สันต์ สะตอแมน
“เส้นกูใหญ่..
ใครก็ทำกูไม่ได้ ใครก็เอากูไม่ลง เพราะกูใหญ่ ใหญ่ยิ่งกว่านายพล ใหญ่กว่านายกรัฐมนตรี ใหญ่กว่า… ใหญ่กว่าทั้งหมด กูแบ็กดี
ใครจะมาจัดการกู มึงไม่ต้องมานะ เพราะทำอะไรกูไม่ได้หรอก”
เนี่ย..นายสัญชัย วันพิรัตน์ หรือ “อ.เบียร์ คนตื่นธรรม” จะเส้นใหญ่ดังคำโวนี้หรือไม่ก็คอยตามดู-ตามฟังกันไป เพราะพล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สอท ได้บอกกับนักข่าวว่า…
“ได้สั่งการให้ฝ่ายกฎหมายตรวจสอบคำพูดในไลฟ์สดว่ามีการพูดเข้าข่ายในลักษณะของการหมิ่นเหม่พาดพิงบุคคลสำคัญหรือไม่
หากพบว่าเข้าข่ายก็จะเสนอให้ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติพิจารณาต่อไป”
ถ้าไม่มีอะไรในก่อไผ่ หมายถึงคำพูดของนายสัญชัยที่พูดเช่นนั้นไม่เข้าลักษณะความผิดใดๆ ก็ต้องยอมรับล่ะว่า อ.เบียร์คนนี้ “โคตรเส้นใหญ่” จริง!
กระนั้นก็อดที่จะเป็นห่วงไม่ได้ ว่าต่อไปข้างหน้าเกิดคนอื่นจะเอาเป็นเยี่ยงอย่าง พูด-คุยอวดศักดา ข่มกันในที่สาธารณะด้วยความคะนอง-มันปากจะทำกันอย่างไร?
เอ้า..ส่วนนั่น “ไอ้ขี้โม้” แต่จะหมายถึงใครผมไม่ทราบ..รู้เพียงว่าที่คุณสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีตกกต. โพสต์หัวข้อ “หาเสียง อย่าขี้โม้” นั้น น่าจะเป็นการเตือนด้วยเจตนาดี..
ดีอย่างไร? ก็อยากให้อ่าน-ตรองกันดู ตามนี้… “การหาเสียงที่ขี้โม้ อาจเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.เลือกตั้ง ทั้งเลือกตั้ง สส. และ เลือกตั้งท้องถิ่นได้
ไม่ว่าคนขี้โม้นั้นจะเป็นผู้สมัครเองหรือผู้ช่วยหาเสียงก็ตาม
ตัวอย่างเช่น มีไอ้ขี้โม้ขึ้นเวทีในฐานะผู้ช่วยหาเสียง ว่าจะทำโน่นทำนี่ สั่งรัฐมนตรี สั่ง ครม. ให้ลดค่าไฟฟ้า ลดราคาน้ำมัน จะส่งกองกำลังไปทลายบ่อนนอกประเทศ
รัฐมนตรีคนไหนไม่ทำงานจะปลดออก โม้ไปเรื่อยทั้ง ๆ ที่ตัวเองเป็นแค่คนแก่ตกงานอย่างนี้มีโอกาสเป็นความผิดตาม กม. เลือกตั้งได้
พลิกไปดู กม. เลือกตั้งท้องถิ่น มาตรา 65(5) เขาห้ามผู้สมัครและผู้ใด “หลอกลวง ใช้อิทธิพลคุกคาม บังคับขู่เข็ญ ใส่ร้ายด้วยความเท็จ หรือจูงใจให้เข้าใจผิดในคะแนนนิยมของผู้สมัครใด”
การขี้โม้ให้ได้มาซึ่งคะแนนเสียง จัดเป็นหนึ่งในการหลอกลวง
บทกำหนดโทษ อยู่ในมาตรา 126 วรรคสอง คือ จำคุก 1-10 ปี ปรับ 20,000 – 200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง 20 ปี
ใครที่อยู่บนเวทีหาเสียงแล้วควบคุมตัวเองไม่ได้ โปรดระมัดระวังด้วย”
ครับ..เชื่อว่าหลายท่านคงจะเดาเป็นใครอื่นไปไม่ได้นอกจากหมายถึงนายทักษิณ ชินวัตร เป็นแน่ แต่ไม่ว่าจะเป็นนายทักษิณหรือไม่ก็ตาม เมื่อเจ้าตัวได้อ่านข้อความนี้แล้ว
ก็คงจะได้ฉุกคิดและระมัดระวังในการทำหน้าที่ “ผู้ช่วยหาเสียง” ขึ้นมาบ้างบนเวทีต่อไป โดยเฉพาะคำพูด..จะทำโน่นทำนี่ สั่งรัฐมนตรี สั่ง ครม. ให้ลดค่าไฟฟ้า ลดราคาน้ำมัน
จะส่งกองกำลังไปทลายบ่อนนอกประเทศ รัฐมนตรีคนไหนไม่ทำงานจะปลดออก”
เพราะที่พูดทั้งหมดนี้ ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับบทบาท หน้าที่หรืองานของ “นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด” ที่นายทักษิณไปช่วยหาเสียงแต่อย่างใด!
แต่เป็นลักษณะ “คนป่ามีปืน” อวดแสดงให้เห็นว่าตัวเองจากนักโทษคดีทุจริต ตอนนี้ได้กลายเป็นผู้มีอำนาจตัวจริงทั้งในรัฐบาลและทางการเมือง
หรือพูดอีกอย่าง นายทักษิณยังคงเป็นจอมขี้โม้ โอ้อวดอยู่เหมือนเดิม ไม่ว่าวันเวลาจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร!
เอาเถอะ..จะคุยโวโอ้อวดอย่างไรก็เอาตามที่สบายใจ แต่ที่นายทักษิณประกาศจะส่งเชือกไปให้พวกที่ด่ารัฐบาลผูกคอตายนั้น
ได้ยินผู้คนเขาซุบซิบ ให้นายทักษิณเก็บเชือกไว้จะดีกว่า เพราะอีกไม่นานช้า ตัวเองนั่นแหละอาจจะได้ใช้ ถ้ายังไม่หยุดห้าวเป้ง ทำตัวใหญ่-กร่างคับประเทศอยู่อย่างนี้..
เชอะ..เดี๋ยวก็เจออ.เบียร์ ได้ “ใหญ่ฟัดใหญ่” กันละมึง!