ผักกาดหอม
โผล่มาทีก็กระเทือน!
วานนี้ (๑๐ กรกฎาคม) ขุนศึกฝั่งธนฯ โวยลั่น
เขย่าเพื่อไทยรับมีมติขับออกจากพรรคโดยด่วน!
นั่นคือลีลาของ “เฉลิม อยู่บำรุง”
ช่วงนี้พรรคเพื่อไทยต้องรับทั้งศึกในศึกนอก
ที่สำคัญศึกในชักจะมาถี่ จนเริ่มเห็นความเปราะบาง พรรคเพื่อไทยไม่ได้แข็งแกร่งเหมือนเดิม ซ้ำร้ายยังอยู่ในช่วง “ขาลง”
สัปดาห์ก่อน แดงระดับบิ๊ก “วรชัย เหมะ” เขย่าไปรอบหนึ่ง
ชนนายกฯ เศรษฐา ไปเต็มๆ
สอนนายกฯ ทำงาน
มันก็มีหลายแง่มุมครับ
มุมหนึ่ง ระดับ “วรชัย เหมะ” ถือว่าห่างชั้นนายกฯ เศรษฐา จะสอนอะไรได้
แต่อีกมุม ถึงขนาดต้องให้ “วรชัย เหมะ” เตือน แสดงว่า นายกฯ กำลังแย่แล้ว ทำงานไม่เข้าตา!
เพื่อไทยกับเสื้อแดงในอดีตคือก้อนเดียวกัน
มีนายคนเดียวกัน
สู้เพื่อคนคนเดียวกัน
แต่วันนี้ถึงทางแยก
ก๊วน หมอเหวง ป้าธิดา หันไปใส่เสื้อสีส้มเรียบร้อยแล้ว
แต่ยังคงเป็นเพียงส้มชายขอบ ความรุ่งเรืองเทียบไม่ได้กับยุคที่สวมเสื้อแดงเรียกร้องความเป็นธรรมให้นายใหญ่
ขณะที่แดงอย่าง “วรชัย เหมะ” ยังอยู่ในพรรคเพื่อไทย แต่สถานะถดถอยจากอดีต
เข้าไม่ถึงศูนย์กลางอำนาจ!
ว่าไปแล้วเป็นสถานการณ์ที่ขัดและแย้งกับความเคลื่อนไหวของ “นักโทษชายทักษิณ” ที่พยายามรวมพลคนเสื้อแดงกลับมาสนับสนุนพรรคเพื่อไทยอีกครั้ง
คำวิจารณ์นายกฯ เศรษฐาของ “วรชัย เหมะ” เหมือนทุบเข้าไปในใจกลางรัฐบาล
“…เท่าที่ผมติดตามการทำงาน เห็นว่าเป็นนายกฯ ที่ขยันลงพื้นที่เพื่อรับรู้ปัญหาของประเทศชาติและประชาชน รวมถึงเดินสายโรดโชว์ประเทศไปทั่วโลก พยายามดึงนักลงทุนรายใหญ่ๆ และนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามา การทำงานเช่นนี้ ถือว่าเป็นนายกฯ ที่ขยันที่สุดคนหนึ่ง
แต่วันนี้ประเทศไทยมีปัญหาเรื่องเงินสดในระบบหายไป บ้านถูกยึด รถถูกยึด พ่อค้าแม่ขายย่ำแย่ ขายของไม่ออก
เชื่อว่าข้อมูลตรงนี้ท่านนายกฯ รับทราบดีจากการลงพื้นที่จริง รวมถึงกระแสวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลตามโซเชียลมีเดียต่างๆ ทำให้ความเชื่อมั่นของรัฐบาลและนายกฯ ลดลงไปทุกวัน
รวมไปถึงกระแสของพรรคเพื่อไทยที่ลดลงไป
ผมเลยมองว่าแนวทางการทำงานที่ผ่านมาของท่านนายกฯ ด้วยความขยันความอดทน แต่ไม่เร็วพอที่จะทำให้ประชาชนพึงพอใจได้
ผมเชื่อว่าข้อมูลความเป็นจริงนายกฯ มีเพียงพอแล้ว วันนี้จึงอยากให้นายกฯ นำข้อมูลเหล่านั้นมาวิเคราะห์ปรับใช้
และทวงถามความคืบหน้าข้อสั่งการต่างๆ ที่เคยให้ไว้ในรอบเกือบหนึ่งปีที่ผ่านมากับข้าราชการผู้ที่รับผิดชอบแต่ละกระทรวงแต่ละหน่วยงาน ว่าคืบหน้าไปถึงไหน มีอะไรต้องทำเพิ่มเติมบ้าง เพราะข้าราชการคือแขน ขา มือ ที่คอยขับเคลื่อนนโยบายของรัฐบาล
อยากให้นายกฯ แบ่งเวลาการลงพื้นที่มานั่งทำงานที่ทำเนียบ เรียกข้าราชการมารายงานความคืบหน้านโยบาย ไม่ใช่ตะบี้ตะบันลงพื้นที่โดยไม่เหลียวแลหลัง
เพราะถ้าเป็นแบบนั้นจะไม่มีอะไรต่างจากรอบปีที่ผ่านมา ประชาชนต้องการผลสำเร็จของนโยบาย ก็ถึงเวลาแล้วที่นายกฯ ต้องเร่งขันนอตกำชับตรวจการบ้าน ไม่ใช่สั่งแล้วสั่งเลย
สิ่งที่ผมพูดมานี้ในฐานะคนในบ้าน แม้บางอย่างอาจระคายหู แต่อยากให้รู้ว่าความคิดเห็นของผม คือความเห็นของคนที่เป็นมิตร ไม่มีเจตนามุ่งร้ายแอบแฝง ผมต้องการให้รัฐบาลเดินหน้าได้ ปากท้องประชาชนจะได้กินอิ่ม ให้พรรคเพื่อไทยของเราจะได้กลับมาเป็นที่นิยมชมชอบ ใครจะว่าอะไรผมไม่สนใจ วันนี้ขอเป็นยาขมบอกปัญหาที่ประชาชนเดือดร้อนให้ถึงนายกฯ…”
ครับ…ความตกต่ำของพรรคเพื่อไทย คนในก็รับรู้ไปพร้อมกับคนนอก
เช่นเดียวกับการบริหารราชการแผ่นดินของนายกฯ เศรษฐา ที่ยังหาผลงานอะไรที่เป็นชิ้นเป็นอันไม่ได้ นอกจากภาพของความขยันในการเดินทางไปต่างประเทศและการลงพื้นที่จังหวัดต่างๆ
คนในเองก็มองเช่นเดียวกับคนนอก
ขยันแต่ทำงานไม่เป็น
เมื่อ “นักโทษชายทักษิณ” ต้องการแรงสนับสนุนจากคนเสื้อแดง เสียงเตือนของ “วรชัย เหมะ” ครั้งนี้จึงดูไม่กิ๊กก๊อก
เอาไปต่อรองได้สมน้ำสมเนื้อทีเดียว
ความเสื้อแดงไม่ทันหาย ความเฉลิมเข้าแทรก!
“เฉลิม อยู่บำรุง” ท้าเพื่อไทยขับออกจากพรรค
บานปลายมาจากเรื่อง “วันเฉลิม” ลูกรัก มีความสนิทสนมกับ “บิ๊กแจ๊ส” สร้างความกระอักกระอ่วนใจให้คณะผู้บริหารพรรคเพื่อไทย
ก็ไม่ใช่ครั้งแรกครับที่ “น้าเหลิม” ฟาดงวงฟาดงาใส่พรรคเพื่อไทย
ซดเกาเหลากันตั้งแต่ช่วงยังไม่โหวตเลือก “เศรษฐา” เป็นนายกฯ แล้ว
มีเรื่องดรามาถึงขั้นตัดขาดกับ “นักโทษชายทักษิณ” ที่ไปพูดว่า “เป็นคนกวนโอ๊ยทั้งพ่อทั้งลูก เลยไม่ให้ตำแหน่ง”
“…นายทักษิณคุณเข้าใจผิด ผมไม่ได้ร่วมรัฐบาลกับคุณ ผมมีความสุข พูดอะไรระมัดระวังบ้าง คุณใหญ่โตได้ในพรรคของคุณ คุณไล่ผมออกสิ นึกถึงแก้คดี ๘ คดีให้คุณแล้ว ผมคิดว่าคุณจะเปลี่ยนนิสัย แล้วเวลาใช้คำพูดถึงผม อย่าเอ่ยมือเอ่ยเท้ามันไม่สุภาพ และผมก็มีมือมีเท้าที่จะเอ่ยถึงเหมือนกัน ผมจะหันหลังให้คุณตลอดชีวิต ที่พูดมาทั้งหมดถือเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องที่สุดในชีวิต ที่ผ่านมาผมไม่ได้สนิทกับครอบครัวนายทักษิณ ผมสนิทเพียงนายทักษิณและคุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์ เท่านั้น แต่หลังจากนี้คงไม่มีอะไรต้องพูดกันอีก มันสายเกินไปแล้ว…”
นั่นครั้งก่อน
มาครั้งนี้
“…เมื่อหนุ่ม (วัน อยู่บำรุง) ลาออกแล้ว ผมจะอยู่ในพรรคเพื่อไทยต่อได้อย่างไร ก็เลยขอให้พรรคขับผมออกจากพรรคตามระเบียบพรรคการเมือง เพื่อจะได้ไปสังกัดพรรคการเมืองใหม่ ซึ่งขณะนี้มีพรรคการเมือง ๒-๓ พรรคติดต่อเข้ามาแล้ว ยืนยันว่าผมตกได้ แต่ผมต่ำไม่ได้…”
ศึกในดูเหมือนยังไม่ใหญ่นักเพราะแค่เริ่มต้น แต่มันกวนใจ “นักโทษชายทักษิณ”
รวบรวมเสื้อแดงยังมีปัญหา บ้านใหญ่บางบอนก็จะตีจาก
แล้วพรรคเพื่อไทยจะกลับมาแข็งแกร่งได้อย่างไร
