เปลว สีเงิน
ก็ลงตัวกันซะที
“ฝ่ายค้าน-รัฐบาล” จะอภิปรายไม่ไว้วางใจกัน ด้วยเวลา ๒ วันครึ่ง
โปรแกรมปะทะฝีปาก เป็นดังนี้….
“ฝ่ายค้าน” ได้เวลาประกอบพิธี “มาติกา-บังสุกุล” รัฐบาลแพทองธาร ๒๘ ชั่วโมง
วันแรก เริ่มแต่ ๘ โมงเช้า ของวันที่ ๒๔ มีนา.ใช้เวลาอภิปรายรวม ๑๗ ชั่วโมง แล้วกลับไปนอน
วันที่สอง ๒๕ มีนา. ๘ โมงเช้า อภิปรายกันต่อ ในเวลายังที่เหลือ ๑๑ ชั่วโมง ไปจนถึง ๒๓.๓๐ น.แล้วกลับไปนอน
รุ่งขึ้น ๑๐ โมงเช้า วันที่ ๒๖ มีนา.ลงมติกันว่าจะ “ไว้วางใจหรือไม่ไว้วางใจ” นายกฯแพทองธาร?
ส่วนรัฐบาล มีเวลารวมกัน ๗ ชั่วโมง ทั้งของนายกฯ ของพรรคร่วม ที่จะชี้แจง-ตอบโต้ ตามประเด็น ที่ฝ่ายค้านกล่าวหา
ต้องบอกว่า มหกรรม “สวดก่อนฆ่า” ของพรรคประชาชน-ฝ่ายค้าน เปิดมิติใหม่ ด้วยการโหมโรงเรียกขาประจำ-ขาจร มีสีสันชนิดที่ไม่เคยมีมาก่อน
ทั้งวาทกรรม “ดีลแลกประเทศ” ทั้งหนังตัวอย่าง ระทึก-เร้าใจ ทั้งโปสเตอร์ออนไลน์ เรียกเสียงซี๊ดซ๊าด กระตู้วู้
ทำเอา “เพื่อไทย” นั่งไม่ติด ต้องเกณฑ์ลูกหาบ “ตะกายโลง” มาตอบโต้พรรคที่เคยร่วมถนน-ร่วมวี้ดบึ๊ม ตอนเป็นฝ่ายแค้นร่วมกัน
สรุปว่า “มวยถูกคู่-คนดูถูกใจ”
๒๔-๒๖ มีนา.อย่าไปไหน จับตาดูกันไว้ ว่าลงท้าย จะเป็น “มวยล้ม-ต้มคนดู” หรือไม่?
เพราะนายใหญ่ทั้ง ๒ ฝ่าย ใช่อื่นไกล….
“แดงส้มทั้งแผ่นดิน ได้-เสียกินด้วยกัน” นั่นแหละ!
แต่ที่เปรี้ยงปร้างเป็น “ดาราดัง” เรียกแขกให้กระหายว่าเมื่อไหร่จะถึงวันอภิปรายซะที ก็คือ “ลุงป้อม” ของผม
“พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ” ท่านจะออกศึก นำทัพพลังประชารัฐกระซวกรัฐบาล ตัวท่านจะขึ้นอภิปรายนำเอง
นักข่าวไปถาม “เอาจริงนะลุง”
นักเลงจริงไม่พูดมาก แต่ยิงเลย ลุงป้อมเหมือนกัน ตอบสั้นๆ
“คอยฟังสิ คอยฟัง” แล้วควงปืน ๓ รอบ ยัดใส่ซอง หันหลังขึ้นรถกลับ!
ลุงป้อมจะอภิปรายเรื่อง MOU 44 ด้วยใช่มั้ย?
ฉะนั้น วันนี้ ผมมีข้อมูลเป็นแหนบเสริม แต่อาจเป็นการ “เอามะพร้าวห้าวมาขายสวน” ก็ได้ะ
เพราะเรื่องนี้ ระดับลุง “ข้อมูล” น่าจะเพียบอยู่แล้ว
ก็เรื่องมีขบวนการ ซื้อหุ้นบางจาก (BCP) ในตลาดหลักทรัพย์ หวังฮุบ “บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)” นั่นแหละครับ
ฮุบไปทำไม ในเมื่อธุรกิจน้ำมันกำลังเป็น “ขาลง”?
มีหลายเหตุผลในการเข้าไปฮุบอยู่นะ
ที่น่าเซอร์ไพรส์ “สำนักงานประกันสังคม” (สปส.) ที่กำลังดัง ถือหุ้นบางจากอยู่ ๒๑๐ ล้านหุ้น คิดเป็นเปอร์เซนต์เท่ากับ ๑๕.๐๔%
เป็น ๑ ใน ๓ “ผู้ถือหุ้นใหญ่” ของบางจาก เลยทีเดียว!
สปส.กำลังเป็นตัวแปรสำคัญในการ “ฮุบบางจาก” มีกองทุนสิงคโปร์ “Capital Asia Investments Pte Ltd=CAI” ร่วมสมการ
เขาเมาธ์กันในท้องตลาดว่า CAI นี้ มี “ชายคนนั้น” และ “พ่อค้าแป้ง” รวมทั้งมิตรรักแดนเขมร ร่วมเป็น “ทุนใหญ่” อยู่เบื้องหลัง!?
เหตุผลที่ต้องการเข้าไปฮุบ เอาเท่าที่เก็บตกจากวงสนทนาคนในวงการหุ้น-วงการพลังงาน เขาพูดกันว่า
-ฮุบเอาไปเป็นฐานสัมปทานแหล่งน้ำมันในอ่าวไทย ที่มีแผนจะขุดแบ่งเขมรแถวๆ เกาะกูด ก็เกี่ยวกับ MOU 44 ที่ลุงจะอภิปรายนี่แหละ
-ฮุบเพื่อผลทางโควตาจัดหาน้ำมันดิบ โควตาส่งออกเบนซิน, ดีเซล รวมทั้งยางมะตอย
-กลุ่มบางจาก มีการลงทุนปีละ ๔๐,๐๐๐-๕๐,๐๐๐ ล้านบาท ก็หวังเข้าไปจัดการในส่วนนี้
ทั้งมีแผนเอาเงินไปลงทุนทำเขื่อนที่ลาว ซึ่งจะมีทั้งเงินทอน ทั้งส่วนแบ่งรายได้สมหฤทัย!
-ระหว่างสะสมหุ้นเพื่อเป็น “รายใหญ่” เข้าไปบริหาร ปรากฎว่า ทั้งผู้ซื้อ-ผู้ขาย ก็ซื้อเข้า-ขายออก, ขายออก-ซื้อเข้า กันสนุกสนาน
จะเรียกว่าปั่น เพื่อ “สะสมกล้วย” ไว้เป็นเสบียงในศึกเลือกตั้งครั้งหน้า หรือเรียกว่าเป็นการบริหารส่วนต่างด้วยการทำกำไรเป็นระยะ หรือจะเรียกว่าอะไรผมก็ไม่ใช่เซียนหุ้น จึงเรียกไม่ถูก
ดูตามสถิติการซื้อขาย พบว่า…
CAI กองทุนสิงคโปร์ กับกองทุนประกันสังคม ต่าง “ซื้อเข้า-ขายออก-ขายออก-ซื้อเข้า” ลักษณะดิงดองกันไปมา
ในขณะที่หุ้นไทยดิ่งนรกแทบทั้งกระดาน แต่หุ้น BCP กลับกระดี๊-กระด๊า จากกลางธันวา.๖๗ ราคา ๒๖.๗๕ บาท
วิ่งพรวดๆ ท่ามกลางหุ้นพลังงานคอห้อย BCP ตัวเดียว ไปอยู่ที่ ๓๗-๓๘ บาท ขณะนี้ เพิ่มขึ้นกว่า ๑๐ เท่า ภายใน ๓-๔ เดือน!?
ปี ๖๗ สปส.ซื้อเข้า-ขายออก หุ้น BCP ๓ ครั้ง
-๑๔ มีค.ซื้อเพิ่ม ๐.๐๓๔๒% สัดส่วนเพิ่มเป็น ๑๕.๐๐๒%
-๑๘ มีค.ขายออก ๐.๑๑๐๖%
กลับมาซื้อเพิ่มอีกครั้ง วันที่ ๒ กค.จำนวน ๐.๑๔๑๘% ทำให้สัดส่วนเพิ่มขึ้นเป็น ๑๕.๐๔๙๔๓%
ขณะเดียวกัน ช่วงปลายปี ๖๗ มีผู้ถือหุ้นรายใหม่เข้ามาถือหุ้นบางจากฯ ในตลาด คือ Capital Asia Investments
เริ่มถือครั้งแรกเมื่อ ๒๐ ธันวา.ในสัดส่วน ๕.๙๓๙๔% และซื้อเพิ่มอีก ๔.๐๖๐๕% ในวันที่ ๓๐ ธันวา.๖๗
ทำให้สัดส่วนการถือครองรวมของ CAI เพิ่มขึ้นเป็น ๑๐% กลายเป็น ๑ ในผู้ถือหุ้นใหญ่ “รายใหม่” ของบางจาก รองจาก สปส.และกองทุนวายุภักษ์!
แต่เมื่อ ๕ มีนา.๖๘ ตลาดหลักทรัพย์ฯ รายงานสรุปซื้อ/ขาย Big Lot ว่า
มีการซื้อขาย BCP จำนวน ๑๒๓ ล้านหุ้น มูลค่ารวม ๔.๕๓ พันล้านบาท ราคาเฉลี่ยหุ้นละ ๓๖.๕๗ บาท
เป็นราคาต่ำกว่าราคาในกระดาน ซึ่งวันนั้น ราคาหุ้น BCP อยู่ที่ ๓๗.๗๕ บาท
ชาวตลาดวิจารณ์ว่า “ผู้ขาย” น่าจะเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ “คนใหม่” ที่เพิ่งเก็บหุ้นไปไม่นาน
ทำไมจึงขาย ทั้งที่เพิ่งซื้อ แถมมีปันผล BCP มีกำไรงามเป็นหุ้นน่าลงทุน?
คำตอบมีว่า……
ขายเพื่อเปิดทางให้ “กลุ่มทุนใหม่” เข้าถือหุ้นใหญ่ในสัดส่วน ๒๕% แทนกลุ่ม “ผู้ถือหุ้นใหญ่เดิม” กลุ่มหนึ่ง ที่จะลดสัดส่วนการถือหุ้น BCP ลงไป!
ใครขายและกลุ่มทุนใหม่ที่รวบรวมหุ้น BCP ให้ได้ ๒๕% คือกลุ่มไหน…. เดี๋ยวรู้
บางจากนี้เป็นตำนานคำว่า “ยึดเอาสมบัติชาติกลับมาเป็นของคนไทย” ในสมัย “ป๋าเปรม” เป็นนายกฯ
ป๋ายึดเอาโรงกลั่นที่เหลือแต่ซากจากต่างชาติมาทำเองเป็น “ปฐมบท” ของธุรกิจพลังงานไทย
โดยป๋ามอบหมายให้ “คุณโสภณ สุภาพงษ์” ระดมสรรพกำลังกู้ซาก พัฒนาจากซากจนฟื้น สามารถทำกำไรได้ภายใน ๓ เดือนแรก
ตอน “ต้มยำกุ้ง” ปี ๔๐ บางจากพบปัญหาเช่นเดียวกับธุรกิจทั้งหลาย ต้องปรับโครงสร้าง และพ้นการเป็นรัฐวิสาหกิจ
ต้องให้ ปตท.เข้าไปถือหุ้นหลัก ๒๗% ร่วมกับกระทรวงคลัง ซึ่งรวมกันแล้ว ร้อยละ ๔๐
จากนั้น บางจากก็โตขึ้นเรื่อยๆ ภายใต้กรอบบริหาร ดูแลสังคมและสิ่งแวดล้อม ตั้งสหกรณ์ขายสินค้าชุมชน ผมยังเป็นสมาชิกด้วยตอนนั้น
จากน้ำมัน ต่อยอดไปพลังงานชีวภาพ โรงไฟฟ้าแสงอาทิตย์ จนขณะนี้ บางจากเป็น “ผู้นำ” ด้านพลังงานทดแทนในประเทศและในภูมิภาค
แผนฮุบบางจาก เท่าที่ตามดูความเคลื่อนไหว น่าจะเริ่มแต่ยุครัฐบาลยิ่งลักษณ์ ตอนปี ๒๕๕๖ มีการอนุมัติโรงไฟฟ้า ๕,๐๐๐ เมกะวัตต์ เป็นเรื่องพูดกันถึงทุกวันนี้
รัฐบาลยิ่งลักษณ์ออกนโยบาย “ลดการผูกขาดของปตท.” ในธุรกิจน้ำมัน พูดตรงๆ คือบีบให้ปตท.ขายหุ้นบางจาก ๒๗% ที่ถืออยู่ออกไป
เรื่องนี้ นายพิชัย ชุณหวชิร รัฐมนตรีคลัง น่ารู้เรื่องดีนะ เพราะนอกจากเคยบริหารปตท.แล้ว
ตอนปตท.ประกาศขายหุ้นบางจาก ท่านยังเป็นหนึ่งในอีกหลายราย เป็นผู้นำกลุ่มเข้าร่วมประมูลด้วย
แต่การเอาหุ้นบางจากออกขายครั้งนั้น ถูก “คนรักบางจาก” ต่อต้านหนัก ปตท.เลยตัดรำคาญ
ปี ๒๕๕๙ ปตท.นำหุ้น ๒๗% ขายให้กองทุนวายุภักษ์ ๑๐% และขายให้ “กองทุนประกันสังคม” (สปส) ๑๗%
ไม่ทราบว่าผม “เอามะพร้าวห้าว” มาขายท่านรัฐมนตรีคลังพิชัยหรือเปล่ามิทราบ แต่ที่ผมท้าวความซะยืดยาว ก็เพียงต้องการให้รู้ว่า
ที่ “กองทุนประกันสังคม” เป็น ๑ ในจำนวนผู้ถือหุ้นใหญ่บางจาก มูลค่านับหมื่นล้านในปัจจุบัน ก็มีที่มา-ที่ไปอย่างนี้ เท่านั้น
แต่มันไม่เท่านั้้น ก็ตรงยุครัฐบาลแพทองธาร ที่นายพิชัยเป็นรัฐมนตรีคลังนี่แหละ แผนฮุบบางจากมันเริ่มมีปฎิบัติการขึ้นอีก
คือคลังตั้ง “คณะกรรมการบริหารจัดการการถือหุ้น” ขึ้น อ้างเหตุผล เพื่อบริหารจัดการหุ้นที่คลัง “ไม่มีความจำเป็นต้องถือ”?
ขายในส่วนของคลังอาจเกิดประเด็น “ประโยชน์ทับซ้อน” ก็เลยหันไปทาง “ประกันสังคม” ที่ถือหุ้นบางจากอยู่ ๑๕%
ปกติ การซื้อขาย ต้องอนุมัติโดยบอร์ด…
ก็เลยมีนโยบาย หุ้นที่เป็นหุ้นซื้อขายได้ ไม่ต้องถึงบอร์ดสปส.อนุมัติ แค่ผู้บริหารสนง.ประกันสังคมหรืออนุกรรมการการลงทุนก็อนุมัติให้ขายได้
หวิด “เสร็จมัน” ขณะที่เตรียมทำรายการซื้อขายผ่านโบรกเกอร์เมื่อเดือนมกรา.ด้วยความซื่อตรงของ “บอร์ดโบรกเกอร์” เขาบอกว่า เพื่อความโปร่งใส โบรกเกอร์ “ผู้ขายกับผู้ซื้อ” ควรเป็นคนละบริษัทกันนะ งานนี้ก็เลยชะงัก ต้องกลับไปให้บอร์ดอนุมัติใหม่
นับว่าโชคดีผีคุ้ม….
เผอิญช่วงนี้ “ประกันสังคม” กำลังถูกตรวจสอบ ก็เลยไม่มีใครกล้าขยับ เรื่องก็เลยค้างอยู่
ช่วงนี้ กลุ่มทุนทยอยสะสมหุุ้นบางจากผ่านกลุ่มบุคคลหลายชื่อ ส่วนกองทุนต่างชาตินั้น ก็ได้โอนหุ้น ๑๐% มาเป็นนอมินีไทยที่สะสมได้แล้วประมาณ ๒๐%
มีนายตำรวจใหญ่เอ่ยชื่อร้อง…อ๋อ รับหน้าเสื่อนั่งในตำแหน่งประธาน กะการณ์กันว่า ….
ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นบางจากเดืนเมษา.นี้ จะส่งคนเข้าไปบริหารเพิ่ม ทั้งในระดับบอร์ด เและในระดับจัดการ
เนี่ย…
ก็ฝากให้ลุงป้อมช่วยอภิปราย “เซฟบางจาก” มิให้สมบติชาติตกไปเป็นสมบัติแก๊ง “ชายคนนั้น” ด้วย!
การเอาบางจาก “สมบัติชาติ” คืนมานี้ ไม่ได้โม้นะ ผมมีส่วนร่วมทั้งด้านข่าวและแคะกระปุกไปร่วมลงทุนในสหกรณ์เพื่อขายสินค้าชุมชน ตามที่คุณโสภณชักชวน
เห็นบางจากกำลังจะ “เสร็จมัน” ไปอีกราย ก็ห่วงพลังงานจากจิตวิญญานคนไทย ที่กว่าจะได้คืนมาก็แสนเหนื่อยยาก
ถ้าจะเสร็จให้กับ “ไอ้เสือกระบาก” ตัวนั้นอีก ผมทำใจยาก บอกตรงๆ!
เปลว สีเงิน
๒๐ มีนาคม ๒๕๖๘
