ครม. ปลื้มนโยบาย ศก. ยุคนายกฯ แพทองธาร มาถูกทางแล้ว ดันจีดีพีโตถึง 3.2% ไตรมาสที่ผ่านมา

นายกฯ ขอบคุณทุกภาคส่วน หลังสภาพัฒน์ฯ รายงานไตรมาสสุดท้ายปีที่แล้ว รัฐบาลดำเนินนโยบายมาถูกทางแล้ว จีดีพีโตเพิ่มถึงร้อยละ 3.2 คาดการณ์ปีนี้ แนวโน้มดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่วนการพัฒนาทุกมิติของภาคใต้ นายกฯ สั่งการส่วนราชการเร่งดำเนินการให้เต็มที่

18 กุมภาพันธ์ 2568 นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่าในการประชุมคณะรัฐมนตรีสัญจร ครั้งที่ 7 ประจำปี 2568 กลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอ่าวไทย จังหวัด ชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง และสงขลา ที่ศูนย์การประชุมนานาชาติฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา โดยนายกรัฐมนตรี มีข้อสั่งการในการประชุมจากการลงพื้นที่ ดังนี้

1.การรายงานภาวะเศรษฐกิจไทย ไตรมาสที่ 4 ปี 2567 ที่ผ่านมา และแนวโน้มปี พ.ศ. 2568 โดยสภาพัฒน์ฯ ระบุว่าตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ไตรมาสที่ 4 ของ ปี 2567 มีทิศทางที่ดีขึ้น โดยขยายตัว 3.2% เมื่อเทียบกับช่วงไตรมาสก่อนหน้าที่ผ่านมา แสดงให้เห็นถึงผลของมาตรการและนโยบายด้านเศรษฐกิจ ในการกระตุ้นเศรษฐกิจที่รัฐบาลได้ดำเนินการตลอดมาในช่วงเดือนตุลาคม – ธันวาคม 2567 ที่ผ่านมา

อย่างไรก็ตาม มีประเด็นที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะตัวเลขการลงทุนในภาคอุตสาหกรรมและการส่งออกที่เพิ่มมากขึ้น แต่การใช้กำลังการผลิตในประเทศ (Capital Utilization) ลดลง จึงขอให้กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงการคลัง กระทรวงพาณิชย์ ร่วมกันเร่งหามาตรการป้องกันปัญหาดังกล่าวให้เร็วที่สุด

2.การแก้ไขปัญหาในพื้นที่จังหวัดพัทลุงและสงขลา จากการลงพื้นที่ตรวจราชการในจังหวัดพัทลุงและสงขลา ก่อนมาประชุม นายกรัฐมนตรีได้รับฟังปัญหาจากหลายภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง จึงขอสั่งการดังนี้

1) ให้กระทรวงเกษตรฯ และกระทรวงพาณิชย์ เร่งหาแนวทางสนับสนุนการปลูกกล้วยสายพันธุ์ของพัทลุง และทุเรียนภูบรรทัด ทั้งในด้านส่งเสริมการเพาะปลูกให้แพร่หลาย รวมทั้งการหาตลาดรองรับผลผลิต เพื่อเพิ่มมูลค่าของสินค้าในชุมชนให้มากขึ้น

2) ในพื้นที่ทะเลน้อย จังหวัดพัทลุง มีศักยภาพสูงทั้งด้านการท่องเที่ยวและการประมง ซึ่งจะช่วยสร้างรายได้ให้ประชาชน โดยทางจังหวัดและภาคเอกชน มีข้อเสนอให้ขุดลอกทะเลน้อย กำจัดวัชพืชต่าง ๆ ฟื้นฟูนิเวศ คืนธรรมชาติ พร้อมฟื้นการประมงและส่งเสริมอาชีพให้กับท้องถิ่น โดยขอให้หน่วยงานต่าง ๆ ดำเนินการเพิ่มเติม ดังนี้

– ให้กระทรวงทรัพยากรฯ ศึกษาและกำหนดแนวทาง พร้อมทั้งจัดเตรียมงบประมาณที่จำเป็นสำหรับดำเนินการ
– ให้กระทรวงเกษตรฯ โดยกรมประมง และกระทรวงทรัพยากรฯ หามาตรการในการสนับสนุนและให้ความรู้ทางวิชาการอย่างถูกต้อง สำหรับการทำประมงในพื้นที่จังหวัดสงขลา เช่น การเลี้ยงปลาดุกนา ทั้งในส่วนของระบบการหมุนเวียนน้ำ และพันธุ์ปลา เพื่อยกระดับให้ประชาชนมีรายได้ที่เพิ่มมากขึ้น
– ให้กระทรวงการท่องเที่ยวฯ ช่วยส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงนิเวศให้มากขึ้นด้วย
– ให้กรมทางหลวง กระทรวงคมนาคม เร่งหามาตรการในการเพิ่มแสงสว่างให้กับสะพานเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา เพื่อให้เกิดความปลอดภัยในการเดินทาง และไม่กระทบต่อระบบนิเวศ

นายจิรายุ กล่าวต่อไปว่า นายกรัฐมนตรีได้เข้าเยี่ยมชมกลุ่มบริษัท ไทยยูเนียน ที่ประสบความสำเร็จในการส่งออกอาหารทะเลไปต่างประเทศ โดยมีข้อเสนอสำคัญ ที่จะขอให้กรมประมง ส่งเสริมการวิจัยพัฒนาพันธุ์กุ้งอย่างจริงจัง ฟื้นฟูความเข้มแข็ง ด้านการเลี้ยงกุ้งเพื่อการส่งออก ที่ไทยเคยเป็นอันดับต้น ๆ ของโลกอีกครั้ง

ส่วนการพัฒนาด้านการท่องเที่ยว นายกรัฐมนตรีสั่งการว่า สำหรับตัวเมืองจังหวัดสงขลามีศักยภาพสูงด้านการท่องเที่ยวเช่นกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การท่องเที่ยวด้วยเรือสำราญ (Cruise) ขอให้กระทรวงคมนาคมเร่งศึกษาการก่อสร้างท่าเทียบเรือสำราญ และขอให้กระทรวงการท่องเที่ยวฯ ร่วมกับท้องถิ่น พัฒนาให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญ และการจัดกิจกรรมต่าง ๆ ของแหล่งท่องเที่ยว เช่น ในเมืองเก่าสงขลา อ.หาดใหญ่ หรือสถานที่ท่องเที่ยวต่าง ๆ โดยมอบหมายให้ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลาเป็นเจ้าภาพในการเป็นศูนย์กลางการประสานหน่วยงานต่าง ๆ ที่จะลงมาร่วมพัฒนาด้วย นายจิรายุกล่าว

Written By
More from pp
โรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล หัวหิน รีสอร์ท นำเสนอเมนูใหม่สไตล์ คอมฟอร์ท ฟู้ด จาก “คาเฟ่ เดอ ข่อย” คาเฟ่ชื่อไทยกับกลิ่นอายแปรีเซียง เพื่อความอร่อยอย่างมีสไตล์ในทุกวัน
โรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล หัวหิน รีสอร์ท นำเสนอเมนูใหม่สไตล์ คอมฟอร์ท ฟู้ด จาก “คาเฟ่ เดอ ข่อย” คาเฟ่ชื่อไทยกับกลิ่นอายแปรีเซียง เพื่อความอร่อยอย่างมีสไตล์ในทุกวัน ค้นพบประสบการณ์ของการลิ้มรสอาหารเมนูใหม่อันน่าลิ้มลอง ให้คุณได้เพลิดเพลินตั้งแต่มื้อเช้าจรดเย็น กับเมนูอาหารไทยที่ทุกคนถามหา...
Read More
0 replies on “ครม. ปลื้มนโยบาย ศก. ยุคนายกฯ แพทองธาร มาถูกทางแล้ว ดันจีดีพีโตถึง 3.2% ไตรมาสที่ผ่านมา”