รัฐบาลถังแตก? #ผักกาดหอม

ผักกาดหอม

ตกใจกันทั้งประเทศ…!

วันอังคาร (๓ ธันวาคม) ที่ผ่านมา “พิชัย ชุณหวชิร” รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ไปพูดในงาน Sustainability Forum 2025: Synergizing for Driving Business กล่าวในหัวข้อ “Financial Policies for Sustainable Economy” แนวทางในการปรับปรุงการจัดเก็บภาษีเพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ ๓ ข้อ

๑.ภาษีเงินได้นิติบุคคล ซึ่งที่ผ่านมามีการพิจารณา Global Minimum Tax (GMT) ที่ทำให้มีการปรับภาษีเงินได้นิติบุคคลของแต่ละประเทศ โดยไทยจะศึกษาการจัดเก็บจาก ๒๐% เป็น ๑๕%

๒.ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ซึ่งจะมีการศึกษาเพื่อจูงใจการทำงานในประเทศไทย อาจมีการพิจารณาจาก ๓๕% เหลือ ๑๕%

๓.ภาษีมูลค่าเพิ่ม (แวต) หรือภาษีบริโภค โดยทั่วโลกมีการเก็บระหว่าง ๑๕-๒๕% ในขณะที่ไทยเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มเพียง ๗% จากอัตราที่กำหนดไว้ ๑๐% ส่วนสิงคโปร์จัดเก็บที่ ๙% และประเทศในยุโรปมีการจัดเก็บที่ ๒๐%

“…การเก็บภาษีสูงหรือต่ำจะต้องพิจารณาให้ดีในแง่ของนโยบายการจัดเก็บภาษีของรัฐ ผมคิดเรื่องนี้ทุกคืน ซึ่งลำดับแรกจะต้องทำให้คนเข้าใจก่อน หากไม่เข้าใจแล้ว ผมจะอยู่รอดถึงวันไหนนะ…”

คำพูดของ “พิชัย” จากเว็บไซต์กรุงเทพธุรกิจ

ก็นับว่ารัฐมนตรีคลังยังมีความรับผิดชอบต่อประเทศที่พยายามคิดหาเงินมาเติมในงบประมาณแผ่นดินทุกคืน

แต่ก็เป็นความรับผิดชอบบนความล้มเหลวในการบริหารการเงินการคลังของประเทศ

ควรจะบอกกับประชาชนตรงๆ ครับ หากไม่รีดภาษีเพิ่ม รัฐบาลถังแตกแน่นอน

อาจจะเถียงว่ารีดเพิ่มได้ไง ในเมื่อ ข้อ ๑ และ ๒ เป็นการลดจัดเก็บภาษี

ก็ใช่ครับ

แต่ไปดูข้อ ๓ เก็บแวตเพิ่ม ๑๐ หรือ ๑๕% เท่าไหร่ยังไม่ทราบ เพราะเป็นการโยนหินถามทาง นี่มันขูดภาษีจากประชาชนทุกคนในประเทศไทย

มหาศาลขนาดไหนล่ะครับ

ไอ้ที่ลดภาษีนิติบุคคล และบุคคลธรรมดา มันจิ๊บๆ ไปเลย

เล่นกลชัดๆ

ยอดการยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาปี ๒๕๖๖ มีจำนวนประมาณ ๑๑.๕๒ ล้านรายเท่านั้น

หมายความว่าประชาชน ๗๐ ล้านคน เสียภาษีบุคคลธรรมดาเพียง ๑๑.๕๒ ล้านคน

ลดจาก ๓๕% เหลือ ๑๕% มันหายไปไม่เท่าไหร่หรอกครับ

แถมยังเป็นการอุ้มคนรวยอีกต่างหาก

ของเดิมเสียภาษีเป็นขั้นบันได มันเป็นความเสมอภาคในการเสียภาษีอยู่แล้ว

รวยมาก ใช้ทรัพยากรของประเทศมาก ก็ต้องจ่ายภาษีมาก

รวยน้อยลงมาก็จ่ายน้อยกว่า

คนจนรายได้ไม่ถึงเกณฑ์ก็ไม่ต้องจ่าย

แบบนี้มันดีอยู่แล้ว

แล้วจะไปลดทำไม

เหตุผลก็ไม่มีอะไรมากครับ รัฐบาลต้องการหาเงิน เพราะผลาญไปกับนโยบายประชานิยมเยอะ ไม่ขึ้นก็ต้องกู้เพิ่ม

แต่สถานการณ์การกู้เพิ่มมันก็เริ่มยาก เพราะมีโอกาสเลยเพดาน มันจึงมาลงที่การเก็บภาษี

เก็บแวต ๑๐ หรือ ๑๕% อยู่ในความคิดของหลายรัฐบาล แต่ทำไม่ได้ เพราะกลัวเสียคะแนนนิยม เนื่องจากประชาชนต้องรับภาระเพิ่ม

รัฐบาลนี้จึงมีแนวคิดยื่้นหมูยื่นแมว ใช้การลดภาษีนิติบุคคล และบุคคลธรรมดามาล่อ เพื่อเพิ่มแวต และหวังว่าจะไม่มีการต่อต้านเยอะ

มาดูกันว่ารายได้รัฐมาจากภาษีตัวไหนบ้าง

การจัดเก็บรายได้รัฐบาลในปีงบประมาณ ๒๕๖๗ ได้สุทธิ ๒,๗๙๒,๘๗๒ ล้านบาท

รายได้หลักๆ มาจากการจัดเก็บภาษีของกรมสรรพากร จำนวน ๒,๒๖๘,๑๒๑ ล้านบาท

คิดเป็น ๖๘.๑๐%

รองลงมาคือ กรมสรรพสามิต ๕๒๓,๗๔๒ ล้านบาท

คิดเป็น ๑๕.๗๒%

หน่วยงานอื่น ๔๒๑,๐๔๖ ล้านบาท

คิดเป็น ๑๒.๖๔%

และกรมศุลกากร ๑๑๗,๙๔๙ ล้านบาท

คิดเป็น ๓.๕๔%

กรมสรรพากรคือแกนหลัก

การจัดเก็บรายได้ของกรมสรรพากรในปีงบประมาณ ๒๕๖๗ นั้นมากสุดอยู่ที่ แวต

ไม่มากไม่น้อยครับ ๙๔๗,๒๗๖ ล้านบาทเท่านั้นเอง

รองลงมาเป็นภาษีเงินได้นิติบุคคล ๗๘๓,๐๙๖ ล้านบาท

ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ๔๑๕,๐๓๖ ล้านบาท

ภาษีธุรกิจเฉพาะ ๖๙,๐๕๘ ล้านบาท

หากเก็บแวตเพิ่มเป็น ๑๕% ก็เท่ากับเพิ่มอีก ๑ เท่าตัว

เกือบ ๒ ล้านล้านบาทเชียวนะครับ

มันถึงหอมหวนไงครับ

แล้วเป็นแนวคิดใครกันแน่ “พิชัย ชุณหวชิร” ไปนอนคิดทุกคืนจริงหรือเปล่า

จำได้หรือเปล่า วันที่ ๒๒ สิงหาคม ที่ผ่านมา “ทักษิณ ชินวัตร” ขึ้นเวที Dinner Talk : Vision for Thailand 2024 จัดโดยเครือเนชั่น เป็นการขึ้นเวทีปาฐกถาครั้งแรกในประเทศไทยหลังหนีคุกไป ๑๗ ปี

วันนั้น “ทักษิณ” พูดเรื่องปฏิรูปภาษีเอาไว้

“…อยากให้มีการปรับภาษีให้เป็นธรรมและแข่งขันได้ เพื่อให้ประเทศไทยลดภาษีลงเพื่อให้คนมาอยู่มากขึ้น แต่เราจะเสียรายได้บางส่วน…”

“…แต่ในเรื่องนี้ถ้าเราจะขึ้นแวตหรือไม่ เพราะรายได้ลดลง โดยแวตต้องเอามาคืนได้มากขึ้น ซึ่งมาสู่เรื่อง Negative Income Tax คนรายได้น้อยไม่เสียภาษี และคนที่มีรายได้สูงจะเสียภาษีอย่างเป็นธรรม…”

ก็…ตามนั่นแหละครับ

ลดภาษีบางตัว เพื่อไปเพิ่มแวต

เล่นกลหลอกประชาชน

“ทักษิณคิดเพื่อไทยทำ” ของแท้

ครับ…มีความจำเป็นที่รัฐบาลต้องหารายได้เพิ่ม เรื่องนี้ยอมรับกันได้ แต่วิธีการที่เอื้อต่อคนรวย เมื่อไหร่จะเลิกเสียที

และประเด็นสำคัญ รัฐบาลใช้เงินงบประมาณอย่างสมเหตุสมผลหรือยัง

๔ แสนกว่าล้าน แทนที่รัฐบาลจะใช้ไปกับการลงทุนภาครัฐ แต่กลับเอาไปแจกชาวบ้านเพื่อโกยคะแนนนิยมให้ตัวเอง

แบบนี้รีดภาษีเพิ่ม สตางค์แดงเดียวก็ไม่ควรจะให้ครับ

Written By
More from pp
ปราบ “หมูเถี่อน” ต้องบูรณาการ สุขภาพคน-สุขภาพสัตว์-กลไกตลาด เป็นหนึ่งเดียว – พบพระ เกศสุข ที่ปรึกษาด้านปศุสัตว์
ตลอดปี 2565 เป็นปีแห่งการเรียนรู้และสั่งสมประสบการณ์ของอุตสาหกรรมสุกรไทย หลังเผชิญโรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกร (African Swine Fever : ASF) ซึ่งเป็นโรคไวรัสที่ติดต่อร้ายแรงในสุกรแพร่กระจายในภูมิภาคต่างๆ ทั่วโลก และระบาดในโลกนี้มาแล้วเป็นเวลา...
Read More
0 replies on “รัฐบาลถังแตก? #ผักกาดหอม”