ผักกาดหอม
เห็นมาหลายเดือนแล้ว…
ตั้งแต่ “เศรษฐา ทวีสิน” เป็นนายกรัฐมนตรี
“นรินท์พงศ์ จินาภักดิ์” เจ้าของเก้าอี้ “นายกสมาคมทนายความแห่งประเทศไทย” ออกมาให้ความเห็นทางกฎหมายที่พิสดารพันลึก
ไกลจากความเป็นจริง
ถ้าเป็นนักซิ่ง ก็ประเภทชอบย้อนศร
ก่อนนายกฯ เศรษฐาจะถูกถอดถอนโดยศาลรัฐธรรมนูญ จากการตั้ง “พิชิต ชื่นบาน” เป็นรัฐมนตรี ความเห็นทางกฎหมายของ นายกสมาคมทนายความฯ ย้ำนะครับคนละตำแหน่งกับ นายกสภาทนายความในพระบรมราชูปถัมภ์ ช่างสะเด่าจริงๆ
“…ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา ๑๕๘ บัญญัติให้อำนาจ นายกรัฐมนตรีเป็นผู้คัดสรรผู้ที่สมควรดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี และเป็นผู้นำรายชื่อผู้ที่ได้รับการคัดสรรขึ้นกราบบังคมทูล เพื่อให้พระมหากษัตริย์ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นรัฐมนตรี
แต่อำนาจหน้าที่ในการตรวจสอบคุณสมบัติของผู้ที่ได้รับการคัดสรร เป็นหน้าที่ของสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.) โดยผู้ที่ได้รับการคัดสรรจะเป็นผู้กรอกประวัติของตน จากนั้นเมื่อ สลค.ได้ตรวจสอบแล้วเห็นว่าผู้ได้รับการคัดสรรมีคุณสมบัติครบถ้วนไม่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีจะนำความกราบเรียนนายกรัฐมนตรี เพื่อให้นายกรัฐมนตรีนำรายชื่อผู้ได้รับการคัดสรรขึ้นทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายต่อไป…”
“…ศาลรัฐธรรมนูญไม่มีอำนาจวินิจฉัยในประเด็นนี้ ความเป็นรัฐมนตรีของนายกรัฐมนตรี จึงไม่สิ้นสุดลงจากข้อกล่าวหาของ ๔๐ สว. …”
แบ่งแยกอำนาจ แบ่งหน้าที่กันทำ?
ลูกน้องผิดนายไม่ต้องรับผิดชอบ?
อย่าลืมว่าก่อนตั้ง “พิชิต” เป็นรัฐมนตรี มีเสียงเตือนหนาหูให้ระวังจะเป็นการตั้งบุคคลที่คุณสมบัติไม่เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ นายกรัฐมนตรีจะต้องรับผิดชอบ
สื่อประโคมข่าวอยู่เป็นเดือนๆ
กรณีถุงขนมปรากฏเป็นคำสั่งศาลชัดเจน ได้อ่านกันบ้างหรือเปล่า
จะบอกว่าส่งชื่อมาอย่างไร นายกฯ เป็นแค่ตรายางนำชื่อขึ้นทูลเกล้าฯ ถวายอย่างไม่มีทางหลีกเลี่ยงได้อย่างนั้นหรือ
มาวันนี้เอาอีก บอกว่าศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ไม่มีอำนาจไต่สวนกรณีนักโทษเทวดาชั้น ๑๔
“ทักษิณ” ไม่มีทางติดคุก เพราะถ้าการส่งตัวจากเรือนจำไปโรงพยาบาลตำรวจทำโดยมิชอบก็ต้องไปดำเนินคดีกับผู้บัญชาการเรือนจำ
ศาลไม่มีอำนาจออกหมายจำคุกซ้ำ หรือมีคำสั่งให้นำ “ทักษิณ” ไปจำคุกใหม่
“…หากการไปรักษาตัวนอกเรือนจำจะเป็นความผิด ก็เป็นความผิดเฉพาะของผู้ส่งและผู้ที่ให้ความเห็นเท่านั้น ฉะนั้น จึงไม่อาจเอาผิดกับอดีตนายกฯ ซึ่งเป็นผู้ป่วยที่ถูกส่งไปรักษาตัวได้ เพราะไม่ได้เป็นผู้กระทำความผิดตามกฎหมาย…”
นี่ใช่ความเห็นทางกฎหมายจริงหรือ?
กำปั้นทุบดินแท้ๆ!
ทำราวกับ “ทักษิณ” ไม่รู้ว่าตัวเองป่วยวิกฤตหรือไม่
แบบนี้ภาษาชาวบ้านเรียกว่า โยนขี้ให้หมอ ให้กรมราชทัณฑ์
“ทักษิณ” จะไม่มีความผิดใดๆ เลยกรณีเดียวครับ
คือ…วันนี้ยังนอนเป็นผักอยู่ ไม่รับรู้อะไรทั้งสิ้น
ไปดูความเห็นทางกฎหมายของ “ศาสตราจารย์พิเศษ วิชา มหาคุณ” พูดถึงคดีชั้น ๑๔
“…การที่ศาลฎีกาฯ สั่งให้ไต่สวนคดีนี้ แสดงให้เห็นว่า The Rule of Law เริ่มสำแดงความศักดิ์สิทธิ์ขึ้นมาในบ้านเมืองนี้…”
นี่คือความคาดหวังของคนไทย เพราะการจับนักการเมืองเข้าคุกนั้นไม่ง่าย ขณะที่นักกฎหมาย ทนายความบางส่วนยังยึดติดระบบศาลเดิมอยู่ จนมองไม่ออกว่า ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองนั้นทำอะไรได้บ้าง
“…การวิพากษ์วิจารณ์เรื่องนี้ อย่าได้หลงทาง ไปหลงทางกันว่าทำไมไม่เอากฎหมายราชทัณฑ์อะไรต่างๆ อะไรก็ตามที่ขัดแย้งกับรัฐธรรมนูญ ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาฯ มันใช้ไม่ได้
เพราะในข้อกำหนดเกี่ยวกับการดำเนินคดีของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พ.ศ. ๒๕๖๒ ในข้อ ๖๑ การบังคับคดีอาญาให้เป็นไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา
ไม่มีการพูดถึงกฎหมายอื่น
รวมถึงคดีแพ่งก็ให้เป็นไปตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง เพราะฉะนั้น อย่าหลงทาง อย่าหลงผิด อย่าได้ประเมินศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองว่าเหมือนกับศาลที่บังคับคดีทั่วๆ ไป
หากเข้าใจตรงนี้ ทุกอย่างจะกระจ่างชัดหมด…”
“…ข้อกำหนดเกี่ยวกับการดำเนินคดีของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พ.ศ. ๒๕๖๒ ที่เขียนว่าให้ศาลฎีกาฯ ดำเนินการตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา อะไรที่ขัดหรือแย้งจะทำไม่ได้ ต้องเป็นไปตามนี้เลย
ที่หมายความว่า ต้องมีการทุเลาโดยผู้พิพากษาก่อน หากจะนำตัวออกมา ก็ต้องดำเนินการตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๒๔๖ อยู่ดีๆ จะไปเอาตัวออกมาไม่ได้ ต้องให้ศาลท่านทุเลาการบังคับฯ หากมีเหตุเช่น จำเลยวิกลจริตหรือมีเรื่องการตกบกพร่องอะไรก็ตามในการดำเนินการ…”
“…เพราะฉะนั้น การถูกจับคุก ไม่ใช่จำคุกธรรมดาปกติเหมือนกับคดีทั่วไป เป็นศาลพิเศษ มีกฎหมายพิเศษ แล้วก็เขียนรองรับเอาไว้ ว่าผู้พิพากษาต้องจัดการให้เป็นไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา แล้วจะต้องไปถกเถียงอะไรกับใครอีก
ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ไม่ใช่ศาลกิ๊กก๊อก ไม่ใช่ศาลข้างถนนจะทำยังไงก็ได้…”
ครับ…การเอาตัว “ทักษิณ” ออกจากเรือนจำไปยังห้องวีไอพีโรงพยาบาลตำรวจ โดยที่ไม่ได้ป่วยวิกฤต ไม่ใช่เรื่องที่เกิดโดยฉับพลันทันด่วนเพราะเสี่ยงที่ “ทักษิณ” จะเสียชีวิต
แต่มีการวางแผนมาล่วงหน้าว่า ทำอย่างไร จะไม่ให้ “ทักษิณ” นอนคุก
เรื่องมันมีอยู่แค่นี้
เมื่อกรมราชทัณฑ์ แพทย์โรงพยาบาลราชทัณฑ์ แพทย์โรงพยาบาลตำรวจ จงใจทำผิดเงื่อนไขในกฎหมาย เพราะคิดว่า “ทักษิณ” พ้นมือศาลมาแล้ว เชื่อว่าไม่มีทางที่ศาลจะออกคำสั่งอะไรได้อีก
การจะเอาตัว “ทักษิณ” กลับเข้าคุกเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้
คิดน้อยเกินไปครับ
หรือไม่ก็คนสั่งการเหิมเกริมมากไป ไม่เห็นศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองอยู่ในสายตา
๑๓ มิถุนายน ไม่แน่ครับ คำสั่งศาลอาจมากกว่าเอา “ทักษิณ” กลับไปติดคุกตามคำพิพากษาของศาล
อาจมีคำสั่งอื่นๆ พ่วงมาด้วย โดยเฉพาะกับกรมราชทัณฑ์ที่ออกระเบียบขัดกับรัฐธรรมนูญ และประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา
รอฟังครับ.
