หยุด ‘ทวี’ หยุดคลั่งอำนาจ #ผักกาดหอม

ผักกาดหอม

เป็นไปตามครรลอง…

การฮั้วเลือก สว. มีแน่ แต่ประเด็นคือ หน่วยงานไหนต้องรับผิดชอบ

ใครต้องทำให้ความจริงปรากฏ

เมื่อมีความพยายามบนความมีพิรุธ เลือกใช้กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) สอบสวนเพื่อเอาผิดการฮั้วเลือกสว. ท่ามกลางเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่า ดีเอสไอ มีอำนาจที่จะทำเช่นนั้นหรือไม่

ข้อสงสัยนี้จึงต้องทำให้กระจ่าง ก่อนที่สังคมไทยจะจดจำว่า การที่รัฐบาลสั่งให้ดีเอสไอทำคดีฮั้วเลือก สว.คือการล้างแค้นทางการเมือง ระหว่างพรรคเพื่อไทย กับพรรคภูมิใจไทย

วานนี้ (๑๔ พฤษภาคม) ศาลรัฐธรรมนูญมีมติเอกฉันท์ให้ “ทวี สอดส่อง” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ซึ่งควบคุมดูแลงานของดีเอสไอ หยุดปฏิบัติหน้าที่

เป็นการหยุดปฏิบัติหน้าที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เฉพาะในฐานะผู้กำกับดูแลดีเอสไอ และรองประธานกรรมการคดีพิเศษตามพระราชบัญญัติการสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ. ๒๕๔๗ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา ๘๒ วรรคสอง

ตั้งแต่วันที่ ๑๔ พฤษภาคม ๒๕๖๘ จนกว่าศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัย

ครับ…ตั้งแต่วันนี้ “ทวี สอดส่อง” จะยุ่มย่ามกับดีเอสไอไม่ได้อีก จนกว่าศาลจะมีคำวินิจฉัย

คดีนี้มาจากคำร้องของสมาชิกวุฒิสภาเข้าชื่อเสนอคำร้องต่อประธานวุฒิสภา ขอให้วินิจฉัยว่า ความเป็นรัฐมนตรีของนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ผู้ถูกร้องที่ ๑ และพันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ผู้ถูกร้องที่ ๒ สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา ๑๗๐ วรรคหนึ่ง (๔) ประกอบมาตรา ๑๖๐ (๔) และ (๕) หรือไม่

ใจความในคำร้องมีดังนี้…

“การที่ผู้ถูกร้องทั้งสองมีมติให้การกระทำความผิดทางอาญาอื่นเป็นคดีพิเศษ ตามพระราชบัญญัติการสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ. ๒๕๔๗ และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา ๒๑ วรรคหนึ่ง (๒) เป็นการแทรกแซงหรือครอบงำหน้าที่และอำนาจของคณะกรรมการการเลือกตั้ง โดยใช้กรมสอบสวนคดีพิเศษเป็นเครื่องมือแทรกแซงกระบวนการตรวจสอบการเลือกสมาชิกวุฒิสภา อันเป็นการกลั่นแกล้ง กดดัน ข่มขู่ และครอบงำสมาชิกวุฒิสภาซึ่งเป็นฝ่ายนิติบัญญัติ ขัดต่อหลักการแบ่งแยกอำนาจและฝ่าฝืนหลักนิติธรรม

จึงถือได้ว่าผู้ถูกร้องทั้งสองไม่มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์และมีพฤติกรรมเป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา ๑๖๐ (๔) และ (๕) เป็นเหตุให้ความเป็นรัฐมนตรีของผู้ถูกร้องทั้งสองสิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา ๑๗๐ วรรคหนึ่ง (๔) ประกอบมาตรา ๑๖๐ (๔) และ (๕) หรือไม่”

เรื่องราวเพิ่งจะผ่านมาไม่นานนี่เองครับ วิจารณ์กันหึ่ง นายใหญ่ สั่งเตะตัดขาพรรคภูมิใจไทย เพราะนับวันยิ่งเหิมเกริม ซ่องสุมกำลัง ยึดสภาสูง มี สว.สีน้ำเงินในสังกัดกว่าครึ่ง

ปรากฏการณ์ที่เกิดในสภาเป็นที่ประจักษ์ว่า หลายครั้งที่พรรคภูมิใจไทย ขวางทางพรรคเพื่อไทย โดยเฉพาะการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ร่างพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร (กาสิโน) ถูกมองว่าท้าทายอำนาจ

ฉะนั้นวิธีที่จะลดอิทธิพลของพรรคภูมิใจไทย มีทางเดียวคือ กำจัด สว.สีน้ำเงิน

แล้วให้ สว.สำรองขยับขึ้นมาแทน

การเมืองแบบไทยๆ สว.สำรอง ส่วนใหญ่จะกลายเป็นพวกเดียวกับพรรคเพื่อไทยทันที

แต่แผนนี้มีความเสี่ยง เพราะอำนาจหน้าที่ของ ดีเอสไอ สามารถทำคดีเลือก สว.ได้หรือไม่

ขณะที่การเลือก สว.มีกฎหมายเฉพาะดูแลอยู่ นั่นก็คือพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. ๒๕๖๑

มี กกต.เป็นผู้รับผิดชอบกรณีมีการทุจริตการเลือก สว.

ไม่มีมาตราไหนให้อำนาจดีเอสไอ

แต่ในมาตรา ๗๗ ระบุชัด

ผู้ใดกระทําการอย่างหนึ่งอย่างใดดังต่อไปนี้เพื่อจูงใจให้ผู้อื่นสมัครเข้ารับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภา หรือถอนการสมัคร หรือกระทําการใดๆ อันไม่ชอบด้วยกฎหมาย ให้ผู้นั้นหมดสิทธิที่จะเลือกหรือได้รับเลือก หรือเพื่อจูงใจให้ผู้สมัครหรือผู้มีสิทธิเลือกลงคะแนนหรือไม่ลงคะแนนให้แก่ผู้ใดต้องระวางโทษจําคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงสิบปี หรือปรับตั้งแต่สองหมื่นบาทถึงสองแสนบาท หรือทั้งจําทั้งปรับและให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของผู้นั้นมีกําหนดยี่สิบปี

(๑) จัด ทํา ให้ เสนอให้ สัญญาว่าจะให้ หรือจัดเตรียมเพื่อจะให้ ทรัพย์สิน หรือผลประโยชน์อื่นใดอันอาจคํานวณเป็นเงินได้แก่ผู้ใด

ความผิดตาม (๑) ให้ถือเป็นความผิดมูลฐานตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน และให้คณะกรรมการมีอํานาจส่งเรื่องให้สํานักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินดําเนินการตามหน้าที่และอํานาจได้

กกต.ต้องทำหน้าที่ของตนเอง ทำเสร็จแล้วส่งเรื่องให้ปปง.จัดการเรื่องฟอกเงินต่อ

หมวด ๖ บทกําหนดโทษ นี้ ในการสืบสวนหรือไต่สวน กกต.ต้องทำเอง เพราะเป็นหน้าที่

การที่ กกต.อ้างว่า ดีเอสไอ มีข้อมูลมากกว่า สอบสวนเก่งกว่า ข้ออ้างนี้คือหายนะของ กกต.ครับ

มันแสดงถึงความไร้ประสิทธิภาพในการทำงาน จนต้องให้ดีเอสไอรับไปทำแทน แถมยังส่อผิดกฎหมายด้วย เพราะดีเอสไอ ไม่มีหน้าที่ทำคดีเลือก สว.

อนาคตของ “ทวี” จึงอยู่บนปากเหว

หากผิดก็หลุดจากตำแหน่ง

ทีนี้มาดูผลกระทบทางการเมืองซึ่งไม่เกี่ยวกับศาลรัฐธรรมนูญ

เกมของพรรคเพื่อไทยสะดุดอีกครั้ง

การล้าง สว.สีน้ำเงินออกจากวุฒิสภา ไม่ใช่เรื่องง่ายตามใจสั่ง

และไม่ใช่หน้าที่รัฐบาลที่ต้องสั่งให้ดีเอสไอไปทำ

ย้ำนะครับการฮั้วเลือก สว.มีจริง

จับคนโกงได้หรือไม่ อยู่ที่ประสิทธิภาพการทำงานของ กกต.

ในทางการเมือง “ทวี” หลุด ก็ต้องปรับคณะรัฐมนตรี

การปรับ ครม.ในช่วงที่เสถียรภาพรัฐบาลง่อนแง่น อาจไม่ส่งผลดีนัก เพราะกลุ่มการเมืองในพรรคต่างๆ จะพากันรุมทึ้ง

บวกกับสถานการณ์ของ “ทักษิณ” ลูกผีลูกคน ก็ยิ่งทำให้การต่อรองตำแหน่งหนักหน่วง

พรรคกล้าธรรม ปีกกล้าขาแข็งขึ้นทุกวัน อาจขอโควตารัฐมนตรีเพิ่ม

ทั้งหมดนี้ยากที่ “แพทองธาร” จะรับมือได้ หากไม่มีพ่อคอยช่วยเหลือ

เมื่อหลายสถานการณ์ประเดประดังเข้ามาในช่วงเวลาที่ใกล้เคียงกัน ในขณะที่พ่อหลังพิงฝา ก็อยากให้กำลังใจนายกฯ แพทองธารครับ

ลูกขาดพ่อเหมือนถ่อหัก.

Line Open Chat *เพิ่มช่องทางการรับข่าวสาร จากเว็บไซต์ *อ่านคอลัมน์ เปลว สีเงิน ก่อนใคร *ส่งตรงถึงมือทุกคืน *เปิดกว้างเพื่อแฟนคอลัมน์พูดคุยแบบกันเอง ทุกเรื่องราว ข่าวสารบ้านเมือง สังคม ฯลฯ
Written By
More from pp
ครม. ปลดล็อกจัดซื้อชุดตรวจโควิดเองแบบ ‘ATK’ ไม่ต้องผ่านรับรองจาก WHO
24 ส.ค.64 – น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า คณะรัฐมนตรี(ครม.)รับทราบการขอปรับปรุงข้อสั่งการนายกรัฐมนตรีในการประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019(โควิด-19) ครั้งที่ 12/2564 และการประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 17 สิงหาคม 2564
Read More
0 replies on “หยุด ‘ทวี’ หยุดคลั่งอำนาจ #ผักกาดหอม”