เปลว สีเงิน
ดูรัฐบาลเพื่อไทย “บริหารปัญหา” แล้ว พูดได้คำเดียว
ห่วงอนาคตประเทศ!
“ตัดไฟ” แก๊งคอลเซ็นเตอร์ในพม่า ไม่ใช่ปัญหา
นายกฯ ผู้มีอำนาจ “สั่งตัด” ยึกๆ ยักๆ ปล่อยยืดเยื้อ นั่นตะหาก คือปัญหา
และปัญหาในปัญหาที่สะท้อนต้นเหตุ “ผู้นำ” ไม่กล้าตัดสินใจ มีเรื่องเดียว คือคนรัฐ “ซับซ้อนในผลประโยชน์”
ทำให้ต้องคิดหนัก….
แค่เรื่องเล็กๆ รัฐบาลยังบริหาร-จัดการไม่ได้ แล้วถ้าประเทศตกอยู่ในวังวน “สถานการณ์โลก” ที่ผันผวนขณะนี้
พรรคแกนและพรรคร่วม ลองตอบซิ ว่า…
การเอา “คุณหนู” ลูกเจ้านายซึ่งอ่อนด้อยภาวะสำนึกทั้งไม่มี “วุฒิภาวะผู้นำ” ให้เป็น “ผู้นำบริหาร” ในตำแหน่งนายกฯเช่นนี้
หวังให้บริหารประเทศหรือหวังทางบริหารผลประโยชน์ซึ่งกันและกันในฐานะรัฐบาล?
คน “แต่ละยูนิต-แต่ละองค์กร” ในองคาพยพชาติ เมื่อเข้าสมาคมระดับนานาชาติ ต่อแผ่นป้าย “ประเทศไทย” ที่วางข้างหน้าพวกคุณ
คุณอายต้องก้มหน้าหรือรู้สึกเป็นเกียรติพร้อมยืดอก เมื่อต้องประกาศกับนานาชาติว่า
“ผู้นำบริหารประเทศของผม คือ “นางสาวแพทองธาร ชินวัตร” ซึ่งไม่มีประสบการณ์ทั้งการเมือง-การบริหารใดๆ มาก่อนเลย
เพียงเพราะเป็นบุตรสาว “นายทักษิณ ชินวัตร” อดีตนักโทษคอร์รัปชันโกงบ้าน-กินเมือง เจ้าของพรรคเพื่อไทย จึงได้เป็นนายกฯ?”
ช่วยตอบเป็น “ประชาพิจารณ์” ตรงนี้ให้ด้วยนะ!
วันนี้ (๕ ก.พ.๖๘) เพราะจะไปจีนพบกับประธานาธิบดี “สี จิ้น ผิง” นั่นแหละ พวกหลี่กงกงบ้านพิษ คงแนะให้โชว์ภาวะผู้นำ “เปิดตัว” นำทาง
นักข่าวชงคำถามเรื่องตัดไฟแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในพม่า
คุณหนูรู้ปุ๊บปั๊บใน “ภาวะสำนึก” ผู้นำ ขึ้นมาทันที
“ที่จริงเรื่องนี้ ไม่มีความลังเลอะไร และดิชั้นก็ได้พูดในที่ประชุม ครม.โดยไม่มีความลังเล
ว่าถ้าเราดูเรื่องชายแดนชัดเจน ก็ตัดไปได้เลยและเรื่องน้ำมันก็ไม่ต้องส่ง เพราะเราต้องโอบอุ้มและดูแลคนของเราก่อน
เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นมีผลกระทบต่อคนไทยมากและมีผลต่อภาพลักษณ์ของประเทศ
ถ้าเรามีความเห็นใจ และเรียงลำดับไม่ถูกต้อง จะเกิดปัญหาที่ยาวนานต่อเนื่อง
สิ่งที่ประเทศไทยเจอตอนนี้ หนักหน่วงกับเรื่องที่เกิดขึ้นจึงต้องมีมาตรการที่เข้มข้น ต้องถึงเวลาที่ต้องร่วมมือกันและจัดการได้เลย ตัดได้ทันที”
นักข่าวย้ำ:ตามข้อสัญญาสามารถจะตัดไฟได้เลย?
นายกฯ:ตัดได้เลย
นักข่าว:สามารถตัดได้เมื่อไหร่?
นายกฯ:ตั้งแต่วันนี้เลย
ช่วงบ่ายวันนี้ ผู้ช่วยรัฐมนตรีความมั่นคงของจีน จะเดินทางมาพบนายภูมิธรรม และได้สั่งให้เรียกประชุมด่วน “สมช.” เพื่อพิจารณามาตรการต่างๆ
นักข่าว:ผู้ช่วยรัฐมนตรีความมั่นคงจีนมา จะหารืออะไรกันบ้าง?
นายกฯ:ผู้ช่วยรัฐมนตรีความมั่นคงจีนไม่ได้มาแบบทางการ แต่มาเป็นการส่วนตัว เราเพียงแค่รับทราบ โดยไม่มีการต้อนรับอะไร
แต่เมื่อมาแล้ว ได้มีการพูดคุยแลกเปลี่ยนข้อมูล ก็เป็นเรื่องหลังบ้าน และกลับประเทศจีน ก็ไม่ได้มีความเข้าใจกันในเรื่องนี้ จึงไม่ได้เป็นปัญหาอะไรแน่นอน
(จะออกตัวให้เข้าเนื้อ-เข้าตัวไปเพื่อ….?)
ไปดูทางนายภูมิธรรม รองนายกฯ และรมว.กลาโหม ผู้ดูแลรับผิดชบด้านความมั่นคงบ้าง
จากวานซืน ตัด-ไม่ตัด ยัง งึกๆ งักๆ เดี๋ยวตัดครึ่งหนึ่งก่อน เดี๋ยวคุยกับ “หลิว จงอี” ผู้ช่วยรัฐมนตรีกระทรวงมั่นคงสาธารณะของประเทศจีนก่อน เดี๋ยวขอลงไปดูชายแดนที่แม่สอดก่อน
แต่เมื่อวาน พอ “คุณหนูของบ่าว” แสดงบทผู้นำที่เฉียบแหลมสั่ง “ตัดเลย” เท่านั้นแหละ
ภูมิธรรมไม่ต่างหุ่นเปลี่ยนแบตใหม่ ทุกสปริงข้อต่อ เด้งผึงผัง รู้งาน-รู้หน้าที่ โดยพลัน
“ผมจะสั่งการ สมช.ให้แจ้ง กฟภ.และหน่วยที่เกี่ยวข้องไปดำเนินการ “ตัดไฟ” ทันที
ไม่ใช่รอและโยกไป-โยกมา ผู้บังคับหน่วยส่วนใดหรือผู้รับผิดชอบหน่วยไหน ให้ปฏิบัติโดยทันที
ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ถ้าไม่ปฏิบัติตามให้เกิดผลโดยทันที
เรื่องนี้ไม่ต้องเข้าครม.ถ้าล่าช้าและไม่จัดการภายในไม่กี่วันนี้ ผมจะยืมตัวมาช่วยราชการ ขอให้ไปพิจารณาก็แล้วกันว่า ควรจะจัดการแค่ไหน“
(เมื่อนายกฯ สั่ง ผ่านสมช.ไม่ต้องเข้าครม.หรอกท่าน)
นี่เป็นฉากตอนเช้าก่อนและหลังประชุมครม.ถ้าสังเกตจะเห็นว่า ในคำสั่งนั้น เป็นแค่ภาพรวม ยังลงรายละเอียดไม่ได้
เพราะ….
ต้องรอ “นายหลิว จงอี” มาพบ พูดแบบไว้หน้าตัวเอง ก็เพื่อปรึกษาหารือกับนายภูมิธรรมก่อน ซึ่งตอนบ่ายแก่ๆ “นายหลิว จงอี” ก็ไปพบที่กลาโหม
เสร็จแล้ว นายภูมิธรรมก็ไปเป็นประธานประชุม “สภาความมั่นคงแห่งชาติ” จนเกือบทุ่ม ประเทศไทย โดยรัฐบาลเพื่อไทย ก็ดวงตาเห็นธรรม
นายภูมิธรรม แถลงเป็นรูปธรรม ดังนี้
“สมช.ได้รวบรวมข้อมูลทุกฝ่าย-ทุกส่วนแล้ว เห็นว่าเป็นเรื่องที่กระทบต่อความมั่นคงของประเทศ
มีประชาชนทั้งหมด ๕๕๗,๕๐๐ กว่าคดี รวมเงินกว่า ๘๖,๐๐๐ ล้านบาท แต่ละวันมีความเสียหายกว่า ๘๐ ล้านบาท
ถือเป็นการสรุปชัดเจนจากหน่วยงานด้านข่าวที่เกี่ยวข้องว่า “เป็นเรื่องที่ส่งผลกระทบรุนแรงต่อพี่น้องประชาชน และทั่วโลก”
จึงมีมติให้ “ตัดไฟ-ตัดอินเทอร์เน็ต-ตัดน้ำมัน” ตั้งแต่เวลา ๑๙.๐๐ น. ของวันที่ ๕ กุมภา.เป็นต้นไป
ผมจะกลับไปเซ็นหนังสือในคืนนี้เลย (๔ ก.พ.) กระทรวงการต่างประเทศจะแจ้งให้ “รัฐบาลเมียนมา” รับทราบ
ให้แจ้ง “สถานพยาบาล” ให้รับรู้ และเตรียมตัว
โดยจะตัดทั้ง ๕ จุด ตามที่ปรากฏเป็นข่าวก่อนหน้านี้
ซึ่งเป็นพื้นที่ที่เกี่ยวพันแก๊งคอลเซ็นเตอร์ทั้งนั้น
เราถือว่าเรื่องนี้ เป็น “ความทุกข์ของประเทศ” และประชาชนที่เผชิญอยู่ เป็นเรื่องที่เราต้องดูแล
เราแจ้งทางเมียนมาว่า เราจะตัดไฟเพราะมีปัญหาความมั่นคง
เมื่อเราแจ้งแล้ว รัฐบาลเมียนมาจะดำเนินการอย่างไร ก็เป็นเรื่องของรัฐบาลเมียนมา เราไม่ได้เข้าไปแทรกแซง
ด่านชายแดนทั้งหมด เราจะจัดการให้สอดรับกับการซีลชายแดน ๕๑ อำเภอ ซึ่งจะสามารถควบคุมเรื่องนี้ได้ทั้งหมด มติสมช.นี้ จะได้ชี้แจงกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมด
นักข่าวถาม……..
“รัฐบาลเมียนมาจะเข้าใจและจะไม่ตอบโต้ด้วยการตัดแก๊สจนบานปลายใช่หรือไม่?”
ภูมิธรรม ตอบ
“เรื่องนี้เคยหารือกัน ซึ่งเขามีความเข้าใจว่า เรื่องนี้ไม่ใช่ปัญหาของประเทศไทย แต่เป็นปัญหาของนานาชาติ เพราะมีบุคคลหลายชาติถูกหลอกเข้าไปในนั้น
นักข่าว:เขาจะไม่ตอบโต้เราใช่หรือไม่?
ภูมิธรรม:เขาต้องใช้ดุลยพินิจ
นักข่าว:หากถูกตัดไฟไปแล้ว แต่ลักลอบเดินสายไฟใหม่ จะดำเนินการอย่างไร?
ภูมิธรรม:เราต้องพูดคุยกับชายแดนทั้งหมด เพื่อแก้ปัญหาอยู่แล้ว หากทางเมียนมาใช้เครื่องปั่นไฟ ก็เป็นเรื่องของเขา
“๕ แห่ง” ที่จะถูกตัดไฟ เป็นบริษัทได้รับสัมปทานจากสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา มีดังนี้
๑.บ้านเจดีย์สามองค์-เมืองพญาตองชู รัฐมอญ
บริษัท Mya Pan Investment and Manufacturing Company Limited
๒.บ้านเหมืองแดง-เมืองท่าขี้เหล็ก รัฐฉาน บริษัท อัลลัวร์ กรุ๊ป(พีแอนด์อี) จำกัด
๓.บริเวณสะพานมิตรภาพไทย-พม่า เมืองท่าขี้เหล็ก รัฐฉาน บริษัท อัลลัวร์ กรุ๊ป(พีแอนด์อี) จำกัด
๔.บริเวณสะพานมิตรภาพไทย-พม่า แห่งที่ ๒ เมียวดี รัฐกะเหรี่ยง
บริษัท Nyi Naung Oo Company Limited และบริษัท Enova Grid Enterprise (Myanmar) Company Limited
๕.บริเวณบ้านห้วยม่วง-เมียวดี รัฐกะเหรี่ยง
บริษัท Shwe Myint Thaung Yinn Industry and Manufacturing Company Limited (SMTY)
นี่…
เป็นผลงานปราบแก๊ง “อาชญากรจีนเทา” ที่อุ๊งอิ๊งเอ๋อ จะถือเป็น “ใบเบิกทาง” ไปพบประธานาธิบดี “สี จิ้น ผิง” ที่ปักกิ่ง ๕-๘ กุมภา.นี้
ส่วนใครที่ตามไปเป็น “ผู้กำกับบท” ต้องติวเข้ม จำไว้เลยว่า เรื่องขั้นตอน พิธีการ วัฒนธรรม-ประเพณี ในทางการกับจีนนั้น
ต้องเคร่งครัด-เข้าถึง แบบเป๊ะๆ ยิ่งกิริยามารยาท การแต่งกาย วางตัว-วางท่า ตลอดถึงถ้อยคำในการพูดจา-เจรจา จะหลุกหลิก เหลาะแหละ เรื่อยเจื้อย ลอยหน้า-ตากรอก ไม่ได้เข็ดขาด
ผมพูดในฐานะคนเคยมีประสบการณ์ในพิธี “ไทยเปิดสัมพันธไมตรีกับจีน” เมื่อปี ๒๕๑๘ มาก่อน จึงบอกให้ทราบ
เตรียมคำตอบไว้ซักประโยคก็ดี เผื่อเดินถนนแล้วมีใครเข้ามาถามว่า
“เว่ยเสินเมอ หนี่ ตุ้ย เจ้ากู้ จื้อจี่ เตอ กั๋วเจีย ปู้ กั่น ซิ่ง ฉวี่?”
จะได้ตอบเขาถูก!
เปลว สีเงิน
๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๘
