รัฐบาล (ไม่ใช่) บริษัทชิน #เปลวสีเงิน

เปลวสีเงิน

“กู้มาแจก-กู้มากิน-กู้มาโกง” ผลก็คือ
“รัฐบาลถังแตก”!
แต่”รัฐบาลเพื่อไทย” แตกหรือเปล่าไม่รู้นะ ได้ยินรัฐมนตรีคลัง “พิชัย ชุณหวชิร” โยนหินถามทางวานซืน

เตรียมเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มที่เรียก VAT จากที่เก็บอยู่ ๗% ขึ้นพรวดเดียวเป็น ๑๕%!

เขาอ้าง ที่ไหนในโลกเขาก็เก็บ VAT ๑๕-๒๕% กันทั้งนั้น มีแต่ไทยเรานี่แหละ ตามปกติต้องเก็บ ๑๐% แต่ลดเหลือ ๗% ตั้งแต่สมัย “ต้มยำกุ้ง” เรื่อยมา ซึ่งต่ำที่สุดในโลก

ความจริงไม่ใช่ไทยที่เดียว VAT ๗%
สิงคโปร์เดิมก็ ๗% เพิ่งใช้แผน ๕ ปี ขยับเพิ่มปีละ ๑% ตอนนี้ เป็น ๙% แล้ว

สิงคโปร์เลี่ยนไม่แอะซักคำ เพราะรัฐบาลเขา

๑.บริหารมีเงินเก็บล้นคลัง เพราะ “งบเกินดุล” ทุกปี

๒.เจนจบเศรษฐศาสตร์ “พายุหมุน” จริง คนละแบบกับ “พายุหมุน” ในคอกหมา

๓.เอาคน “มีกึ๋น” แทนคน “มีเส้น” มาทำงาน

๔.ไม่เป็นปีศาจหิวโหยหวังแทะงบแจก และ

๕.สร้างรู้สึก “รัฐบาล-ประชาชน” เป็นหุ้นส่วนกัน

แผน ๕ ปี ขึ้น VAT โดยเขยิบขึ้นไปเรื่อยๆ ปีละ ๑% นั้น เมื่อรัฐบาลสิงคโปร์แจ้งให้ประชาชนทราบแล้ว

ก็ชดเชยทางความรู้สึกให้ประชาชน ด้วยการนำเงินงบประมาณมาปีโป๊ให้ชาวบ้านเป็นรายปี

แจกทุกคน เรียกว่าตั้งแต่ ๖ ขวบขึ้นไป ได้หมด ได้รับแจกผ่านรูปแบบต่างๆ ชดเชยความรู้สึกที่รัฐบาลขึ้น VAT

ที่พูดนี่้ ไม่ได้ยุให้ทำอย่างเขา!
สิงคโปร์เขาเงินล้นคลัง แถมประชากรแค่ ๕ ล้านกว่าคน แจกยังไงก็ยังเหลือ

ตรงข้ามกับไทยเรา ตอนนี้ “เงินแห้งคลัง” แต่ก็ยังกระสันจะแจก แจกแบบมี “ลับลม-คมใน” ด้วยนะ

แถมขยักขย่อน กะปริด-กะปรอย ไม่แจกก็จะอดตายดูคล้ายรัฐบาลกำลังทำให้ประเทศไทยเป็น “เมืองขอทาน” เข้าไปทุกที!

ปัญหาสิงคโปร์เหมือนไทยอยู่อย่าง เด็กเกิดน้อย ขณะเดียวกัน “คนสูงอายุ” เพิ่มมากขึ้นทุกปี

นี่เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้สิงคโปร์ต้องวางแผน หาเงินรองรับเพื่อเลี้ยงดูคนสูงอายุ!

ประชากรแค่ ๕ ล้านกว่าคน และเงินล้นประเทศขนาดนั้น สิงคโปร์ยังวางแผนเป็นระบบ-เป็นขั้นตอน เพื่อรองรับคนสูงอายุ

ส่วนไทยเรา คนร่วม ๗๐ ล้าน หนี้ครัวเรือนกว่า ๙๐% หนี้สาธารณะคือ “หนี้รัฐบาล” ปริ่ม ๗๐% ด้วยมูลหนี้กว่า ๑๒ ล้านล้านบาท
“เอาอย่าง” สิงคโปร์เขาไม่ได้หรอก

แต่ดู “เยี่ยง” ในการแจกของสิงคโปร์เพื่อนำมาปรับใช้ได้ ผมหมายถึงการ “แจกแลกใจ” ให้ถูกกาละ ทำนองนั้น

ไม่ใช่ ทั้งที่ตูดแหก รัฐบาลยังสร้างหนี้ให้ประเทศ เอาเงินไปแจกแลกคะแนนเสียงให้พรรค

ในความเห็นผม การเพิ่ม VAT นั้น หลักการใหญ่ ผมเห็นด้วย เพราะเดิม VAT ไทยก็ ๑๐% อยู่แล้ว จะขยับไปที่เดิม ก็พอทำใจกันได้

แต่มันมี ๒ บรรยากาศที่ยังไม่อำนวย บรรยากาศแรก เพื่อไทยสร้างราคาคุยให้คนเพริดตามไว้มากว่า “คิดใหญ่-ทำเป็น”
เป็นรัฐบาลวันไหน “คนไทยหายจน” วันนั้น

เอาเข้าจริง ที่หายจน มีแต่ “คนรัฐบาลเพื่อไทย” เท่านั้น
นอกนั้น “จนเหมือนเดิม” กับ “จนหนักขึ้น”!

บรรยากาศที่สอง ประชาชนไม่ไว้ใจรัฐบาลเพื่อไทย โดยเฉพาะเรื่องเกี่ยวกับเงิน
ว่าเบื้องหลังมันจะไม่ “มึงมั่ง-กูมั่ง” แล้วโยนเศษสตางค์ให้พวก “ขอทานตาบอด”

เนี่ย…เพื่อบรรยากาศมันไม่เอื้อ ยิ่งรัฐมนตรีคลังคนนี้ประทับตรา “แม้วส่งมา” แค่จะบอกว่า ขอเพิ่ม VAT ๑% ชาวบ้านก็ระแวงแล้ว

แต่นี่ดันบอกจะเพิ่มทีเดียว ๑๕% ไม่กระเด็นเกนเก้ “ตกเก้าอี้” แต่วันที่พูด ก็นับว่าคุณพระคุ้ม!

รัฐบาลแจกไปสองรอบ ร่วม ๒ แสนล้านแล้วมั้ง ปีหน้า ๖๘ ถ้ารัฐบาลไม่ถูกเขี่ยทิ้งซะก่อน ราวๆ มีนา.เห็นว่า จะแจกแบบ “ลับลม-คมใน” อีกกว่า ๓ แสนล้าน

“ปล้น” กับ “ผลาญ” ดูมันไม่ต่างกันเลย ๔-๕ แสนล้าน ที่จะสร้างบ้าน-สร้างเมืองได้ แต่หายวับไปกับแค่คำว่า “กระตุ้นเศรษฐกิจ”

แล้วไหนล่ะ..เศรษฐกิจมันฟื้นมั้ย ถ้าบอกว่า “กระตุ้นโกง” เออ…..กูเชื่อ!

ถ้าเอาเยี่ยงสิงคโปร์เขา ต้องการแจก จะแจกทั้งที มันก็ต้องมีข้อแลกเปลี่ยน

บอกชาวบ้าน จำเป็นต้องเพิ่ม VAT และเพื่อชดเชยล่วงหน้า ก็จะแจก ๕ แสนล้านบาท เป็นการปรับสภาพล่วงหน้า
ซัก ๑% นำร่องก่อน จาก ๗ เป็น ๘%

ผมว่า ตอนนี้ สมูธ ไปแล้ว ปีๆ ได้กลับคืนไม่หนี ๓ หมื่นล้าน จาก ๑% ที่เพิ่ม!

แต่มาพูดตอนนี้ ตอนที่รัฐบาลไม่มีเครดิตจะเหลือ แถมละโมภ จะเอาตั้ง ๑๕% นึกว่ารัฐบาลเป็น “บริษัทลูก” ตระกูลชินกระมัง สั่งได้ตามใจชอบ!?

ขุนคลังพิชัย คงได้ใจจากตัวเลขการจัดเก็บรายได้ในปีงบประมาณ ๒๕๖๗ กระมัง? เลยวาดวิมาน

ปี ๖๗ ขนาด VAT ๗% ยังได้ตั้ง ๙๔๗,๒๗๖ ล้านบาท ถ้าเก็บ VAT เพิ่มเป็น ๑๕% จะได้เงิน “มาแจก-มาผลาญ” อีกเป็นล้านล้านบาท…ซู๊ดดดด!

ใครเคยได้ยินคำว่า “ลงทุน-สร้างรายได้เข้าประเทศ” จากรัฐบาลนี้บ้าง จะ ๒ ปีแล้ว ได้ยินแต่คำว่า “แจก..แจก..แหลก.
.แหลก..กู้..กู้” อย่างเดียว

ถ้าเกิด “ต้มยำกุุ้ง” รอบ ๒ ปีหน้า ผมจะไม่แปลกใจเลย!

คยไทยกว่า ๔๐ ล้าน ต้องเสียภาษี เท่าที่ฟัง มีประมาณ ๑๐ กว่าล้านคนเท่านั้น ที่ยื่นแบบภาษี
และใน ๑๐ กว่าล้านคนนั้น เสียภาษีแค่ ๔ ล้านกว่าคนเท่านั้น!?

การจัดเก็บรายได้รัฐบาลปีงบประมาณ ๒๕๖๗ จัดเก็บได้สุทธิ ๒,๗๙๒,๘๗๒ ล้านบาท เพิ่มขึ้น ๑๒๖,๐๖๔.๗ ล้านบาท จากงบประมาณปี ๒๕๖๖

ภาษีหลักๆ กว่า ๖๐%มาจากการจัดเก็บภาษีของกรมสรรพากร ๒,๒๖๘,๑๒๑ ล้านบาท

กรมสรรพสามิต ๕๒๓,๗๔๒ ล้านบาท, กรมศุลกากร ๑๑๗,๙๔๙ ล้านบาท

ภาษีเงินได้นิติบุคคล ๗๘๓,๐๙๖ ล้านบาท, ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ๔๑๕,๐๓๖ ล้านบาท

ก็ดูซิ ตัวเลขหลักๆ เหล่านี้ เพิ่มแค่ปีละไม่เกิน ๒-๓%เป็นอย่างมาก
เมื่อเทียบกับสภาพเศรษฐกิจ-การค้าที่เป็นจริงแต่ละปี
มันควรจะได้แค่นี้ หรือควรต้องมากกว่านี้?

เอาชัดๆ อย่าง “ภาษีบุคคลธรรมดา” เป็น ๑๐-๒๐ ปี ตัวเลขคนเสียภาษี ก็ยืนพื้นอยู่แค่ ๓-๔ ล้านคน

ถามว่า “รัฐบาล-กระทรวงคลัง” คุณทำงานเข้มงวดกวดขันในด้านการจัดเก็บรายได้ “ทั่วถึง-เที่ยงตรง-ครบถ้วน” จริงจังแค่ไหน?

หรือเก็บได้เฉพาะพวกประพฤติตัวเป็นพลเมืองดี “เสียภาษีเพื่อชาติ” เท่านั้น แล้วก็ “ไล่บี้” เอาแต่เฉพาะพวกนี้ตะพึด

ส่วนไอ้พวกบริษัท, ธุรกิจ, ห้างร้าน, บุคคล “ไม่สุจริตเพื่อชาติ” ก็ละเลย เมินเฉย มองไม่เห็นการหลบเลี่ยง ลื่นไหลลงใต้โต๊ะรายเดือน-รายปี เลยเก็บภาษีแต่ละปีได้เท่านี้

คงตาโตเมื่อเห็นรายได้จาก VAT ขนาด ๗% ยังได้ขนาดนี้ ง่ายดีนี่หว่า งั้นปล้นเป็น ๑๕% มันซะเลย!

ก็มักง่ายได้ แต่ผมก็เห็นด้วย ไม่ขัดที่จะเพิ่ม VAT แต่ไม่ใช่พรวดเดียวเพิ่มร้อยกว่าเปอร์เซ็นต์

อยากให้พวกคลังเข้าเครื่อง MRI ดูบ้างว่า….
“มีสมองซักกี่เปอร์เซ็นต์ในด้านค้นคิดวิธีการจัดเก็บรายได้ให้รัดกุม-ทั่วถึงและสุจริต “มากกว่านี้!?

โลกยุคนี้ ร้อยละ ๙๙ ข้อมูลธุรกิจการค้าและบุคคลอยู่ในระบบ “ไอที” หมด

แต่คลังคงถนัดระบบ “ไอทึ่ม” กระมัง อะไรที่ง่ายและเคยได้ เคยเป็นอยู่แบบไหน ก็ให้เป็นอยู่แบบนั้น!

VAT น่ะ ใคร “กินมาก-ใช้มาก” ก็จ่ายมาก ไม่กิน-ไม่ใช้ ก็ไม่ต้องจ่าย การท่องเที่ยวของเรา เป็นอุตสาหกรรมหลัก
ยิ่งไทยขึ้นชื่อ “เมืองบริโภคนิยม” มีให้กินตลอด ๒๔ ชั่วโมง
รายได้จาก VAT จึงมาอันดับ ๑!

แต่ผมบอกขุนคลังให้เรื่อง รู้มั้ย ทุกวันนี้ การจับจ่ายใช้สอยในเมืองไทย นอกจากเสีย VAT ๗% ให้รัฐแล้ว
ยังต้องเสีย VAT อีกไม่ต่ำกว่า ๑๕% ให้สถานบริการ เช่น โรงแรม ร้านอาหาร ที่เรียก Service Charge อีกด้วย

สรุปแล้ว กินอาหารมื้อหนึ่ง ต้องจ่ายทั้ง VAT รัฐ VAT ราษฎร์ รวมแล้วร่วม ๓๐% !

สถานบริการ ร้านอาหาร ภัตตาคารต่างๆ Service Charge ไปกินฟรี ๑๕% มากกว่า VAT กว่าเท่าตัว

คิดูซิ VAT ๗% ยังได้ตั้งปีละกว่า ๙ แสนล้านบาท
แล้ว Service Charge ที่สถานบริการ ร้านอาหาร -ภัตตาคาร สถานบันเทิง โรงแรม เก็บไปกินเองเป็น “ภาษีเถื่อน”
ไม่ตกปีละเป็น “แสนล้านบาท” หรือ?

คลังได้ ๑๕% จาก ๑๕% เป็นภาษีเข้ารัฐหรือเปล่า?

เห็นมั้ย… “รูว่าง-ช่องโหว่” ที่คลังรู้ แต่มองข้ามเยอะแยะ ไม่ไปกวดขัน อย่างพวกเงินบัญชีม้า เงินพวกบอสขายสินค้ากลวงๆ รวมแล้วเป็นหมื่นๆ ล้าน

อายัดแล้ว “ระบบภาษี” ต้องเข้าไปก่อนเลย ยึด-ไม่ยึดเข้าหลวงเป็นอีกเรื่อง แต่เรื่องภาษีต้อง “เด็ดยอด” มาก่อนเลย

สรุป………
VAT น่ะ เพิ่มเลย แต่ไม่ใช่รัฐบาลนี้ เพราะไม่มีความน่าเชื่อถือว่าเพิ่มแล้วจะเข้านโยบาย “โกงเอามาแบ่งกัน” ตามระบอบทักษิณหรือเปล่า?

“คลัง” กวดขันการจัดเก็บรายได้ให้ “ทั่วถึง-รัดกุม-สุจริต-โปร่งใส” เพิ่มปี ๑๐% ซะก่อน

และ จีดีพี โตให้ได้ปีละ ๕-๗% ซะก่อน แล้วค่อยมาพูดเพิ่ม VAT ๑๐%!

เปลว สีเงิน
๖ ธันวาคม ๒๕๖๗

Line Open Chat *เพิ่มช่องทางการรับข่าวสาร จากเว็บไซต์ *อ่านคอลัมน์ เปลว สีเงิน ก่อนใคร *ส่งตรงถึงมือทุกคืน *เปิดกว้างเพื่อแฟนคอลัมน์พูดคุยแบบกันเอง ทุกเรื่องราว ข่าวสารบ้านเมือง สังคม ฯลฯ
Written By
More from plew
เมื่อคืนของ “ประธานชวน”
เปลว สีเงิน สส.เพื่อไทย “กรีดเลือดในสภา” ประกอบฉากไล่ให้นายกฯ ลาออกเย็นวาน (๒๗ ตค.๖๓) นั้น ไม่น่าเจ็บตัวเปล่านะ! เพราะฉากนั้น “ยึดพื้นที่ข่าว”...
Read More
0 replies on “รัฐบาล (ไม่ใช่) บริษัทชิน #เปลวสีเงิน”