เจาะเวลาหาอดีต-เปลว สีเงิน

เปลว สีเงิน

“ชัชชาติ” ชนะ
แต่คนดีใจออกนอกหน้า กลับเป็น ๒ พ่อ-ลูก “ทักษิณ-อุ๊งอิ๊ง” หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ที่ใหญ่กว่าหัวหน้าพรรค
ตัวลูกรีบเคลมชนิดไม่กลัวชัชชาติเขิน
เปลี่ยนสโลแกนพรรคจาก “พรุ่งนี้เพื่อไทย” เป็น “วันนี้เพื่อไทย” ทันที!

ตัวพ่อโขมงโฉงเฉง เลือกตั้งใหญ่ ฝ่ายประชาธิปไตยเผาเมือง “แลนด์ไสลด์” เหมือนเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.แน่ๆ

ก็ตามสบายเถอะพ่อคุณ…..
ไม่มีใครเขาขัดคอหรอก เพื่อไทยได้ทั้งผู้ว่าฯ ได้ทั้งสก.ตั้ง ๒๐ เขต ในจำนวนเต็ม ๕๐ เขต แถมก้าวไกล “พรรคต้อยติ่ง” เพื่อไทย ยังได้มาอีกตั้ง ๑๔ เขต

เป็นอันว่า “สภากรุงเทพมหานคร” เสียงข้างมาก “เบ็ดเสร็จ” ระบอบทักษิณ ก็ถูกต้องแล้วที่อุ๊งอิ๊งเปลี่ยนสโลแกนเป็น “วันนี้เพื่อไทย”!

ด้วยคะแนนกว่า ๑.๓ ล้าน ในขณะที่อันดับ ๒-๓-๔ แค่ ๒ แสนกว่า ก็ไม่มีอะไรต้องโต้แย้งในประเด็น
“แลนด์สไลด์”!

คนชนะมีสิทธิ์คุย และจะคุย จะพูดอะไร แบบไหน มันก็น่ารัก น่าฟังไปทั้งหมดแหละ

เห็นนายกฯประยุทธ์ “แสดงความยินดี” กับว่าที่ผู้ว่าฯชัชชาติ บอกพร้อมร่วมมือพัฒนากรุงเทพฯ ด้วยกัน
ก็หวังว่านโยบายหลักและนโยบายเสริม ๒๑๔ เรื่อง ที่ชัชชาติให้สัญญาคนกรุงเทพฯ ผู้แข็งแกร่งในปฐพีคงทำได้นะ

คนในเวทีแข่งขัน เมื่อจบ “เขาก็จบ”
มีแต่กองเชียร์ “ถือข้าง-ถือฝ่าย” เท่านั้น ไม่ยอมจบ โดยเฉพาะกองเชียร์ฝ่ายตรงข้ามชัชชาติ

เมื่อแพ้ ไม่รู้จะระบายใส่ใคร ก็โครมไปที่นายกฯ ทั้งโทษ-ทั้งด่ารัฐบาล และ ๓ ป.

นายกฯ ตกที่นั่ง “กระโถนประเทศ” อยู่แล้ว ก็เสมอภาคดีรองรับการด่า ทั้งมิตร-ทั้งศัตรู สองรูหูนายกฯ เต็มไปตั้งนานแล้ว

การแบ่งข้าง-แบ่งฝ่ายเชียร์ เป็นธรรมดา เมื่อจบแล้ว ก็อย่าเอาผลนั้น มาเป็นจริงจัง เหมือนชาตินี้ จะต้องขนานกันไป จะอยู่ร่วมเป็นหนึ่งในสังคมชาติเดียวกันไม่ได้
อย่าต้องไปถึงขนาดนั้นเลย!

ด้วยคะแนนชัชชาติ “แลนด์สไลด์” และด้วยสก.เพื่อไทย+ก้าวไกล ๓๔ ที่นั่ง ก็แค่การเมือง “เฉพาะกาล” หรอก อย่าทึกทักตายตัวกันไป

ปล่อยให้ทักษิณได้คุยโม้เต็มปาก-เต็มคำบ้างเถอะ ไม่ให้เขาโม้ตอนนี้ แล้วจะให้เขาไปโม้ตอนไหนล่ะ หือ?

ทักษิณบอกคนเบื่อรัฐบาล เบื่อประยุทธ์ ๘ ปีล้มเหลว ทำประเทศยากจน ประชาชนอดอยาก ก็พล่ามไป

เลือกตั้งครั้งหน้า ๓ ป.ไปไม่กลับ หลับไม่ตื่น เพื่อไทยฟื้นแบบแลนด์สไลด์ ตรงนี้ มีเปอร์เซนต์เป็นไปได้

เพราะถ้าดูทรง “พลังประชารัฐ” ภายใต้บริหารเบ็ดเสร็จของลุงป้อมขณะนี้

อย่าว่าแต่ทักษิณฟันธงเลย กระทั่งในพลังประชารัฐเองก็เถอะ ก็แอบคิด ด้วยอิดหนาระอาใจ กับความ “เละ” ภายใน

๔ ปีที่แล้ว เลือกพลังประชารัฐเพราะ “เชื่อ-ศรัทธา” พลเอกประยุทธ์ แต่พอได้อำนาจไป กลับยกอำนาจให้ลุงป้อมที่ใครอยู่ใกล้พูดอะไรก็เชื่อหมดบริหารพรรค

ผลจึงเป็นอย่างที่เห็น…….

ทะเลาะกัน แตกกัน แก่งแย่ง-แบ่งฝ่ายกัน หาความเป็นเอกภาพในพรรคไม่ได้เลย

สร้างความเอือมระอา เบื่อหนาย รำคาญ ให้ทั้งกับคนในพรรคและคนนอกพรรคที่เลือกพลังประชารัฐ
ลุงป้อม “ยึดพรรค” เบ็ดเสร็จไปแล้ว
ส่วนพลเอกประยุทธ์เป็น “นายกฯ ตีนลอย” สั่งการอะไรลูกพรรคไม่ได้!

สมมติพลังประชารัฐเป็นวัดๆ หนึ่ง คนมาทำบุญตักบาตรเพราะเขาศรัทธาลุงตู่ที่เป็นเจ้าอาวาส แต่ปรากฏว่า “หลวงตาป้อม” ยึดอำนาจภายในวัดไป

ลุงตู่เกรงใจหลวงตาป้อม
ก็ปล่อยให้หลวงตาป้อมว่าการงานในวัด ด้วยหลวงตาป้อมหูเบา ชอบคนเจ๊าะแจ๊ะเอาใจ ผลคือพรรคแตก แยกก๊ก-แยกฝ่าย ลุงตู่ก็ได้แต่ตาปริบๆ

ชาวบ้านเลยรำคาญไม่อยากทำบุญใส่บาตรกับพระวัดนี้อีก และอีกอย่างทำบุญไป ก็จะตกอยู่กับหลวงตาป้อม ไม่ถึงปาก-ถึงท้องลุงตู่

ฉะนั้น “เปลี่ยนวัด” ทำบุญซะเลย!
เพื่อให้หลวงตาป้อม-พระลูกวัดพลังประชารัฐได้สำนึก ว่าที่คนมาขึ้นวัดพลังประชารัฐคึ่กๆ เมื่อ ๔ ปีก่อนนั้น

เขาศรัทธาลุงตู่ จึงมาทำบุญใส่บาตรกันตะหาก
ไม่ได้มาเพราะศรัทธาหลวงตาป้อมแต่อย่างใด!

ฉะนั้น วัดอยู่ด้วยศรัทธา ชาวบ้านจึงมาทำบุญ พรรคก็เช่นกัน ด้วยศรัทธา ประชาชนจึงมาหย่อนบัตรเลือก

ด้วยนิยามนี้……..
ถ้าต้องการเดินต่อในเส้นทางการเมืองระบบเลือกตั้งหลวงตาป้อมกับลุงตู่ ต้องทำความชัดเจนในทิศทางนำพรรค เพื่อผู้ศรัทธาจะได้รู้ทิศทางและเดินตามด้วยมั่นใจ

ไม่ใช่ปล่อยให้อึมครึมและคาดเดากันเอาเองเปะปะ ดังเช่นกรณี การเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.และสก.เป็นตัวอย่าง

จะสู้ต่อ ก็บอกกันตรงๆไปเลย
หรือจะพอแล้ว หมดเทอมไม่ไปต่อ ยกให้ลุงป้อม ก็บอกให้ชัดไปเลย

ถึงตอนนี้แล้ว จะครึ่งๆ กลางๆ มีแต่เสีย ไม่มีได้ หรือจะบอกว่าเล่น-ไม่เล่นการเมือง มันก็ไร้ประโยชน์
เพราะที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ ลงไปในบ่อโคลนการเมือง “เต็มตัว” มาตั้ง ๘ ปีแล้ว

ลุงตู่ชัดเจน คนที่ศรัทธาก็จะชัดเจน

แต่ถ้า “ครึ่งป้อม-ครึ่งตู่” ที่ชัดเจน ก็จะเอนออก!

ผมไม่ได้หมายถึง ๓ ป.ต้องให้เหลือป.เดียว หรือ ๒ ป.

แต่ผมหมายถึงว่า คนที่ศรัทธาลุงตู่ ต้องการให้ลุงตู่ “เกรงใจประชาชน” ที่เลือกลุงเป็นนายกฯ ให้มากกว่าลุง “เกรงใจ” พี่ป้อม

นั่นคือ ถ้าจะสู้ในเลือกตั้งเทอมหน้า
ต้องส่งสัญญานให้ชัด…..

“ลุงตู่” คือแม่ทัพนำหน้าพรรคพลังประชารัฐออกศึก
ไม่ใช่ลุงป้อม…..

ซึ่งวัยท่านและประสบการณ์ท่าน เหมาะให้ท่านเป็นแม่ทัพ “คลับเฮาส์” สัประยุทธ์กับทักษิณทางหน้าจอ
รับรองแฟนติดตามตรึม ยึดพื้นที่ข่าวรายวันได้ชนิดติดแฮชแท็ก!

ดูทีม “วอลเลย์บอลหญิง” ไทยเราเป็นตัวอย่าง ผู้บริหารสโมสร เขาค่อยๆ “ถ่ายเลือด” จาก ๗ เซียนตัวแม่ สู่ตัวลูกรุ่นใหม่ มันสมูธ ราบรื่นชนิดแฟนๆ ไม่รู้สึกถึงการเปลี่ยนถ่ายเลย

ตอนนี้ ทีมวอลเลย์บอลหญิงไทย ที่คว้าเหรียญทองซีเกมส์มาหมาดๆ อยู่ในสถานะ “๗ เซียนสาว” รุ่นใหม่
สืบต่อ “๗ เซียนในตำนานวอลเลย์บอลหญิงไทย” ได้ชนิด “ไร้รอยต่อ-ทอเต็มผืน” งดงามจริงๆ

พลังประชารัฐก็เหมือนกัน……
คนมีคุณภาพ-มีประสบการณ์ทั้งในพรรค-นอกพรรคที่อยากเข้าร่วมทำงานกับนายกฯ ประยุทธ์ มีเยอะแยะ
แต่เขาไม่แน่ใจในตัวนำพรรค

ไม่ได้รังเกียจลุงป้อม แต่อยากเห็นความชัดเจนในการนำพรรคจาก “พลเอกประยุทธ์”!

นี่ผมสะท้อน “ทิศทางประชาชน” ให้ทราบ ไม่ได้มาพูดเพื่อให้ ๓ ป.แตกแยก ฟังแล้วอาจไม่ชอบใจ
ก็ไม่เป็นไร

เพราะผมก็ไม่เคยได้ยินใครบอกว่าชอบบรเพ็ด แต่เป็นไข้ ร้อนใน กระทั่งฝีดาษลิงที่กำลังระบาดตอนนี้ มีแต่บรเพ็ดเท่านั้นที่ กินปุ๊บ หายปั๊บ!

“นวัตกรรมเปลี่ยนโลก” ที่พูดๆ กัน ทิศทางมันก็ไปทางนั้น แม้กระทั่งการเมืองก็เช่นกัน ประเด็นสำคัญอยู่ตรงว่า
“เราต้องเปลี่ยนมัน ก่อนที่มันจะเปลี่ยนเรา”

หรือ “เราจะให้มันทำลายเราก่อน จนเราตกอยู่ในภาวะจำยอม แล้วค่อยตามเขาไป”!?
เป็นธรรมชาติมนุษย์และสัตว์ “ผู้ตาม” มีมากกว่า “ผู้นำ”

ดังนั้น เมื่อใครสำแดง “ภาวะผู้นำ” ชัดเจน
“ผู้ตาม” จะไม่สนใจ “ความดี-ความเลว” พร้อมที่จะเป็นฝูงเดินตามด้วยความคิดเดียว
“ผู้นำจะทำให้รอด”
และนำไปสู่ “ทุ่งหญ้าเขียวขจี” มีแอ่งน้ำใหญ่ให้นอนแช่และดื่มกิน!

“มนุษย์และสัตว์” จะใช้สัญชาติญานมากกว่าความคิดใคร่ครวญ มันเป็นเช่นนี้ นับแต่โลกใบนี้มีมนุษย์และสัตว์มาแล้ว มิใช่เพิ่งมี

ฉะนั้น ความชัดเจนในการกำหนดทิศนำทางของผู้นำ เป็นสิ่งจำเป็นและสำคัญมาก

อย่างทักษิณ เขาชี้เปรี้ยงไปเลย “แลนด์สไลด์”
ทิศทางที่จะไปสู่ เขาส่งสัญญานว่า “วันนี้เป็นของตู่ พรุ่งนี้ เป็นของกู-เพื่อไทย”

แต่พอชัชชาติแลนด์สไลด์ ขยับเป้า ให้ลูกสาวประกาศทันใด จากพรุ่งนี้ เป็น “วันนี้เพื่อไทย” ไม่ใช่ของตู่แล้ว!

ประเด็นน่าสังเกต คือ
เป้าหมายของมนุษย์ทุกคน มุ่งสู่อนาคต คือกาลข้างหน้า

แต่เพื่อไทยของทักษิณ…แปลก
จากเดิม “พรุ่งนี้ เพื่อไทย” หมายถึงเดินหน้ามุ่งสู่อนาคต
แต่กลับย้อนกลับที่เดิม คือ “วันนี้ เพื่อไทย” อีก

ก็เป็นนิมิตหมายว่า…….
ขั้นต่อไปของพรรคเพื่อไทย จากวันนี้ ขั้นต่อไป จะย้อนถอยกลับไปเมื่อวานนี้ คือย้อนกลับคืนอดีต เป็น “วานนี้ เพื่อไทย”

วานนี้ ที่ต้องเร่ร่อนไปเป็นสัมภเวสีอยู่ต่างแดน ทั้ง “พ่อแม้วและอาปู”
แล้วก็ “หนูด้วย” ที่จะต้องตามไป!?


Written By
More from plew
พรรคเพื่อไทย “บรรลุแล้ว” #เปลวสีเงิน
เปลว สีเงิน เต็ม ๑๐ ผมให้ ๙ ในวิชา “อ่านไทย” จากการอ่านแถลง “นโยบายรัฐบาล” มีกิน มีใช้...
Read More
0 replies on “เจาะเวลาหาอดีต-เปลว สีเงิน”