สันต์ สะตอแมน
วันนี้-1 มกราคม..
เริ่มต้นปฏิทินหน้าแรกของปีใหม่ พ.ศ.2568 ก็ขออนุญาตกล่าวคำอำนวยพรให้ท่านผู้อ่านทุกท่านจงมีแต่ความสุข ความสมหวัง ไม่เจ็บ ไม่จนกันนะครับ!
เนี่ย..ใครที่ได้ดูภาพยนตร์ซีรีส์เรื่อง “ศรีอโยธยา” ภาค 2 คงจะสังเกตเห็น มีประเด็นน่าสนใจเกี่ยวกับปรากฏการณ์ก่อนศรีอโยธยาจะกรุงแตกถูกเล่าไว้ในหนังเรื่องนี้ด้วยล่ะ
ซึ่งปรากฏการณ์ที่ไม่ว่าจะดีหรือร้าย ทุกอย่างหากเกิดขึ้นอย่างไม่คาดคิด หรือเพียงสังหรณ์และหาเหตุปัจจัยไม่ได้ ก็มีคำเรียกว่า “ลาง”
ถ้าเรื่องดีก็ว่า “ลางดี” เรื่องร้ายก็ว่า “ลางร้าย” ความเชื่อนี้มีถึงปัจจุบันในภาพรวมก็ยังไม่เลิกเชื่อ!
ลางร้ายบางอย่างเรียกกันว่า “อาเพศ” พจนานุกรมอธิบายความหมายว่า เหตุที่เกิดขึ้นอย่างผิดปกติวิสัย ถือว่าเป็นลางไม่ดี
สำหรับอาเพศนี้ ผู้รู้เรื่องโบราณอย่างช่ำชอง ได้แบ่งเป็น 2 จำพวก คือ “จำพวกอุบาทว์พระอินทร์” หนึ่ง และ “จำพวกอุบาทว์พระยม” หนึ่ง
ในส่วนพระอินทร์ อุบาทว์จำพวกนี้คือความวิปริตที่เป็นในลักษณะกว้างๆ เช่น ฝนฟ้าอากาศมีความวิปริตผิดฤดู แม่น้ำลำคลองอยู่ๆ จากที่เคยเห็นปกติก็กลายเป็นสีแดงเลือดอะไรเทือกนั้น
หรือกลางวันกลางคืนก็เพี้ยนผิดสีผิดแสงไป ทำให้หวาดหวั่น หรือพวกสัตว์พวกแมลงอยู่ๆ ก็อพยพมาจากไหนก็ไม่รู้ จนชาวบ้านเดือดร้อน
รวมถึงความวิปริตผิดปกติแปลกประหลาดที่ไม่เคยพบเคยเห็นมาก่อน เรื่องที่ไม่น่าจะเป็นไปได้ก็เป็นไปได้ เช่น ต้นกล้วยออกปลีผิดที่
แทนที่จะออกที่ปลายต้น ดันงอกทะลุกาบกลางลำต้นออกมาซะงั้น อย่างนี้เขาก็ว่าอุบาทว์พระอินทร์ ลงว่าเกิดกับต้นกล้วยบ้านใคร
คนที่เชื่อเขาก็ไม่เอาไว้นะ ถือเป็นเสนียดพาให้ “เรือหาย” ต้องโค่นทิ้งเหี้ยนเรียบ!
ทีนี้อาเพศจำพวกอุบาทว์พระยมบ้าง ก็เป็นความวิปริตผิดปกติอีกเหมือนกัน แต่มักส่งผลให้เกิดการสูญเสียชีวิต เกิดความวิบัติ สมชื่อพระยมน่ะแหละ!
สึนามินี่ก็เข้าเกณฑ์อุบาทว์พระยม โรคระบาดต่างๆ อย่างโรคที่เรียกว่าห่ากินเมืองก็อุบาทว์ที่ว่านี้เช่นกัน
ประชาชนเห็นผิดเป็นชอบ เห็นกงจักรเป็นดอกบัว ศีลธรรมตกต่ำ ศีลธรรมเสื่อมทราม บอกสอนกันไม่ได้ เป็นสังคมแบบพาราสาวะถีไม่มีใครปรานีใคร
รวมความแล้วเป็นอาเพศที่ก่อนความวิบัติล่มจมจะตามมา อาเพศที่เกิดประเดประดังหลายปรากฏการณ์อย่างในซีรีส์ ศรีอโยธยา ที่ ม.ล.พันธุ์เทวนพเล่าไว้นั้นน่ะ
โบราณว่า เป็น “เสนียดแผ่นดิน” คำว่าเสนียดในกรณีทำหน้าที่ขยายคำนามจะให้ความหมายว่า หนักเกินแบกไหว แปลความสั้นๆ ก็คือ “หนักแผ่นดิน” นั่นเอง!
มีอีกคำหนึ่งที่มักใช้คู่กับเสนียดก็คือ “เสนียดจัญไร” ความหมายก็คือ ชั่วเหลือจะทน เพราะจัญไรแปลว่าชั่วหรือสามานย์
อาเพศที่เป็นเสนียดจัญไรแผ่นดินในสมัยกรุงศรีอโยธยามีอะไรบ้าง ม.ล.พันธุ์เทวนพ เทวกุล ได้พยายามศึกษาค้นหามาสอดใส่ไว้ในเนื้อหาอยู่หลายช่วงเวลา
และที่ผมนำมาคุยมาเกริ่นในวันขึ้นปีใหม่นี้ ก็ด้วยผมมีความรู้สึกว่า บรรยากาศบ้านเมืองเรามันคล้ายๆ กับกำลังตกอยู่ในเสนียดอาเพศจำพวกอุบาทว์พระยมยังไงยังงั้น!
ไม่ว่าเรื่องเศรษฐกิจ ไม่ว่าเรื่องการเมือง ไม่ว่าเรื่องความมั่นคงของรัฐ ไม่ว่าเรื่องวัฒนธรรม ไม่ว่าเรื่องศาสนา ดูเหมือนสังคมมันบิดเบี้ยวเป็นเสนียดกันไปหมดทุกภาคส่วน
และในท่ามกลางบรรยากาศเสนียดคลุมเมืองนี้ ผมก็อดห่วงใยบุคคลท่านหนึ่งไม่ได้ ในฐานะที่ท่านมีความตั้งใจอย่างบริสุทธิ์และขมีขมันในตำแหน่งรัฐมนตรีกระทรวงพลังงาน
สื่อมวลชนตั้งฉายาให้ท่านว่า รัฐมนตรี “พีระพัง” ล้อชื่อพีระพันธุ์ของท่าน หลายคนอาจขำกับฉายานี้ แต่ผมไม่ขำ กลับยิ่งเพิ่มความห่วงในบทบาทเป็นพีระพังของท่าน
ขอย้ำอีกหน “พาราสาวะถี” น่ะ ไม่มีใครปรานีใคร จริงผมไม่น่าห่วงท่านหรอก เพราะท่านก็น่าจะรู้ดีกว่าผมเสียอีก ว่าท่านกำลังขวางอะไรใครอยู่
ในความเห็นส่วนตัว เรามีวีรชนมากเกินไปจนไม่ควรที่จะมีวีรชนอีกแล้ว ภาระบ้านเมืองประชาชนไม่ควรพึ่งวีรชน เราเสียคนดีเพียงคนเดียวก็ไม่คุ้มค่าแล้ว
ฉะนั้น ประชาชนควรพึ่งประชาชน ด้วยการเป็นมวลชน ส่วนพีระพันธุ์ ถ้าจะยังพลีชีพเป็น “พีระพัง”..
ก็ต้องปล่อยเลยตามเลย!