที
“โรงพยาบาลตราดจึงได้ประสานงานเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย กุมารแพทย์ นิติกรโรงพยาบาล และสังคมสงเคราะห์ เพื่อเข้าพูดคุยระงับเหตุ แต่ผู้ป่วยมีพฤติกรรมก้าวร้าวและพยายามหลบหนี จึงประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจช่วยดูแลและพูดคุยกับผู้ป่วยอีกครั้ง ซึ่งผู้ป่วยยังคงยืนกรานที่จะเดินทางกลับประเทศกัมพูชาภายในวันนั้น และเริ่มมีท่าทีก้าวร้าวขึ้น เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงเข้าดำเนินการประสานงานเพื่อผลักดันผู้ป่วยกลับประเทศตามที่ปรากฏเป็นข่าว” นพ.โสภณกล่าว
ด้าน นพ.สุชาติ ตันตินิรามัย ผู้อำนวยการโรงพยาบาลตราด กล่าวว่า ในการประสานส่งตัวแม่และทารกหลังคลอดกลับประเทศกัมพูชา โรงพยาบาลได้คำนึงถึงความปลอดภัยและสวัสดิภาพของผู้ป่วยเป็นสำคัญ โดยเฉพาะทารกที่คลอดก่อนกำหนด โดยกุมารแพทย์ได้ประเมินสัญญาณชีพและค่าออกซิเจนของทารกอย่างละเอียด พบว่าคงที่และปลอดภัย แต่เนื่องจากแม่มีพฤติกรรมที่พยายามหลบหนีและจะทอดทิ้งทารกไว้ที่โรงพยาบาล จึงได้ประสานงานกับกุมารแพทย์ของโรงพยาบาลเกาะกง ซึ่งที่ผ่านมามีการพัฒนาระบบส่งต่อผู้ป่วยระหว่างสองโรงพยาบาล และมีโครงการพัฒนาศักยภาพเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลเกาะกงร่วมกันเป็นประจำทุกปี โดยกุมารแพทย์โรงพยาบาลเกาะกงแจ้งว่ายินดีรับผู้ป่วยกลับประเทศไปดูแลอย่างดี โรงพยาบาลตราดจึงจัดเตรียมรถพยาบาลพร้อมอุปกรณ์ที่จำเป็น เช่น ออกซิเจนและตู้ควบคุมอุณหภูมิ มีพยาบาลเฉพาะทางทารกแรกเกิดติดตามดูแลอย่างใกล้ชิดตลอดการเดินทางไปยังจุดนัดหมายบริเวณชายแดน ทำให้ทั้งแม่และทารกได้อยู่ด้วยกันอย่างปลอดภัย ซึ่งกุมารแพทย์โรงพยาบาลเกาะกงได้ส่งภาพการดูแลทารกเพื่อเป็นหลักฐานยืนยันการรับตัวด้วย
“โรงพยาบาลตราด ได้ให้การดูแลและดำเนินการทุกขั้นตอนตามมาตรฐานวิชาชีพอย่างเคร่งครัด โดยคำนึงถึงความปลอดภัยและสวัสดิภาพของผู้ป่วยเป็นสิ่งสำคัญ พร้อมทั้งประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อให้การช่วยเหลือตามหลักมนุษยธรรมและกฎหมายอย่างเหมาะสมที่สุด ซึ่งต้องขอขอบคุณเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายที่ให้ความร่วมมือในการแก้ไขปัญหานี้ให้ลุล่วงไปด้วยดี” นพ.สุชาติกล่าว