สันต์ สะตอแมน
วอ เวลานอ อีกไม่เท่าไรแล้วนะ!
อะไรนะหรือ? ก็ปีใหม่ไง ตะคุ่มๆ รอเคาท์ดาวน์อยู่นั่นน่ะ ก็หมายถึงว่า เวลาของการเฉลิมฉลองอวยพรกันไป-มา ให้เบิกบานสำราญใจ มีโชคมีลาภร่ำรวยๆ ใกล้เข้ามาอีกแล้ว
บางคนก็ว่า โอ้ย! อีกนาน ตั้งสองเดือนกว่า แต่คุณป้าขายของที่ตลาดซึ่งผมเป็นขาประจำ “ขนมบ้าบิ่น” แกกลับมองว่า..
เวลาเดี๋ยวนี้ไวจะตาย เผลอแผล็บหมดวัน สิ้นเดือนอีกแล้ว อย่างปีใหม่นี้ยังรู้สึกเหมือนกับว่าเพิ่งผ่านการเฉลิมฉลองกันมาไม่ทันไรเอง
นี่..ก็ใกล้ย่างเข้าเดือนพฤศจิกาแล้ว ที่อวยพรกันให้ร่ำให้รวยถูกหงหวยเมื่อช่วงส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ จนป่านนี้..ตั้งแต่ต้นปีมาเนี่ย ดูซี ยังไม่ถูกซักงวดเลย!
โชคดี ไม่ได้ซื้อ งวดที่แล้วได้แต่ลองเก็งว่า ถ้าซื้อจะถูกไม่ถูก แล้วมันก็ไม่ถูก เห็นมั้ยล่ะ รอดตัวไม่งั้นโดนหวยแดก ถ้าหลงเชื่อคำพร
ไปจริงจังอะไร มันก็เป็นเพียงประเพณีปฏิบัติสืบกันมา อวยพงอวยพรกันก็เพื่อความสุขทางใจทั้งผู้ที่อวยพรและผู้ที่รับพร
ส่วนจะถูกหวย หรือสุขภาพดี มีความสุขนั้น มันสุดแต่วาสนาของใคร-ของมัน และการหมั่นดูแลตัวเองของแต่ละคน..
ไอ้ที่ทำชั่วแล้วรวยอย่างเป็นข่าวในขณะนี้น่ะ อิจฉาได้ แต่เห็นมั้ยล่ะจ่อคุกเป็นพวงปลาหลังเขียวเลย!
ป้าขายขนมบ้าบิ่นบอกตบท้ายว่า รวยน่ะใครๆ ก็อยากรวยแหละ แต่ให้มันถูกทำนองคลองธรรม
รวยแบบไม่มีศีลไม่มีธรรมก็ขอให้รู้ว่า กรรมมีจริงนะ ไม่งั้นพระพุทธเจ้าไม่บอกหรอกว่า เงินทองเนี่ยมันเป็นงูพิษ ป้าพูดงี้เล่นเอาถึงกับจึ้งไปเลย!
กลับถึงบ้านผมก็เลยลองเปิดหาในกูเกิ้ลที่พระศาสดาทรงกล่าวว่า เงินเหมือนงูพิษ แล้วก็มีจริงๆด้วย แต่ผมจะไม่เล่าละ(ยาว)
หากมีท่านที่อยากจะรู้ความเป็นมาอย่างไร ก็ตามนี้เลย..เรื่องเงินเป็นเหมือนอสรพิษอรรถกถา ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท พาลวรรคที่ ๕ หาอ่านเอาเองเถอะ!
ผมเองอ่านจบ ภาพจากคลิปที่กระจายตามโซเชี่ยล ก็ผุดขึ้นมาให้เห็นยังกะนิมิตในทันทีทันใด..พระคุณเจ้า เทศน์ชื่นชมพ่อหนุ่มหน้าใสว่า..
“ลูกจงทำอาชีพที่เห็นเงินซีลูก เป็นนักขายซีลูก หน่วยก้านอย่างหนูนะ ไปหาคอร์สดีๆ ฝึก แล้วลงทุนในเวลาแล้วหนูจะเก่ง …ลูกเป็นคนสู้ชีวิต”
“สอนหนู 10 ชั่วโมงเลย เพราะหนูอยากรวยเลยพรุ่งนี้”.. “พระอาจารย์บอกลูกเอ้ย ทำอย่างนั้นก็ดิไอคอนแล้ว”
คำถามแรกในใจเมื่อดูคลิปพระคุณเจ้าสอนลูกศิษย์เรื่องอยากรวย ท่านสอนเหมาะสมมััย ? ตอบ ดูไม่ค่อยจะเหมาะสมนัก เข้าข่ายอาบัติมั้ย? เออ..ไม่น่าถึงขนาดอาบัติหรอกมั๊ง?
จากที่เคยได้ยินทรงๆ-ทำนองนี้ ก็แค่ทำให้ศีลด่างพร้อย ส่วนจะด่างพร้อยประมาณไหนอย่างไร นี่คงต้องให้ระดับเปรียญธรรมเก้าประโยคเขาพิจารณาแล้วล่ะ!
ผมน่ะแค่อุบาสกใบลานเปล่ายังห่างไกล แต่การชักนำเนี่ย มีการชักนำแน่นอน คำแนะนำก็โน้มไปข้างบอกคนให้ไปขึ้นผิดท่า(น้ำ) ที่เรียกว่า เดียรถีย์ ไม่ใช่ทางของพระศาสดา
ถ้าอยากชี้แนะธรรมของพระศาสดาเกี่ยวกับสัมมาอาชีวะ ก็เห็นจะมีมากพอให้สอนอยู่ทำไมไม่เลือกมาชี้แนะ โดยไม่ต้องชักชวนชื่นชมให้ต้องถึงกับโดนแจ้งความ
และเห็นที ต่อไปใครนิมนต์ไปว่าไปกล่าวอะไร พระอาจารย์ก็ต้องโยนิโสมนสิการให้จงหนักเพราะไม่มีความร่ำรวยที่ไหนที่ไม่เกิดจากการเอารัดเอาเปรียบ
ใครไม่ทราบกล่าวหาว่า คนที่มั่งคั่งร่ำรวยที่สุดในโลก เอามาแค่ 81 คน รวมความมั่งคั่งของพวกเขาเข้าด้วยกัน ยังมากกว่าคนที่จนที่สุดในโลก 4 พันล้านคนเลย
แล้วคนที่มั่งคั่งเหล่านั้น ลองเลือกมาสักคนสิ ที่ไม่ได้ร่ำรวยมาจากการเอารัด-เอาเปรียบ หรือเอาที่ใกล้ๆตัวในบ้านเรา พวกเจ้าสัว-เศรษฐี..
ใครบ้างล่ะที่ไม่เอารัดเอาเปรียบ ยิ่งนักการเมืองโคตรรวย ตัวเอาเปรียบที่สุดเลย!
อ้อ..แต่ที่เอาเปรียบกว่าเจ้าสัว-เศรษฐี ก็พวกที่รวยด้วยการโกงชาติ-ปล้นแผ่นดินไปเพื่อตัวเองและครอบครัววงศ์ตระกูล และซิกแซกเอาเงินคงคลัง ไปหว่านแจกซื้อเสียงล่วงหน้า..
ซ้ำเอาเปรียบสุดๆ..มันไม่ยอมติดคุกแม้แต่สักวันเดียว!
กระนั้น..ก็อย่างที่ป้าขายขนมบ้าบิ่นในตลาดว่า “อย่าไปอิจฉาน่ะ เห็นมั้ยล่ะ จ่อคุก ร้อยเป็นพวงปลาหลังเขียวเลยเชียว”!
ซึ่งตอนนี้ก็ดูท่าจะเป็นดั่งปากป้าว่า ด้วยกรรมได้ไล่ล่าผู้ที่เอื้อนักโทษเทวดาชั้น 14 ใกล้เข้ามาทุกขณะ จะเข้าคุกเป็นพวงปลาหลังเขียวหรือไม่..