เกินกว่าคำวินิจฉัย #ผักกาดหอม

ผักกาดหอม

จบแต่ไม่จบ

คำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญวานนี้ (๗ สิงหาคม) มีด้วยกัน ๓ ประเด็น

ประเด็นที่ ๑ มีเหตุสมควรยุบพรรคผู้ถูกร้องตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. ๒๕๖๐ มาตรา ๙๒ วรรคหนึ่ง (๑) และ (๒) หรือไม่

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติเป็นเอกฉันท์ วินิจฉัยให้ยุบพรรคผู้ถูกร้องตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. ๒๕๖๐ มาตรา ๙๒ วรรคหนึ่ง (๑) และวรรรคสอง

และมีมติโดยเสียงข้างมาก (๘ ต่อ ๑) วินิจฉัยให้ยุบพรรคผู้ถูกร้องตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. ๒๕๖๐ มาตรา ๙๒ วรรคหนึ่ง (๒) และวรรคสอง (ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญเสียงข้างน้อย คือ นายบรรจงศักดิ์ วงศ์ปราชญ์)

ประเด็นที่ ๒ คณะกรรมการบริหารพรรคผู้ถูกร้องจะถูกเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. ๒๕๖๐ มาตรา ๙๒ วรรคสอง หรือไม่ เพียงใด

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติเป็นเอกฉันท์ วินิจฉัยให้เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของคณะกรรมการบริหารพรรคผู้ถูกร้องที่ดำรงตำแหน่งอยู่ในระหว่างวันที่ ๒๕ มีนาคม ๒๕๖๔ ถึงวันที่ ๓๑ มกราคม ๒๕๖๗ ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่มีการกระทำอันเป็นเหตุให้ยุบพรรคผู้ถูกร้องตามมาตรา ๙๒ วรรคสอง มีกำหนดเวลาสิบปีนับแต่วันที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งยุบพรรคผู้ถูกร้อง

ประเด็นที่ ๓ ผู้ซึ่งเคยดำรงตำแหน่งกรรมการบริหารของพรรคผู้ถูกร้องที่ถูกยุบและถูกเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งจะไปจดทะเบียนพรรคการเมืองขึ้นใหม่ หรือเป็นกรรมการบริหารพรรคการเมืองหรือมีส่วนร่วม

ในการจัดตั้งพรรคการเมืองขึ้นใหม่อีกไม่ได้ภายในกำหนดสิบปีนับแต่วันที่พรรคผู้ถูกร้องถูกยุบตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. ๒๕๖๐ มาตรา ๙๔ วรรคสอง หรือไม่

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติเป็นเอกฉันท์ วินิจฉัยว่า ห้ามมิให้ผู้ซึ่งเคยดำรงตำแหน่งกรรมการบริหารของพรรคผู้ถูกร้องไปจดทะเบียนพรรคการเมืองขึ้นใหม่ หรือเป็นกรรมการบริหารพรรคการเมืองหรือมีส่วนร่วม ในการจัดตั้งพรรคการเมืองขึ้นใหม่อีก ภายในกำหนดสิบปีนับแต่วันที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งยุบพรรคผู้ถูกร้อง ตามมาตรา ๙๔ วรรคสอง

สิ้นคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ พรรคก้าวไกลปล่อยคลิปปลุกระดม ผ่านเพจของพรรคในทันที

จั่วหัว “ข้าไม่ตาย!”

“…ในโลกนี้มีบางอย่าง ที่ไม่อาจถูกทำลาย ไม่สูญสลาย มีแต่จะเติบโตต่อไปไม่หยุดยั้ง การเดินทางครั้งใหม่เริ่มขึ้นแล้ว เดินต่อไปด้วยกัน ประชาชน…”

การยุบพรรคก้าวไกลอาจทำให้พรรคสีส้มเติบโตอย่างไม่หยุดยั้ง

ขณะเดียวกัน อาจเกิดการชะงักงันได้เช่นกัน

การยุบพรรคอนาคตใหม่ กับพรรคก้าวไกล แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง

เหตุที่พรรคอนาคตใหม่ถูกยุบ เพราะ ยืมเงิน “ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ” มาใช้จ่ายในการเลือกตั้ง เป็นการกระทำฝ่าฝืน มาตรา ๗๒ แห่ง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง

แต่การยุบพรรคก้าวไกล สาเหตุหนักหน่วง รุนแรงกว่ากันมาก

กระทำการล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข หรือเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจในการปกครองประเทศโดยวิธีการซึ่งมิได้เป็นไปตามวิถีทางที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ

และ กระทำการอันอาจเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข

คำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ ระบุถึงพฤติกรรม หลายช่วงหลายตอน ของพรรคก้าวไกล ที่ยากจะปฏิเสธว่า ไม่มีแนวคิดล้มล้างการปกครอง

นั่นคือการเสนอร่างกฎหมายแก้ ม.๑๑๒ มีเนื้อหาลดทอนคุณค่าสถาบันพระมหากษัตริย์

ใช้เป็นนโยบายของพรรคหาเสียง การรณรงค์ การแสดงความคิดเห็นบนเวทีปราศรัยหรือสื่อสังคมออนไลน์หลายครั้ง

เป็นนายประกันผู้ต้องหาหรือจำเลยคดีมาตรา ๑๑๒ เป็นผู้ต้องหาและจำเลยความผิดดังกล่าวเสียเอง

อีกทั้ง “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” ลงนามข้อตกลงร่วมจัดตั้งรัฐบาลและสัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวเกี่ยวกับนโยบายพรรคในการแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๑๒

แสดงบทบาทเคลื่อนไหวทางการเมืองสอดรับกับกลุ่มการเมืองต่างๆ โดยการรณรงค์ ปลุกเร้า ยุยง ปลุกปั่น เพื่อสร้างกระแสสังคมให้ร่วมสนับสนุนการยกเลิกหรือแก้ไข

ซึ่งอาจก่อให้เกิดความขุ่นเคืองขึ้นในหมู่ประชาชน

และนำมาซึ่งความแตกแยกระหว่างชนในชาติ

อันมีลักษณะยุยงให้เกิดการเกลียดชัง ย่อมส่งผลให้หลักการคุณค่าของรัฐธรรมนูญที่รองรับการดำรงอยู่ของการปกครองระบอบประชาธิปไตยฯ ซึ่งเป็นอัตลักษณ์ของรัฐต้องถูกล้มเลิกและสูญเสียไป

จึงไม่อาจหลีกเลี่ยงความรับผิดได้

ประเด็นการกระทำอันอาจเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขหรือไม่

ศาลรัฐธรรมนูญ ได้สร้างบรรทัดฐานขึ้นมาเป็นที่ชัดเจน

“..คำว่าปฏิปักษ์ไม่จำเป็นจะต้องรุนแรงถึงมีเจตนาที่จะล้มล้างทำลายให้สิ้นไป ทั้งยังไม่จำเป็นต้องถึงขนาดตั้งตนเป็นศัตรูหรือฝ่ายตรงข้ามเท่านั้น เพียงแค่เป็นการกระทำที่มีลักษณะเป็นการขัดขวาง หรือสกัดกั้นมิให้เจริญก้าวหน้า หรือเป็นการกระทำที่ก่อให้เกิดผลเป็นการเซาะกร่อนบ่อนทำลายและอ่อนแอลง ก็เข้าลักษณะของการกระทำที่เป็นปฏิปักษ์แล้ว

การนำสถาบันพระมหากษัตริย์ไปใช้เพื่อความได้เปรียบและมุ่งหวังผลประโยชน์ทางการเมือง จึงเป็นการกระทำที่อาจเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข

อีกทั้งยังเคยแสดงความเห็นให้แก้ไขและยกเลิก ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๑๒ ผ่านการจัดกิจกรรมทางการเมือง และสื่อสังคมออนไลน์หลายครั้ง ด้วยเจตนามุ่งหมายที่จะแยกสถาบันพระมหากษัตริย์กับความเป็นชาติไทยออกจากกัน ซึ่งเป็นอันตรายต่อความมั่นคงของรัฐอย่างมีนัยสำคัญ…”

ที่ผ่านมาพฤติกรรมพรรคก้าวไกล ที่เกี่ยวข้องกับ มาตรา ๑๑๒ ล้วนเป็นปฏิปักษ์แทบทั้งสิ้น ทั้งในฐานะผู้ปฏิบัติ และผู้ยุยงส่งเสริม ดังเห็นได้จาก แกนนำพรรคก้าวไกล รวมถึงคณะก้าวหน้า เป็นผู้สนับสนุนการชุมนุมให้ยกเลิก ม.๑๑๒ อย่างออกหน้าออกตา

จึงเป็นที่สิ้นสงสัยว่า พรรคก้าวไกล มีแนวคิดล้มล้างการปกครองหรือไหม่

คำวินิจฉัยของศาล ยังละเอียดถึงขั้น กล่าวถึงบทบาทของนักการทูตต่างชาติด้วย

“แม้นักวิชาการสาขาต่างๆ นักการเมือง หรือนักการทูตของต่างประเทศต่างก็มีรัฐธรรมนูญ และกฎหมายภายในประเทศ รวมทั้งข้อกำหนดของตนที่แตกต่างกัน ตามบริบทของแต่ละประเทศ การแสดงความเห็นใดๆ ย่อมต้องมีมารยาททางการทูต”

แต่นับเป็นโชคดีของ กรรมการบริหารพรรคก้าวไกล ที่อยู่ในตำแหน่งระหว่างวันที่ ๒๔ มกราคม ๒๕๖๔ ถึง ๓๑ มกราคม ๒๕๖๗

โชคดีที่ศาลรัฐธรรมนูญตัดสิทธิทางการเมืองเพียง ๑๐ ปีเท่านั้น

ความดีความชอบ กรรมการบริหารพรรคก้าวไกล ต้องยกให้ “ชวน หลีกภัย” ประธานรัฐสภาขณะนั้น ที่ไม่บรรจุร่างกฎหมายแก้ ม.๑๑๒ เข้าสภา

หากวันนั้นไม่มีการยับยั้ง อาจถูกตัดสิทธิทางการเมืองมากกว่า ๑๐ ปีแน่นอน เพราะศาลท่านปรานี เห็นว่า การแก้ ม.๑๑๒ ยังไม่เลยเถิดถึงขั้นไปพิจารณากันในสภา

คำวินิจฉัยจบไปแล้ว พรรคก้าวไกลถูกยุบ แต่นักการเมืองในพรรคก้าวไกลยังไม่จบ

ตอกย้ำด้วยคำแถลงของ “ชัยธวัช ตุลาธน”

“…คำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ จะทำให้การปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ กลายพันธุ์ไปเป็นระบอบอื่นได้…

ต้องการจะสื่ออะไร?

การทำให้ การปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ กลายพันธุ์ไปเป็นระบอบอื่น อยู่ในสมองของนักการเมืองในพรรคก้าวไกลมานานแล้ว

แค่ไม่มีช่องทางให้ทำได้อย่างสะดวก

เพราะมี ม.๑๑๒ ขวางทางอยู่นั่นเอง

Line Open Chat *เพิ่มช่องทางการรับข่าวสาร จากเว็บไซต์ *อ่านคอลัมน์ เปลว สีเงิน ก่อนใคร *ส่งตรงถึงมือทุกคืน *เปิดกว้างเพื่อแฟนคอลัมน์พูดคุยแบบกันเอง ทุกเรื่องราว ข่าวสารบ้านเมือง สังคม ฯลฯ
Written By
More from pp
ตายหมู่ไปกับ ‘ดิจิทัลวอลเล็ต’ – ผักกาดหอม
ผักกาดหอม ในที่สุดก็ชัดเจน ถือเป็นความรับผิดร่วมกันของคณะรัฐมนตรี โดยมิอาจมีใครปฏิเสธในภายหลังได้เลยว่า ไม่มีส่วนรับรู้กับนโยบายแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต ให้ประชาชนหัวละ ๑ หมื่นบาท ด้วยงบประมาณกว่า ๕ แสนล้านบาท วานนี้...
Read More
0 replies on “เกินกว่าคำวินิจฉัย #ผักกาดหอม”