ผักกาดหอม
๘ พฤษภาคม วันนี้วันกาชาดครับ…
ระลึกถึงภารกิจของสภากาชาดสากล การช่วยเหลือในทางการแพทย์และความเป็นมนุษย์
เช่น การให้อาหาร น้ำดื่ม การบรรเทาความเจ็บป่วย และการพยาบาล
สำหรับสภากาชาดไทย เป็นองค์กรการกุศลระดับชาติ ดำเนินการเพื่อมนุษยธรรมตามหลักกาชาดสากล เป็นองค์กรที่มีลักษณะเป็นพลวัตและนวัตกรรม มีวิสัยทัศน์ที่จะก้าวไปข้างหน้าสู่ความเป็นเลิศและเป็นไปตามคติทัศน์ของสภากาชาดไทย
คือ การบรรเทาทุกข์ บำรุงสุข บำบัดโรค กำจัดภัย เพื่อประโยชน์สุขและเป็นที่พึ่งของประชาชน
ครับ…บังเอิญว่าวันที่ ๘ พฤษภาคม ยังเป็นวันที่แพทยสภาประชุม ซึ่งประชุมกันเดือนละหนึ่งครั้ง ในทุกวันพฤหัสบดีที่สองของเดือน
ภารกิจของคณะแพทย์ในแพทยสภาในวันนี้ไม่ใช่การช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมใดๆ แต่มีผลต่อคนไทยทั้งชาติ
การประชุมครั้งนี้จึงถูกจับตามองจากประชาชนทั้งประเทศ เพราะเกี่ยวโยงไปถึงบุคคลที่มีอิทธิพลเหนือรัฐบาลโดยตรง
และอาจมีผลไปถึงเสถียรภาพของรัฐบาล
ก็อย่างที่ทราบกันครับ ขบวนการทำให้ “ทักษิณ” เป็นนักโทษเทวดาชั้น ๑๔ นั้น ถูกนำมาหารือกันในที่ประชุมแพทยสภา
จะมีการลงโทษแพทย์ที่เข้าไปเกี่ยวข้องกับ ชั้น ๑๔ หรือไม่
หรือความจริงแล้ว “ทักษิณ” ป่วยวิกฤตจริง แพทย์ที่ให้การรักษาทำถูกต้องตามตำราแพทย์แล้ว
ก็ว่ากันไป
แต่ทุกอย่างต้องว่าไปตามหลักทางการแพทย์ เป็นวิทยาศาสตร์ สามารถอธิบายอย่างเป็นเหตุเป็นผล มีหลักฐาน เอกสาร รองรับ
จะต้องไม่มีคำว่า “คาดว่า” “คิดว่า” เด็ดขาด
นี่ไม่ใช่การกดดันแพทยสภานะครับ และไม่ควรไปกดดันคณะแพทย์ แค่อยากให้ทุกอย่างมีข้อสรุปออกมาตามข้อเท็จจริง
ถ้าลงมติไม่ทันในวันเดียวไม่เป็นไร เพื่อความถูกต้องและรอบคอบ เลื่อนไปลงมติในการประชุมครั้งถัดไป คือวันที่ ๑๒ มิถุนายน ก็พอรับได้
แต่ไม่ควรลากยาวไปกว่านั้น
หรือจะประชุมนัดพิเศษ สัปดาห์หน้า สัปดาห์โน้น เพื่อลงมติเรื่องนี้โดยเฉพาะ ก็เห็นดีเห็นงามด้วย
ไทม์ไลน์มันบีบหัวใจครับ!
หากแพทยสภาลงมติวันที่ ๑๒ มิถุนายน
รุ่งขึ้นวันที่ ๑๓ มิถุนายน ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองนัดไต่สวน คดีชั้น ๑๔ นี้เหมือนกัน
ระทึก! จริงๆ
เป็นสถานการณ์ที่มีสิ่งหนึ่งเป็นเหตุให้อีกสิ่งหนึ่งเกิดขึ้นไปในทิศทางเดียวกัน
อ่านคำให้สัมภาษณ์ของ “ทวี สอดส่อง” รัฐมนตรียุติธรรมหนังหน้าไฟแล้ว เห็นใจจริงๆ
“…ผมเคารพการตรวจสอบ ตอนที่ผมเข้ามารับตำแหน่งรัฐมนตรี ท่านทักษิณไปอยู่ที่โรงพยาบาล ๑ เดือนแล้ว และเมื่อไปดูเนื้อหาข้างในทุกอย่างก็เป็นไปตามขั้นตอนหมดไม่มีอะไรผิดปกติ…”
นี่เป็นการการันตีว่า “ทักษิณ” ป่วยจริง
แต่เมื่อนักข่าวถามว่าหากศาลเรียกพร้อมที่จะชี้แจงใช่หรือไม่
คำตอบคือ…
“…น่าจะถามรัฐมนตรีคนก่อน เนื่องจากผมไม่ได้อยู่ในช่วงเหตุการณ์นั้น…”
ดูเหมือน “ทวี สอดส่อง” ไม่อยากไปศาล
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมคนก่อนไม่ใช่ใครที่ไหน
“สมศักดิ์ เทพสุทิน”
ดำรงตำแหน่งยาวนาน ๔ ปี
อยู่ในช่วงของการแก้ไขระเบียบกรมราชทัณฑ์หลายฉบับ และล้วนเป็นประโยชน์ต่อ “ทักษิณ” ทั้งสิ้น
อย่าลืมนะครับ ประกาศ และระเบียบ ที่ขึ้นอยู่กับหน่วยงานระดับกรม จึงไม่จำเป็นต้องผ่านคณะรัฐมนตรีแต่อย่างใด
ผู้ลงนามคืออธิบดีกรมราชทัณฑ์
เจ้ากระทรวง ต้องรับรู้
ฉะนั้นสิ่งที่ “สมศักดิ์ เทพสุทิน” รู้ รัฐมนตรีคนอื่นๆ รวมทั้งนายกรัฐมนตรีในรัฐบาลประยุทธ์อาจไม่รู้
หรืออาจจะแอบรวมหัวกันก็เป็นได้
แต่ที่แน่ๆ คือเป็นไปอย่างเงียบๆ ไม่มีใครคิดว่า “ทักษิณ” จะได้ประโยชน์จากระเบียบที่แก้ไขมากกว่านักโทษคนอื่นๆ ทั้งหมด
หากจะลำดับความตั้งแต่การแก้ไขระเบียบกรมราชทัณฑ์ ไปจนถึงวันที่ “ทักษิณ” ออกจากโรงพยาบาลตำรวจ แล้วเดินตัวปลิวในบ้านจันทร์ส่องหล้า มันเต็มไปด้วยข้อสงสัยแทบจะทุกขั้นตอน
แม้จะมีการแถลงข่าวชี้แจงจากกรมราชทัณฑ์ และโรงพยาบาลตำรวจเป็นระยะๆ แต่มิได้ทำให้ความสงสัยนั้นคลายลง
กลับกัน ยิ่งพบพิรุธมากขึ้น!
ในการไต่สวนของศาลฎีกาฯ ข้อมูลบางชุดอาจทำให้ความจริงกระจ่างชัดว่า กรมราชทัณฑ์บังคับโทษ “ทักษิณ” ถูกต้องหรือไม่
นั่นคือแนวทางป้องกันการหลบหนีของผู้ต้องขังออกไปรักษาตัวนอกเรือนจำ ประกาศเมื่อเดือนสิงหาคม ๒๕๖๔ ลงนามโดย นายวีระกิตติ์ หาญปริพรรณ์ รองอธิบดี ปฏิบัติราชการแทน อธิบดีกรมราชทัณฑ์
มีทั้งหมด ๑๐ ข้อ
หากมีการแสวงหาข้อเท็จจริงบางข้อเช่น ข้อ ๔ กรณีเรือนจำที่มีความพร้อมในการติดตั้งกล้องโทรทัศน์วงจรปิดให้ประสานกับทางโรงพยาบาลแห่งนั้น เพื่อทำการติดตั้งกล้องวงจรปิดที่สามารถสังเกตพฤติการณ์และความเคลื่อนไหวของผู้ต้องขังในจุดที่มองเห็นได้อย่างชัดเจน
ข้อ ๕ หากสถานที่ควบคุมผู้ต้องขังไปรักษาตัวนอกเรือนจำมีการติดตั้งกล้องโทรทัศน์วงจรปิดอยู่แล้ว ให้เจ้าหน้าที่ควบคุมผู้ต้องขังประสานกับเจ้าของพื้นที่เพื่อตรวจสอบกล้องโทรทัศน์วงจรปิดและบันทึกการตรวจสอบลงในสมุดตรวจรับส่งเวรรักษาการณ์ทุกครั้ง สำหรับ สมุดรับ-ส่ง การปฏิบัติหน้าที่เวรควบคุมผู้ต้องขังภายนอกเรือนจำ ให้วางในจุดที่สามารถมองเห็นในระยะที่สามารถบันทึกภาพไว้เป็นหลักฐานการปฏิบัติหน้าที่ได้
๒ ข้อนี้รวมกัน จะไม่อาจนำข้ออ้าง กล้องวงจรปิดเสีย มากล่าวในการไต่สวนได้
เปิดคลิปเถอะครับ เพราะ “แพทองโพย” ยืนยันว่าพ่อป่วยจริง รัฐมนตรียุติธรรมก็บอกว่า “ทักษิณ” ป่วยวิกฤต
ใครๆ ในระบอบทักษิณ ล้วนการันตีว่า ไม่ได้ป่วยทิพย์
ไม่ว่า ๘ พฤษภาคม หรือ ๑๓ มิถุนายน หากแพทยสภาชี้ว่า คณะแพทย์ที่รักษาตัว “ทักษิณ” มีความผิด ที่ทำเนียบรัฐบาลจะเกิดแผ่นดินไหวอย่างรุนแรง
มันจบแล้ว สทร.
