ผักกาดหอม
เริ่มจะเข้าที่
วานนี้ (๖ กันยายน) พรรคพลังประชารัฐประชุมใหญ่สามัญประจำปี ครั้งที่ ๒/๒๕๖๗ เพื่อเลือกกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ แทนที่ก๊วนธรรมนัส ที่ลาออกไป
กระบวนการก็ว่าไปตามข้อบังคับพรรค “ลุงป้อม” ลาออกเพื่อให้กรรมการบริหารพรรคที่เหลืออยู่พ้นตำแหน่งไปทั้งหมด
จากนั้นก็เลือกขึ้นมาใหม่
กรรมการบริหารพรรคชุดใหม่จึงเป็นคนฝั่ง “ลุงป้อม” ล้วนๆ
ส่วนก๊วนธรรมนัส ขณะนี้ยังคงเป็นสมาชิกพรรคพลังประชารัฐอยู่
ต้องรักษาสถานะสมาชิกพรรคไว้ ไม่งั้นตำแหน่ง สส.จะหลุดไปด้วย เพราะไม่ได้เป็นสมาชิกพรรค
ก็…รอวันครับ
รอวันที่พรรคพลังประชารัฐจะมีมติขับออกจากพรรค
แต่ฝั่ง “ลุงป้อม” เลือกที่จะคาเอาไว้แบบนี้
มัดตราสังไว้
จะย้ายพรรคไม่ได้ ก็กล้ำกลืนกันไป
แบบนี้ฝั่ง “ธรรมนัส” เสียเปรียบครับ
อิสระในการทำงานการเมืองค่อนข้างจำกัด เป็นสมาชิกพรรคที่ตัวเองไม่สามารถเข้าไปมีส่วนร่วมได้
ขณะเดียวกันการเป็นกาฝากของอีกพรรค เสียงมันไม่ดังเท่าคนในพรรคเขา ฉะนั้นระหว่างนี้ กลุ่มธรรมนัส ก็ต้องดิ้นหาวิธีให้พรรคพลังประชารัฐขับออกจากพรรคให้ได้
แต่บอกเลย ไม่ง่าย
“ลุงป้อม” ใช้ใจบันดาลแรง เลือกแล้วที่จะคามันไว้ รอเวลาเพราะการเมืองสามารถเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา
คล้ายๆ กรณี “น้าเหลิม” ที่พรรคเพื่อไทย คาเอาไว้เช่นกัน
อ่านเกมผ่านปาก “ชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์” รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ กลุ่มธรรมนัส เหนื่อยแน่
“…พรรคพลังประชารัฐที่เกิดปัญหาในครั้งนี้มันไม่ได้เกิดจากภายในพรรคอย่างเดียว แต่เกิดจากบุคคลภายนอกพรรคที่เข้ามาครอบงำ เข้ามาสั่งการด้วย จึงทำให้เกิดปัญหา…”
“…ก็ดูจากการจัดตั้งรัฐบาลที่มีบุคคลภายนอกเข้ามาสั่งการ ครอบงำ มีการสร้างเงื่อนไขให้เกิดความแตกแยกในพรรค ถ้าภาษาการเมืองเขาเรียกว่าดูด หรืองูเห่า แบบนี้มันไม่ใช่ลูกผู้ชาย มันไม่ใช่กระบวนการทางการเมืองแบบตรงไปตรงมา ซึ่งทำให้เกิดปัญหากับพรรคพลังประชารัฐ แต่เรื่องนี้ผ่านไปแล้วไม่อยากพูดถึง ตอนนี้เราเดินหน้าทำงานต่อไป…”
ประเด็นการขับกลุ่มธรรมนัสพ้นพรรคนั้น คำตอบจาก “ชัยวุฒิ” คือ…
“…ยังไม่ถึงจุดนั้น ถ้าถึงจุดนั้นค่อยว่ากันอีกที และในพรรคเรายังไม่มีการพูดคุยถึงการขับ ไม่เป็นไร ใจเย็นๆ…”
เลือกไม่ปะทะกับกลุ่มธรรมนัส
แต่ตีแสกหน้าไปที่พรรคเพื่อไทย และ “ทักษิณ ชินวัตร”
แน่นอนครับต้องกลืนเลือดกันพอสมควร
พรรคพลังประชารัฐถูก “ทักษิณ” ริบโควตารัฐมนตรี เอาไปแจกจ่ายให้กาฝากกลุ่มธรรมนัส
ขณะที่ฝังลุงป้อม ยึดพรรคพลังประชารัฐได้เบ็ดเสร็จเด็ดขาด
การเลือกไม่ปะทะกับกลุ่มธรรมนัสคือการหวังผลระยะยาว
หวังว่า ๒๑ สส. จะมีจำนวนหนึ่งย้อนกลับพลังประชารัฐ
การปรับเปลี่ยนกรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐครั้งนี้มีประเด็นน่าสนใจอยู่ไม่น้อย
นั่นคือการกลับมาของ “อุตตม สาวนายน” และ “สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์” ๒ ใน ๔ ของกลุ่ม “๔ กุมาร”
แต่ใช่ว่าทั้งคู่เพิ่งจะกลับมา
หลังจาก “๔ กุมาร” ลาออกจากพรรคพลังประชารัฐเมื่อปี ๒๕๖๓ แบบ บัวไม่ช้ำ น้ำไม่ขุ่น ปี ๒๕๖๕ ทั้งคู่ไปตั้ง พรรคสร้างอนาคตไทย แต่ประเมินแล้วไม่น่าจะไปไหว ต้นปี ๒๕๖๖ “อุตตม-สนธิรัตน์” ก็ย้ายกลับเข้าพรรคพลังประชารัฐ
การที่ทั้งคู่ กลับเข้าสู่ตำแหน่งกรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐ คือความพยายามของ “ลุงป้อม” ที่จะฟื้นพรรคให้กลับมายิ่งใหญ่อีกครั้ง
จะกลับมาได้จริงหรือ?
เลือกตั้งปี ๒๕๖๒ พรรคพลังประชารัฐมี สส. ๑๑๖ ที่นั่ง
เลือกตั้งปี ๒๕๖๖ ลดลงมาเหลือ ๔๐ ที่นั่ง
เมื่อกลุ่มธรรมนัสถูกระบอบทักษิณดูดไป ๒๑ ที่นั่ง
ยอดลดลงเหลือ ๑๙ ที่นั่ง
แต่จำนวนใช่ว่าจะตัดสินอนาคตทั้งหมด
บนความผิดหวังในพรรคประชาธิปัตย์ ประชาชนที่ต่อสู้กับระบอบทักษิณมาอย่างต่อเนื่องยาวนานต่างมองหาพรรคการเมืองใหม่ที่พอจะฝากผีฝากไข้ได้
หันไปที่พรรคประชาชน ก็ติดเรื่องล้มเจ้า
พรรครวมไทยสร้างชาติ ยังไม่ใช่ตัวเลือกที่จะมาแทนพรรคประชาธิปัตย์
ผิดกับพรรคพลังประชารัฐหลังแยกน้ำแยกเนื้อ และการกลับมาของ “อุตตม-สนธิรัตน์” ดูพอไปวัดตอนโพล้เพล้ได้
หากพรรคพลังประชารัฐทำหน้าที่ฝ่ายค้านเทียบชั้นพรรคประชาธิปัตย์ในอดีตได้ โอกาสมาทันที
เลือกตั้งครั้งหน้าไม่สูญพันธุ์ ไม่ใช่พรรคต่ำสิบ
จะเป็นพรรคที่ตั้งขึ้นมาเพื่อรองรับรัฐบาลคณะรัฐประหารพรรคแรก ที่เดินบนเส้นทางประชาธิปไตยได้อย่างไม่อายใคร
ลบข้อครหาว่าเป็นพรรคเพื่อสืบทอดอำนาจของเผด็จการ
มีอนาคตที่แตกต่างไปจากพรรคเสรีมนังคศิลา พรรคสามัคคีธรรม พรรคมาตุภูมิ ที่ล้มหายตายจากหลังคณะรัฐประหารหมดอำนาจ
พรรคประชาธิปัตย์ทิ้งโอกาสในการกอบกู้พรรค ด้วยการไปร่วมรัฐบาลระบอบทักษิณ
เพราะการทำหน้าที่ฝ่ายค้านตรวจสอบระบอบทักษิณ คือหนทางเดียวที่พรรคประชาธิปัตย์ จะกลับไปอยู่ในจุดที่สามารถฟื้นคืนได้
ฉะนั้นพรรคพลังประชารัฐจึงควรฉวยโอกาสที่พรรคประชาธิปัตย์โยนทิ้ง สร้างศรัทธาทางการเมืองขึ้นมาใหม่
ด้วยบุคลากรที่มีอยู่แม้ไม่ง่าย แต่หากมีเจตนาที่จะตรวจสอบการบริหารประเทศของระบอบทักษิณ ก็สามารถซื้อใจประชาชนได้มากโข
สิ่งสำคัญพลาดไม่ได้ “ลุงป้อม” ต้องเข้าประชุมสภาบ่อยๆ
ลงมติร่างกฎหมายบ่อยๆ
อย่าให้เกิดภาพโหวตทีไรไร้ชื่อ “ลุงป้อม”
เพราะมันจะเกิดคำถามตามมา เป็น สส.ทำไมไม่ทำหน้าที่ในสภา
เรื่องพวกนี้แก้ไม่ยากครับ ใช้ใจบันดาลแรง อะไรก็ขวางไม่ได้
โอกาสมาแล้ว
นอกจากจะยึดมั่นในสถาบันพระมหากษัตริย์ จะปกป้องสถาบันอันเป็นที่รักยิ่ง จะทำเศรษฐกิจทันสมัย ให้ประชาชนมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ชีวิตสดใส จะทำให้พรรคของเราเข้มแข็ง ให้ประชาชนได้อยู่ดีมีสุข ตามที่ “ลุงป้อม” ประกาศแล้ว
“ลุงป้อม” ต้องตีฆ้องร้องป่าวให้หนักแน่น จะเป็นฝ่ายค้านตรวจสอบระบอบทักษิณเข้มข้น
เลือกตั้งครั้งหน้าน้อยสุดได้ สส. ๔๐ คน
แต่มีแนวโน้มจะมากกว่า ๔๐ เพราะประชาธิปัตย์ต่ำสิบ