เปลว สีเงิน
เข็มยาว “นาฬิกากรรม” กระดิกไปเรื่อยๆ
ขณะเดียวกัน
เข็มสั้น “นาฬิกาเวร” บนข้อมือทักษิณ ริกๆ รออยู่ “แดน ๔” พื้นที่คุมขังและเรือนนอนของผู้ต้องขังชาย!
ทำให้นึกถึงคำพูดอาจารย์ “แก้วสรร อดิโพธิ” ตอนไปยื่นหนังสือที่ป.ป.ช.วานซืน ว่า
“หลายคนถาม จะเกิดอะไรขึ้นกับนายทักษิณ คำตอบในทางกฎหมาย ถ้า “หมายศาลให้ขัง” และหาก “ไม่มีการขังตามหมาย”
ต้อง “ออกหมายใหม่” กลับไปเข้าคุก
เป็นอำนาจ “ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาทางการเมือง” ที่นายชาญชัย อิสระเสนารักษ์ กำลังจะไปร้อง
ซึ่งศาลสามารถเรียกสำนวนจาก ป.ป.ช.ไปดู และวินิจฉัยได้
จุดสำคัญ “ศาลสั่งกลับเข้าคุกได้” ถ้าหลักฐานชัดเจน โดยไม่ต้องรอคำวินิจฉัยของ ป.ป.ช.
เพราะคดีนี้ เป็นคดีเจ้าหน้าที่ ดังนั้น นายทักษิณเตรียมตัวได้”
กำลังจะดีใจ เจอคำว่า “ถ้า….หลักฐานชัดเจน” เท่านั้นแหละ เหี่ยวเลย!
จะเอาหลักฐานชัดเจนจากที่ไหนไปยื่นให้ศาลดูได้ล่ะ ในเมื่อป.ป.ช. “ที่พึ่งอันประเสริฐ” ของสังคมธรรม เพิ่งตั้งไข่
รอ ๓-๘ ปี โน่นแหละ ถึงจะลืมตาจากการเข้าฌาน!
แต่วานซืน เหมือน “พระมาโปรด”
“ศ.เกียรติคุณ นพ.อมร ลีลารัศมี” กรรมการแพทยสภาในฐานะ “ประธานอนุกรรมการสอบสวน” ชุดเฉพาะกิจ ที่ตั้งโดยมติที่ประชุมแพทยสภาฯ
ทำหนังสือแพทยสภา ลงวันที่ ๑๖ ธ.ค.ถึง “แพทย์ใหญ่ รพ.ตำรวจ” ความสรุป ว่า
“กรณีย้ายผู้ป่วยจาก “รพ.ราชทัณฑ์” มาที่ “รพ.ตำรวจ” จึงขอข้อมูลเพื่อประโยชน์แก่การสืบสวนสอบสวน
เป็นกรณีเกี่ยวข้องกับการพิจารณาเรื่อง “จริยธรรมของผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรม”
คณะอนุกรรมการฯจึงขอให้ “แพทย์ใหญ่ รพ.ตำรวจ” ชี้แจงข้อเท็จจริง
และส่ง “พยานหลักฐาน” หรือ “วัตถุพยาน” เพื่อประโยชน์การแก่การพิจารณาจริยธรรม ดังนี้
๑.คำชี้แจงเกี่ยวกับการเข้ารับการรักษาพยาบาลของผู้ป่วยชาย “นายทักษิณ ชินวัตร” ทั้งหมด โดยละเอียด
๒.ขอทราบ “ชื่อ-สกุล” แพทย์ทั้งหมด ที่เกี่ยวข้องกับการดูแลรักษาผู้ป่วย “นายทักษิณ ชินวัตร” รวมถึงเลขใบประกอบวิชาชีพ
รวมถึง “คำชี้แจงแพทย์” เกี่ยวกับกระบวนการตรวจ การวินิจฉัย การดูแลรักษาในรายผู้ป่วย “นายทักษิณ ชินวัตร” โดยละเอียด
ในหนังสือยังระบุด้วยว่า….
เนื่องจากนายทักษิณ “เป็นผู้ต้องขัง” ที่ส่งตัวไปรักษาตัว “นอกเรือนจำ” เกินกว่า ๓๐ วัน และ ๖๐ วัน,๖๐ วัน และ ๑๒๐ วันตามลำดับ
ตามกำหนดข้อ ๗ ของกฎกระทรวงยุติธรรม “การส่งตัวผู้ต้องขังไปรักษาตัวนอกเรือนจำ”
ที่กำหนดให้ “ผู้บัญชาการเรือนจำ” ต้องมีหนังสือขอความเห็นจาก “อธิบดีกรมราชทัณฑ์”
พร้อมกับความเห็นของแพทย์ผู้ทำการรักษาและหลักฐานอื่นที่เกี่ยวข้อง
และรายงานให้ “ปลัดกระทรวงยุติธรรม” และ “รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม” ทราบ ตามลำดับ
ดังนั้น “คณะอนุกรรมการฯ” จึงขอความเห็นแพทย์ผู้ทำการรักษาและหลักฐานที่เกี่ยวข้อง ตามที่ต้องทำรายงาน ๓ ครั้ง
คือถึง อธิบดีราชทัณฑ์, ปลัดกระทรวงฯ และรมว.ยุติธรรม ในช่วงครบ ๓๐ วัน ๖๐ วัน และ ๑๒๐ วัน ตามลำดับ นั้น
ให้แพทย์ใหญ่รพ.ตำรวจ รวบรวมส่ง “คณะอนุกรรมการฯ” ทั้งหมด
นอกจากนี้ ยังให้ส่ง “สำเนาใบส่งตัวเข้ารับการรักษาต่อ, สำเนาเวชระเบียน, สำเนาบันทึกการผ่าตัด,
สำเนาบันทึกการให้ยาระงับความรู้สึก, สำเนาบันทึกการพยาบาล, สำเนารายงานทางการแพทย์
และเอกสารหรือเอกสารอื่นใดที่เกี่ยวข้องกับการรักษาพยาบาล เช่น….
ภาพถ่ายทางรังสีวินิจฉัย, ผลการตรวจทางรังสี, ผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการ หรือเอกสารใด ที่เกี่ยวข้องกับการรักษา “นายทักษิณ ชินวัตร”
โดยให้ระบุ “หมายเลขหน้าเอกสาร” และให้เจ้าหน้าที่ “ลงนามรับรองเอกสาร” ทุกหน้าด้วย
“คณะอนุกรรมการฯ” ขอเอกสาร ตั้งแต่ วันที่ ๒๓ ส.ค.๖๖ ที่ทักษิณถูกส่งต่อการรักษาไปที่รพ.ตำรวจ จนกระทั่งถูกจำหน่ายออกจากรพ.ตำรวจ
“ถือว่าเกี่ยวข้องกับการพิจารณาจริยธรรมในครั้งนี้”
ในหนังสือ ยังระบุย้ำอีกว่า…
“ขอให้ท่านทำคำชี้แจงพร้อมพยานหลักฐานที่สนับสนุนคำชี้แจงเป็นลายลักษณ์อักษรตามประเด็นข้างต้น”
ให้ส่งมาให้ “คณะอนุกรรมการสอบสวน ชุดเฉพาะกิจ” ภายในวันที่ ๑๕ มกราคม ๒๕๖๘”
ต้องซี๊ดปากกันเลยเชียว กับหนังสือแพทยสภา เพราะเข้าตามตำราเปี๊ยบ
“จับงูให้งอขี้กล้อง ต้องเสาวภา, จับหมอให้คาเขียง-คาเข็ม ต้องแพทยสภา” เพราะจับทางกันถูก!
ดูตามหนังสือแพทยสภา ยิ่งพะยี่ห้ออาจารย์หมออมรด้วยแล้วละก็ ที่พูดกันว่า “ป่านนี้ รพ.ตำรวจไม่ทำเอกสารการรักษาย้อนหลังไปหมดแล้วเรอะ” นั้น
ใครกล้า เชิญเลย …
แต่ต้องเซ็นรับรองเอกสาร “ทุกหน้า-ทุกแผ่น” ไว้ด้วยนะ อย่าลืม!!!
ทักษิณคุย “เขาไม่ใช่หมู” หมูยังต้องเรียกเขาพี่ นั่นราคาคุยของพวกเฉาฉุ่ย
แต่สำหรับ “ศ.เกียรติคุณ นพ.อมร” ท่านคือผู้ทรงวิทยาและจริยธรรมที่วงการแพทย์ยอมรับ
-รางวัลผลการวิจัยดีเด่น คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล
-รางวัลนักบริหารโรงพยาบาลดีเด่นภาครัฐและสถาบันการศึกษา ประเภทผู้บริหารวิชาการดีเด่น จากกระทรวงสาธารณสุข
-โล่เกียรติคุณ “อาจารย์แพทย์” ผู้ประพฤติตนดีเด่นในเชิงคุณธรรม จริยธรรม จากแพทยสภา
-รางวัลมหิดลทยากร จากสมาคมศิษย์เก่ามหาวิทยาลัยมหิดลในพระบรมราชูปถัมภ์
-รางวัลศิริราชเชิดชูเกียรติ จากคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล อีกเยอะ สุดจาระไนหมด
เหล่านี้ เป็นเครื่องหมายการันตี “อาจารย์แพทย์” ผู้ทรงวิทยาและจริยธรรมที่ทุกวงการยอมรับ
ฉะนั้น เมื่อพะยี่ห้ออาจารย์หมอ “อมร ลีลารัศมี” ลงไป “เลิกคิด” ได้เลย ในประเด็น “แพทยสภาจะเล่นลิเก” เรื่อง “นักโทษป่วยทิพย์”!
นักข่าวถามท่านเมื่อวาน “คณะอนุกรรมการฯ มีอำนาจเรียกเรื่องมาสอบสวนได้ตามกฎหมายใช่หรือไม่?”
ท่านตอบชัดตามสไตล์โดยพลัน….
“ใช่…เรื่องสอบสวน ต้องมีอำนาจอยู่แล้ว ไม่มีอำนาจไม่ได้ ต้องมีอำนาจในการสอบสวน เพราะเรามีหน้าที่สอบสวนเรื่องจรรยาบรรณแพทย์
หนังสือที่ส่งไป ก็ขอให้เขาส่งมาให้เราอย่างรวดเร็ว เพราะอนุกรรมการฯ ก็อยากทำให้มันจบเร็วเหมือนกัน แต่ก็ยังไม่รู้ว่าจะทำได้ขนาดไหน แต่ก็อยากให้เร็ว
ตอนที่กรรมการสอบ “ชุดแรก” สรุปมา เขาสรุปว่า “เรื่องมีมูล” ไม่ใช่ข่าวโคมลอย
ทางนี้ก็เลยต้องขอข้อมูลมาดูให้มันชัดๆ ครบถ้วน เพราะตอนนี้ ยังมีข้อมูลไม่ครบถ้วน”
ที่ผมบอกเหมือน “พระมาโปรด” ก็คือ คณะกรรมการฯ ขีดเส้นตาย “แพทย์ใหญ่รพ.ตำรวจ ต้องส่งเอกสารทั้งหมดตามที่ขอมาให้ ภายในวันที่ ๑๕ มกรา.๖๘”
นั่นก็คือ ถ้าจะไปร้องศาลฯ ให้ “ส่งทักษิณกลับคุก” ก็ไม่ต้องรอแล้วรอ “หลักฐานชัดเจน” อีก ๓ ปี จากป.ป.ช.
อีก “ครึ่งเดือน” ไปนำ “หลักฐานชัดเจน” จากแพทยสภาไปยื่นศาลได้เลย!
นี่ก็ต้องให้เครดิต “นายวัชระ เพชรทอง” อดีตส.ส.ประชาธิปัตย์ เขานะ ที่ไปยื่นคำร้องให้ “แพทยสภา” สอบสวนเรื่องนี้
เอ้า…ก็ตามดูการเมืองขณะนี้บ้าง
ในสภา “เพื่อไทย-ประชาชน” ระริกริ้วริมปาก รอประกบจูบ “ฉีกรัฐธรรมนูญปราบโกง” ทิ้ง “เขียนฉบับเขมือบเมือง” ของเราสองขึ้นใหม่ จนลมหายใจหอบหื่น
ในรัฐบาล เพื่อไทย “พรรคแกน” กับภูมิใจไทย-รวมไทยสร้างชาติ “พรรคร่วม” ไม่กินข้าวกันแล้ว หันไป “กินใจ” กันแทน
ในกลุ่มปัญญาชน ทนเห็นประเทศถูกแปรรูปเป็นบริษัทตระกูลโกงไม่ได้ “รวมศูนย์” มุ่งพิทักษ์ธรรม-นำโจรกลับคืนคุก!
เข็มนาฬิกา ก็กระดิกเดินไปตามแรงโน้มถ่วงโลก
ธรรมะ-อธรรม ก็สัประยุทธ์ไปตามแรงกรรมมนุษย์
นี่แค่เพิ่ง “โหมโรง”
ก็อย่างที่บอก ไม่เกินพฤษภา.นั่นแหละ ถึงจะ “ลงโลง”!
เปลว สีเงิน
๒๐ ธันวาคม ๒๕๖๗