นับถอยหลัง ‘ทักษิณ’ #ผักกาดหอม

ผักกาดหอม

“… ไม่มีหลักฐานเชิงประจักษ์ที่ชัดเจน ว่ามีภาวะวิกฤต…”

นี่คือคำแถลงของ ศ.นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา อุปนายกแพทยสภาคนที่ ๑ เมื่อวันที่ ๘ พฤษภาคม ที่ผ่านมา

เป็นหัวใจหลักของเรื่องราวทั้งหมด!

หากไม่มีหลักฐานว่า “ทักษิณ ชินวัตร” ป่วยวิกฤต การออกจากเรือนจำไป ห้องวีไอพี ชั้น ๑๔ โรงพยาบาลตำรวจ ถือว่าการบังคับโทษไม่เป็นไปตามกฎหมาย

การบังคับโทษคืออะไร?

การบังคับโทษ คือกระบวนการบังคับผู้กระทำความผิด ให้รับโทษที่ศาลได้กำหนดไว้ตามกฎหมาย

โทษตามกฎหมายอาญาแบ่งออกเป็น ๕ สถาน

๑.ประหารชีวิต

๒.จำคุก

๓.กักขัง

๔.ปรับ

และ ๕.ริบทรัพย์สิน

ศาลพิพากษามาเช่นไร การบังคับโทษต้องเป็นไปตามนั้น

จำคุก ก็ต้องเข้าไปอยู่ในเรือนจำ ไม่ใช่ห้องวีไอพี

แต่หากจะมีเหตุ

หากมีขบวนการช่วยเหลือไม่ให้ “ทักษิณ” ติดคุก ก็ต้องอธิบายเหตุผลทางการแพทย์ให้ได้ ว่าพฤติการณ์ของทักษิณ ตั้งแต่วันแรกที่ออกจากโรงพยาบาลตำรวจนั้น “ทักษิณ” เคยเป็นผู้ป่วยวิกฤตจริงๆ

และต้องมีคำอธิบายทางการแพทย์ที่ชัดเจนว่า ทำไมเมื่อ “ทักษิณ” ออกจากโรงพยาบาลตำรวจในวันที่ ๑๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๗ ถึงไม่มีสภาพของผู้ป่วยที่ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้

วันที่ ๑๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๗ หรือวันก่อนหน้านั้น “ทักษิณ” ยังเป็นผู้ป่วยที่ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ใช่หรือไม่

ในทางการแพทย์ เป็นไปได้หรือไม่ที่ ผู้ป่วย จะหายจากป่วยวิกฤตแค่ข้ามคืน

หากวันที่ ๑๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๗ หรือวันก่อนหน้านั้น “ทักษิณ” มีอาการดีขึ้นแล้ว อย่างที่เห็นอากัปกิริยาของ “ทักษิณ” ที่บ้านจันทร์ส่องหล้า แล้วทำไมถึงไม่พา “ทักษิณ” กลับเรือนจำ

เพราะมิได้อยู่ในสภาพผู้ป่วยวิกฤต

ย้อนกลับไปอีกทีครับ หลักแห่งการพักโทษ คือ…

๑.ป่วย ซึ่งต้องเป็นโรคที่กำหนดไว้ ๗ ข้อ อาทิ โรคร้ายแรงที่รักษาไม่หายขาด ไตวายระยะสุดท้าย (ต้องฟอกไต) มะเร็งระยะสุดท้าย สมองเสื่อม อัลไซเมอร์ เป็นต้น มีโอกาสเสียชีวิตหากอยู่ในเรือนจำต่อ

๒.ชราภาพ อายุเกิน ๗๐ ปี แต่จะต้องช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ด้วย

เกณฑ์ทั้งหมดที่ใช้วัดในแบบทดสอบ มี ๑๐ ข้อ ต้องได้คะแนนไม่เกิน ๑๑ คะแนน ประกอบด้วย

๑.กินอาหารด้วยตนเองไม่ได้

๒.ใช้ห้องน้ำด้วยตนเองไม่ได้

๓.ชำระร่างกายด้วยตนเองไม่ได้

๔.สวมเสื้อผ้าด้วยตนเองไม่ได้

๕.เดินไปมาภายในบ้านไม่ได้

๖.ลุกจากเตียงไปนั่งเก้าอี้ไม่ได้

๗.ขึ้นบันไดด้วยตนเองไม่ได้

๘.อาบน้ำไม่ได้

๙.กลั้นอุจจาระไม่ได้

๑๐.กลั้นปัสสาวะไม่ได้

“ทวี สอดส่อง” ตอบข้อสงสัยนี้ในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรว่า

“…กรณีท่านทักษิณอยู่ต่ำกว่าเกณฑ์เลข ๑๑ เล็กน้อย…”

หมายความว่า “ทักษิณ” ผ่านเกณฑ์การประเมินว่าเป็นผู้ป่วยที่ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้

นอกจากการประเมินจากโรงพยาบาลราชทัณฑ์ว่า “ทักษิณ” อยู่ในภาวะวิกฤตแล้ว

ภาวะวิกฤตของ “ทักษิณ” ต่อเนื่องยาวนานจากวันที่ ๒๒ สิงหาคม ๒๕๖๖ จนถึง ๑๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๗

การที่ผู้ป่วยมีภาวะวิกฤตยาวนานขนาดนี้ การเปลี่ยนแปลงทางร่างกาย มีอะไรบ้าง ทางการแพทย์สามารถอธิบายได้ ซึ่งก็คือผู้ป่วยติดเตียงนั่นเอง

ผู้ป่วยติดเตียงคือ ผู้ป่วยที่มีอาการเจ็บป่วยเรื้อรัง จนไม่สามารถเคลื่อนไหวร่างกาย ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเอง และไม่สามารถลุกนั่งหรือลุกเดินได้ตามปกติ ต้องนอนพักรักษาตัวอยู่บนเตียงตลอดเวลา

ในปัจจุบันผู้ป่วยติดเตียงถือว่ามีหลายประเภท ทั้ง เด็ก ผู้ใหญ่ ไปจนถึง ผู้สูงอายุติดเตียง

ส่วนของสาเหตุที่ทำให้เป็นผู้ป่วยติดเตียง ก็มาจากหลายสาเหตุ ส่วนใหญ่เกิดจากโรคต่างๆ เช่น อัมพฤกษ์ อัมพาต โรคพาร์กินสัน

นอกจากนี้ผู้ที่ผ่านการประสบอุบัติเหตุ ผ่านการผ่าตัดใหญ่ ก็มีโอกาสเป็นผู้ป่วยติดเตียงได้เช่นเดียวกัน

ในทางการแพทย์ ยังไม่ได้มีการยืนยันว่าผู้ป่วยติดเตียงจะกลับมาหาย หรือกลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติ เพราะโอกาสในการหายของผู้ป่วยติดเตียงจะต้องขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง

ตั้งแต่อาการของผู้ป่วย โรคที่ผู้ป่วยเป็นอยู่ อายุ สภาพทางกายภาพของผู้ป่วย รวมไปถึงการรักษาและการดูแลสุขภาพร่างกายของผู้ป่วย

ดังนั้นจึงยังไม่สามารถบอกได้ว่าผู้ป่วยติดเตียงจะหายได้หรือไม่

แต่ถึงอย่างนั้นการดูแลสุขภาพร่างกายของผู้ป่วย และการรักษาที่เหมาะสม ก็ยังเป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้ผู้ป่วยติดเตียงมีโอกาสหายได้

ครับ…การไต่สวนของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง คงจะเน้นเรื่องการเอาตัว “ทักษิณ” ออกไปจากเรือนจำ และไปจำคุกนอกเรือนจำ เป็นไปตามกฎหมายหรือไม่

ขณะที่วันนี้ (๑๒ มิถุนายน) ในการประชุมแพทยสภา จะไม่มีการเปลี่ยนแปลงข้อเท็จจริงที่ว่า ไม่มีหลักฐานเชิงประจักษ์ที่ชัดเจนว่า “ทักษิณ” ป่วยวิกฤตจริง

การวีโตของ “สมศักดิ์ เทพสุทิน” ในฐานะนายกสภาพิเศษ ก็ไม่อาจเปลี่ยนแปลงความจริงที่ว่า “ทักษิณ” ไม่ได้ป่วยวิกฤตจริงเช่นกัน

ความจริงตั้งแต่เรือนจำยันโรงพยาบาลตำรวจ มีเพียง ๑ เดียว หากมีคนทำให้เกิดชุดความเชื่อว่ายังมีความจริงที่เป็นคุณกับ “ทักษิณ” ก็ระวังไว้ วันหนึ่งกรรมจะตามทัน

“ทักษิณ” คือศูนย์กลางความขัดแย้ง

ทั้งความขัดแย้งทางการเมืองในประเทศ

และความขัดแย้งการเมืองระหว่างประเทศ

คือ ไทย-กัมพูชา

การกลับมาของ “ทักษิณ” มิได้ทำให้ประเทศเดินหน้าไปอย่างราบรื่นได้เลย นั่นเพราะตัว “ทักษิณ” สร้างเงื่อนไขไปสู่ความขัดแย้งซ้ำแล้วซ้ำเล่า

สิ่งที่พอจะผ่อนหนักให้เป็นเบาได้คือ ทำให้ทุกอย่างเป็นไปตามกฎหมาย

การบังคับโทษ “ทักษิณ” ต้องทำให้ถูกกฎหมาย

หาไม่แล้ว ขัดแย้งไม่รู้จบ!

Line Open Chat *เพิ่มช่องทางการรับข่าวสาร จากเว็บไซต์ *อ่านคอลัมน์ เปลว สีเงิน ก่อนใคร *ส่งตรงถึงมือทุกคืน *เปิดกว้างเพื่อแฟนคอลัมน์พูดคุยแบบกันเอง ทุกเรื่องราว ข่าวสารบ้านเมือง สังคม ฯลฯ
Written By
More from pp
ซูเลียน เปิดศักราชใหม่ !!! จัดประชุม Start Your Dream By ZHULIAN Team ปลุกพลังบวก เติมความฝัน สู่เส้นทางนักธุรกิจระดับแนวหน้า
ซูเลียน (ประเทศไทย) ไม่เคยหยุดที่จะสร้างแรงบันดาลใจ! เปิดตัวศักราช 2568 ด้วยงานประชุมสุดยิ่งใหญ่ “Start Your Dream By ZHULIAN Team”...
Read More
0 replies on “นับถอยหลัง ‘ทักษิณ’ #ผักกาดหอม”