จาก “น่านถึงเจ้าพระยา” #เปลวสีเงิน

เปลว สีเงิน

คุยเรื่อง “มูลนิธิรักษ์ป่าน่าน”…..

สนับสนุนเงินกว่า ๑,๓๐๐ ล้านบาท สร้าง “โรงพยาบาลน่าน” พร้อมจัดหาเครื่องมือแพทย์ทันสมัยครบครัน ไปวันก่อน

มีคนร้อง โห…

น่าน…ไปทางไหน มีแต่ภูเขาสลับซับซ้อน

ทางเป็นลูกคลื่นบ้าง ทางชันบ้าง คดเคี้ยวเป็นงูเลื้อย ข้างหน้าเห็นอยู่แค่คืบ ถ้าเดิน กว่าจะไปถึง ต้องเป็นวัน!

เรียกน่านว่า “เมืองคนภูเขา” ก็ไม่ผิด เพราะไม่มีพื้นที่ราบซักเท่าไหร่

แล้วแบบนี้ เจ็บป่วยที คนรอบนอกๆ ยิ่งคนต่างอำเภอด้วยแล้ว ไปโรงพยาบาลน่านในตัวเมือง พูดตามภาษาชาวบ้านก็ว่า

“ตายก่อน” ที่จะถึงหมอ!

น่าจะสร้างโรงพยาบาลตามอำเภอ ตามตำบลบ้าง สุขศาลา-สถานีอนามัย ตามหมู่บ้านบ้าง ก็จะดี

เพราะปุบปับยังพอทันหาบหามคนไข้ไปถึงมือหมอ

ก็จริงของเขา

อย่างหลายปีก่อน ผมไปดูการแนะแนวชุมชนให้ทำเกษตรใน “โครงการพระราชดำริ” ตามอำเภอต่างๆ ร่วม ๑๐ แห่ง กับ “มูลนิธิปิดทองหลังพระ”

ไปพักที่อำเภอบ่อเกลือ แหล่ง “ต้นน้ำน่าน” ระยะทางแค่ ๘๗ กิโลเมตร จากตัวเมืองน่าน

แต่เจ้าประคุณ กระดืบไปตามรอยพับทบไป-ทบมา ที่เรียกถนน กว่าจะถึงแต่ละที่ เหน็บกินก้น!

นึกถึงที่ “คุณบัณฑูร ล่ำซำ” ประธานกิตติคุณ ธนาคารกสิกรไทย ในฐานะรองประธาน “มูลนิธิรักษ์ป่าน่าน”

ในพระราชูปถัมภ์ “สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้ากรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯสยามบรมราชกุมารี”

ที่ปาฐกถาเรื่อง “น่านแซนด์บ็อกซ์” ในวันมหิดล เมื่อปี ๕๖ ซึ่งได้กล่าวไว้ตอนหนึ่งว่า

“ผมผ่าตัดใหญ่ต่อมลูกหมาก แล้วรีบกลับไปทำงานต่อ ขึ้นเขานั่งรถจนต่อมลูกหมากอักเสบ”!

หลับตาเห็นภาพเลย

ไม่เฉพาะผมหรอก เชื่อว่าคนที่เคยไปเที่ยวเมืองน่านก็เข้าใจกับการนั่งรถไปตามภูเขาที่น่านในแต่ละที่-แต่ละแห่ง

ที่คุณบัณฑูรบอก “รีบไปทำงานต่อ” นั่งรถจนต่อมลูกหมากอับเสบนั้น

“งานอะไรที่คุณบัณฑูรไปทำต่างอำเภอ-ต่างตำบลที่น่าน?”

ที่รู้กันทั่วและพูดถึงในกว้าง คุณบัณฑูรไปหาทางฟื้นป่าตามภูเขาโล้น เพื่อให้ป่าได้รักษา “ต้นน้ำน่าน”

ใครไปน่าน นั่งรถออกต่างอำเภอ จะเห็นป่าแหว่งเป็นหย่อมๆ ในสภาพ “โล้น-แห้ง-แล้งร้อน” ตำตา สะท้อนใจ

ถ้ารักษา “ต้นน้ำน่าน” จากตาซับน้ำในป่าบนเทือกเขา “หลวงพระบาง” เขตบ่อเกลือ ที่ไหลรินลงมาไม่ได้

“เจ้าพระยา” ก็เหือด!

เพราะน้ำที่ไหลรวมเป็น “เจ้าพระยา” อันเป็นเส้นเลือดใหญ่ของคนภาคกลาง กว่า ๔๐% มาจาก “แม่น้ำน่าน”

“แม่น้ำน่าน” ที่กระซิกเซาะซอนไหลลงมาจากตาซับน้ำเล็กๆ ในป่าเทือกเขาที่น่านนี่แหละ

คือแม่ของ “แม่น้ำเจ้าพระยา”!

เทือกเขาน่านที่สลับซับซ้อนทั้งเมือง “ถูกโค่น-ถูกถาง” ไปทำไร่ข้าวโพด-ไร่มันสำปะหลังปีแล้ว-ปีเล่า

จนน่านกลายเป็นตำนานเมือง “เขาหัวโล้น” เป็นที่โจษขาน

การแก้ปัญหา คิดกันแบบ ๑+๑ เป็น ๒ เมื่อมันโล้น  ก็จ้างคนเอาต้นไม้ไปปลูกซี เดี๋ยวมันก็หายโล้น

คิดง่ายๆ มันก็สบายใจดี

แต่คุณบัณฑูรเป็นคนคิดยาก เรื่องของคนคิดยาก คือต้องคิดเป็นระบบ มันจึงยาก และเมื่อทำ ผลสัมฤทธิ์ต้องเกิดเป็นรูปธรรม

โจทย์ “ภูเขาโล้น” ไม่ได้อยู่ที่ “ต้นไม้”

แต่มันอยู่ที่ “คน” ที่เป็น “ชาวบ้าน-ชาวเขา” ที่เขาต้องดำรงชีวิตในอาชีพทำไร่

จะให้คนเลิกอาชีพนั้น พูดได้ แต่เป็นไปไม่ได้

ครั้นปล่อยให้เขาทำไป หักร้างถางป่าไปเรื่อยๆ เช่นนี้ มันก็ไม่ได้

แล้วจุด “กึ่งกลาง” ที่เรียกว่าพอดี “คนกับป่า” พึ่งพากันแบบเกื้อกูล มันอยู่ตรงไหน?

น่าน มีพื้นที่ร่วม ๘ ล้านไร่ เป็นป่าสงวนซะ ๖ ล้านกว่าไร่ ที่เหลือ ซึ่งไม่ใช่ป่าสงวนให้คน ๘ แสนกว่าคน ได้อยู่-ได้ทำกิน

มันก็ยากอยู่ที่ “ชาวบ้าน-ชาวเขา” จะไม่บุกรุกป่าทำไร่ ตอนนี้ป่าจึงเหลือซัก ๔ ล้านกว่าไร่

อีกร่วม ๒ ล้านไร่ ก็ไม่ได้หายไปไหน

ยังอยู่…แต่อยู่ในสภาพ “ไร่ข้าวโพด-ไร่มันสำปะหลัง”

สภาพป่าน่าน หน้าแล้ง “หัวโล้น” หน้าฝนเขียว แต่เขียวด้วยพืชล้มลุก ซักเดี๋ยวมันก็โล้น!

จุดกึ่งกลางของ “คนกับป่า” อันเป็นบทสรุป คุณบัณฑูรคิดร่วมชาวบ้าน มีออกมาว่า

การแก้ปัญหา ต้องแก้ที่ต้นเหตุ ปัญหาเขาน่านหัวโล้น ต้นเหตุจากคนถางป่าทำไร่ ซึ่งเป็นวิถีที่ห้ามขาดได้ยาก

เมื่อตกผลึกเช่นนี้ คุณบัณฑูรก็ปฎิบัติการ เมื่อ “ต้นเหตุ-ต้นราก” ปัญหา มาจาก “คน”

การแก้ที่ได้ผล ก็ต้องแก้ที่ “คน”

คุณบัณฑูร จึงลงมือแก้ตามแนวทางนั้น

“น่าน” มี ๑๕ อำเภอ ๙๙ ตำบล และ ๘๙๓ หมู่บ้าน คุณบัณฑูรนั่งรถตะลอนซอนซอกไปพบ ไปพูด ไปคุย กับผู้นำแต่ละชุมชน แต่ละกลุ่ม แต่ละหมู่บ้าน

ครบทั้ง ๑๕ อำเภอ และ ๙๙ ตำบล!

บ้าไปแล้ว…แต่ไม่หรอก เพราะเป็นเรื่องจริง เมื่อต้องการผล ก็ต้อง “ฝนทั่งให้เป็นเข็ม”

การ “ฝนทั่งให้เป็นเข็ม” ต้องมุ่งมั่น อดทน เพียรพยายาม ศรัทธาในสิ่งคิด-สิ่งทำ กับเวลา ผลที่ออกมาก็จะคุ้ม

ผมจึงไม่แปลกใจ กับที่คุณบัณฑูรบอก “ขึ้นเขานั่งรถจนต่อมลูกหมากอักเสบ”!

เรื่องคืนผืนป่าให้น่าน ให้ป่ารักษาต้นแม่น้ำน่านสู่เจ้าพระยา

“สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี”

ทรงมีพระราชปณิธานมุ่งมั่น จึงพระราชทานนาม “ป่ารักษ์น้ำ” เป็นชื่อมูลนิธิของโครงการ

และทรงรับไว้ในพระราชูปถัมภ์ ทั้งทรงเป็นองค์ประธานมูลนิธิ โดย “นายบัณฑูร ล่ำซำ” เป็นรองประธาน ผู้สนองงาน

จะว่าไป เรื่องแก้ปัญหา “ภูโกร๋น” คืนป่าให้น่าน

เป็นเป้าหมายหลัก ที่คุณบัณฑูรมาปักหลักเป็น “คนเมืองน่าน” เต็มตัว ตั้งแต่ปี ๒๕๕๒

ก็อย่างที่บอก คุณบัณฑููรใช้เวลานั้น “ฝนทั่งให้เป็นเข็ม” ด้วยการตระเวณไปพบปะแต่ละชุมชน

พุดคุย แลกเปลี่ยนความคิดเห็น ทำความเข้าใจกับชาวบ้าน ทั้ง ๑๕ อำเภอ ๙๙ ตำบล

ทั้งให้ชาวบ้านร่วม “ออกแบบ” ว่าจะใช้วิธีไหน….

ให้ “คนอยู่กับป่า” แบบ “ป่าเลี้ยงคน-คนเลี้ยงป่า”?

เค้นสมอง-คั้นความคิดร่วมกันแล้ว ก็ได้กรอบหลักมา ๒ กรอบ สู่การปฎิบัติ ชนิดเรียกได้ว่า

เป็นการ “ปฎิวัติวิถีคน-วิถีป่า” ของคนน่านเพื่ออนาคตกันเลยทีเดียว!

กรอบแรก ก่อน “ปลูกป่า

ต้อง “ปลูกไมตรี” ให้งอกในใจคนก่อน

กรอบที่สอง นำร่อง “ป่าเลี้ยงคน-คนเลี้ยงป่า” ตามสูตร “๗๒-๑๘-๑๐” ผ่าน “แซนด์บ็อกซ์”!

ที่ผมพูดนี้สั้น แต่แซนด์บ็อกซ์สูตร “๗๒-๑๘-๑๐” ของคุณบัณฑูรนั้นยาวในขั้นตอนที่ต้องลงลึก งั้นเอาไว้คุยกันวันหลัง

วันนี้ เจตนาเพียงจะบอก การออกพบปะทำความเข้าใจกับชาวบ้านจนครบทั้ง ๑๕ อำเภอ ๙๙ ตำบล นั้น

ผลพลอยได้ของชาวบ้าน จากที่คุณบัณฑูรตะลอนไป ก็ตอบโจทย์ตามที่มีคนปรารภกับผมว่า

“คุณบัณฑูรน่าจะสร้างโรงพยาบาลตามอำเภอ-ตามตำบลบ้าง จะได้เป็นที่พึ่งทันการณ์ของชาวบ้าน

เจ็บป่วยปุบปับ จะไปรพ.น่านที่ตัวเมือง ก็จะไม่ทันการณ์ เพราะทางบนภูเขา มันยากลำบากนัก” นั้นแหละ

ปรากฏว่า”มูลนิธิรักษ์ป่าน่าน” และ “ธนาคารกสิกรไทย” คุณบัณฑูรไปเห็นสภาพด้วยตาและด้วยตัว แล้ว

เข้าไปสนับสนุนเรื่องสาธารณสุขของ “โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตําบล” รวม ๑๗๐ แห่ง

“โรงพยาบาลอำเภอ” ที่งบประมาณหลวงไม่พอ คุณบัณฑูรจัดให้ครบ อีก ๑๕ แห่ง

กระทั่งบ้านพักเจ้าหน้าที่และแพทย์พร้อมสรรพ!

เรียกว่า ชาวบ้าน ทั้ง ๑๕ อำเภอ ๙๙ ตำบล อีกหลายหมู่บ้าน มีโรงพยาบาลในอำเภอ-ในตำบลรักษาได้ทันการณ์ตั้งแต่ปี ๒๕๖๔ มาแล้ว

ยามเจ็บป่วยฉุกเฉิน ก็ไม่ต้องถ่อสังขารไปถึงตัวจังหวัดเหมือนก่อน

“น่าน” ติดกับ “แพร่” มีซัก ๗-๘ อำเภอเท่านั้นมั้ง สมัยก่อน ผมไปน่าน ต้องนั่งรถไฟไปลง “สถานีเด่นชัย” แล้วค่อยไปต่อ

ที่แพร่ “ชาวบ้าน-ชาวเขา” ต่างอำเภอยังลำบาก โรงพยาบาลน่ะ..มี  แต่สิ่งอำนวยความสะดวกทางสาธารณสุข อีกมากที่ยังต้องจัดหา

มีคนไปขอให้ “มูลินิรักษ์ป่าน่าน” สนับสนุนด้านสาธารณสุขตามต่างอำเภอ-ตำบลที่แพร่บ้าง

คุณบัณฑูรนำเรื่องกราบบังคมทูล “กรมสมเด็จพระเทพฯ” องค์ประธานมูลนิธิรักษ์ป่าน่าน

“กรมสมเด็จพระเทพฯ” มีพระราชดำรัสกับคุณบัณฑูรว่า

“ฉันรู้สึกดีมากกับจังหวัดแพร่ ทำไมจะไม่ได้”

“มูลนิธิรักษ์ป่าน่าน” จึงเข้าไปสนับสนุนด้านการสาธารณสุขตามอำเภอ-ตำบล “จังหวัดแพร่” อีก รวม ๑๓๐ แห่ง!

เรียกว่าโรงพยาบาลไหน อำเภอ-ตำบลไหน ขาดแคลนอะไร ต้องการอะไร

“มูลนิธิรักษ์ป่าน่าน” สนับสนุน จัดหา-จัดซื้อ-จัดสร้างให้ตามประสงค์

ครับ…คุยเรื่องโรงพยาบาลไปวันก่อน “ไม่จบความ”

วันนี้ก็เลยขอต่อให้จบในส่วน “การสาธารณสุข” ที่มูลนิธิ “รักษ์ป่าน่าน” ในพระราชูปถัมภ์ “สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้ากรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี” เข้าไปสนับสนุน

พระมหากรุณาธิคุณ “กรมสมเด็จพระเทพฯ” ต่อพสกนิกรทุกหมู่เหล่า สุดบรรยาย

ขอพระองค์ “ทรงพระเจริญ”

เปลว สีเงิน

       ๒๑ มีนาคม ๒๕๖๘

Line Open Chat *เพิ่มช่องทางการรับข่าวสาร จากเว็บไซต์ *อ่านคอลัมน์ เปลว สีเงิน ก่อนใคร *ส่งตรงถึงมือทุกคืน *เปิดกว้างเพื่อแฟนคอลัมน์พูดคุยแบบกันเอง ทุกเรื่องราว ข่าวสารบ้านเมือง สังคม ฯลฯ

      

 

 

 

Written By
More from plew
ชาวบ้าน “ตบหน้า” สื่อ – เปลว สีเงิน
เปลว สีเงิน ท่านว่า…. คนอ่านข่าวหน้าจอกับคนดูที่เป็นชาวบ้านทั่วไป ใครตกผลึกเรื่องวัคซีนมากกว่ากัน? ระหว่างวัคซีนเชื้อตาย อย่าง “ซิโนแวค” กับวัคซีน mRNA อย่าง “ไฟเซอร์”?...
Read More
0 replies on “จาก “น่านถึงเจ้าพระยา” #เปลวสีเงิน”