ป.๔ มีสิทธิ์มั้ยครับ? #เปลวสีเงิน

เปลว สีเงิน

“ประหารชีวิต” ล่าสุดเมื่อไหร่ ผมจำไม่ได้
แต่รายที่จำได้แม่น….
“ยิงเป้าเสธฯ หลาด “พลเอกฉลาด หิรัญศิริ” ที่ทำรัฐประหารแล้วแพ้ จึงกลายเป็นกบฎ

ถูก “ยิงเป้า” ที่เรือนจำกลางบางขวาง เมื่อ ๒๑ เมย.๒๐!

ว่า “ยิงเป้า” นี่
ฟังแล้ว คลาสสิก เห็นภาพชัดกว่าคำว่า”ประหาร” เยอะ ท่านว่ามั้ย?

วานซืน (๒๗ มิ.ย.๖๗) คำว่า “ประหารชีวิต” ผุดขึ้นมากระตุกสังคมคิดพวก “ล่มชาติ” ผสม “คอร์รัปชันนิยม” อีกครั้ง

“ศาลฎีกา” เห็นพ้องตามศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ พิพากษายืน “ประหารชีวิต” นายบรรยิน

นายบรรยินก็คือ “พ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์” อดีต รมช.พาณิชย์ อดีต ส.ส.นครสวรรค์ พรรคเพื่อไทย หลายสมัย

ฐานกระทำ “ฆาตกรรมอำพราง” เสี่ยจืด-นายชูวงศ์ แซ่ตั้๊ง” นักธุรกิจก่อสร้าง เพื่อนนายบรรยินเอง

นอกจากพฤติกรรม “เพื่อนฆ่าเพื่อน” แล้ว อดีตนายตำรวจ,อดีตนักการเมืองผู้นี้ ยังมีพฤติกรรมโฉดอีกมาก

“ประหารชีวิต” โดยเฉพาะกับนักการเมืองด้วยแล้ว ได้ยินปุ๊บ เกิด “ทัศนคติบวก” ต่อกระบวนการกฎหมายปั๊บ!

แต่ “ต้องประหาร” สถานเดียวหรือไม่ มีเวลาให้ ๖๐ วัน ฉะนั้น ระหว่างนี้ อดีตรัฐมนตรีบรรยิน พยายามกอบโกยลมหายใจไว้ให้ได้มากที่สุดก็แล้วกัน

การประหารในปัจจุบัน เขาเลิกใช้วิธี “ยิงเป้า” ไปแล้ว
ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๔๕ ประกอบมาตรา ๑๙ ประมวลกฎหมายอาญาและระเบียบกระทรวงยุติธรรม ว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการประหารชีวิตนักโทษ พ.ศ.๒๕๔๖

เขาให้ใช้วิธี “ฉีดยา”!

ฟังแล้วเหมือนแค่ฉีดยาแก้หนอง ผมว่ามันหน่อมแน้ม จนไม่เกิดผลทางกระทุ้งสัญชาตญานคนโฉด ให้ตระหนกในโทษ จนต้องตระหนักคิด ก่อนลงมือกระทำ

สังคมทุกวันนี้ …….
ตกอยู่ใต้คำว่า “สิทธิมนุษยชนส้นตีน” กดทับมากไป
มันทับจน “สำนึกมนุษย์” ฝ่อ

ให้สำนึก “สัตว์เดรัจฉาน” พล่านเข้าครองสังคมเสมอภาคแบบสัตว์ๆ!

ตอนนี้ ที่ระบาดหนัก ไม่ใช่โควิดอย่างที่ผมเป็น
คำว่า “เสื่อม” นั่นตะหาก ที่กำลังระบาดและเขย่าสังคมบริหารปกครอง จน “รัฐบาลเทวดา” คลอน

“ทักษิณเสื่อม” โจษจันกันแซ่ดทั่วบ้าน-ทั่วเมือง
ส่งน้องเขย “อดีตนายกฯ” ลงไปแข่งเป็นสว.

คนทั้งบ้าน-ทั้งเมือง “มองข้ามชอต” ด้วยให้เครดิตระบอบทักษิณไปถึงขั้นว่า

นี่คือ “ว่าที่ประธานวุฒิสภา” ที่แดง-ทักษิณส่งมา หวังให้คุมสภาล่าง คู่กับสภาผู้แทน ซึ่งเป็นสภาบน ที่เบ็ดเสร็จอยู่ในกำมือแล้ว

กะอีแค่ได้เป็นสว.ตามระบบบ้านๆ ด้วยอานุภาพเทวดาเหนือคุก ขมิบตูดซ้ายข้างเดียวตด ยังยากซะกว่าที่สมชายจะไม่ได้เป็น!

มั่นใจกันถึงขนาดนั้น แต่เอาเข้าจริง เทวดาเสื่อมหมดท่า-หมดราคาในท้องตลาดอย่างว่า

แค่รอบไขว้ น้องเขยถูกเขี่ยกระเด็น ชนิดไม่รู้จะเอาหน้าไปซุกไว้ที่ตูดหมาตัวไหน คะแนนไม่ติดกระทั่ง “ตัวสำรอง”!

น้องเขยน่ะ ไม่โอ๊กหรอก
พี่เมียตะหาก ที่….อ้วกกกก จนหมาเมิน!

นอกจากประธานวุฒิฯ ที่หลุดไปต่อหน้าต่อตาแล้ว พวกแดงที่กะให้เข้าไปยึดเป้าหมายตามตำแหน่ง ๒๐๐ จุด ให้ได้มากที่สุด

พลิกล็อกเป็น “แดงห้อ” ขับร้องโดย “ทักษิณ มนต์เสื่อม”

ชิงแผ่นเสียงทองคำกับเพลง “สั่งนาง” ของ “มนต์สิทธิ์ คำสร้อย”!

ก็ไม่ต้องน้อยหน้าว่า “แดง-ทักษิณเสื่อม”

เพราะ “ส้ม-ตี๋หัวตั้ง” ที่ออกแคมเปญชิง ๒๐๐ สว.ตั้งแต่ไก่ยังไม่ทันโห่ ปรากฎว่า “เสื่อม” พอกัน
เห็นแล้ว “สาแก่ใจ” ผัวอีช้อยยิ่งนัก

“แดง-ระบอบทักษิณ, ส้ม-ระบอบไอตี๋หัวตั้ง” สถาปนาตัวเองเป็น” ฝ่ายประชาธิปไตย”

เอะอะอ้างประชาชน ยึดโยงประชาชน ฟังเสียงประชาชน เคารพความคิดเห็นประชาชน

แล้วการเลือกสว.สูตร “มีชัย” ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา ๑๐๗
เขาให้ชาวบ้านที่มีความรู้ มีประสบการณ์ มีความเชี่ยวชาญ หลากหลายในแต่ละสาขาอาชีพ แบ่งกลุ่มเลือกกันเอง

ไม่เน้นว่าต้องจบ-ไม่จบปริญญา คือไม่เน้นกระดาษเช็ดก้น แต่เน้นประสบการณ์ ความเชี่ยวชาญ

เน้นความเป็นปราชญ์ชาวบ้าน เน้นความรู้-ความสามารถ เป็นที่ยอมรับจากระดับชาวบ้านในแต่ละถิ่น

ครั้นชาวบ้าน “เลือกกันเอง”
“ไม่เลือกพวกกูที่ส่งมาให้พวกมึงเลือก “เท่านั้นแหละ

เจ้าสำนักประชาธิปไตยเสมอภาค เอาเลย….
“สว.หน้าตาออกมาแบบนี้ เราจะมีวุฒิสภาไว้ทำอะไร?”

แดงก็ว้าก ส้มก็โวย เพราะองุ่นมันเปรี้ยว……..

เมื่อผลออกมาไม่ตรงโพย คือ ๒๐๐ สว. “ไม่แดง ไม่ส้ม” แต่หนักไปทาง “น้ำเงิน-เขียว”

แล้วหมาตัวไหน (วะ) ชอบพูดหล่อ ประชาธิปไตย “ฟังเสียงประชาชน …เคารพความคิดเห็นประชาชน?”

แต่พอชาวบ้านเขาเลือกกันเอง หน้าตาออกมา ตาไม่ตี่กวนตีน หัวไม่ตั้ง สันดานไม่ส่อเนรคุณแผ่นดินเท่านั้นแหละ เสือกถาม “เราจะมีวุฒิสภาไว้ทำอะไร?”

บางคนแสดงทัศนะกระแทก-แดกดัน หยิบด้านอาชีพผู้ได้รับเลือกขึ้นมาเหยียดหยาม-เยาะเย้ย

-นักวิทยาศาสตร์ จบป. ๔ บ้างละ
-สื่อมวลชน เป็นคนพูดเสียงตามสาย บ้างละ
-เป็นพิธีกรงานแต่ง งานบวช บ้างละ
-เป็นคนขับรถ บ้างละ
-เป็นมัคนายกตามวัด บ้างละ
-เป็นแม่ค้ากล้วยทอดตามตลาด บ้างละ

แล้วยังไง จบ ป.๔ คือคนโง่ คนไม่รู้ความอะไรเลยงั้นรึ?

พวกจบปริญา มีปัญญาทำ “บั้งไฟ” ให้พุ่งทะลุฟ้าเหมือนชาวบ้านเขาได้มั้ย?

ผมก็จบ ป.๔ แต่สอนคนดีกรีปริญญาเอกบางคน ให้เขียนภาษาคนเป็น

ใช่ ป.๔ อย่างผม ไม่มีความรู้ด้านโกงบ้าน-กินเมือง ไม่มีวิชาการ ด้านยักเยื้องมิบเม้นเอางบประมาณแผ่นดินไปใช้ผิดประเภท

ไม่มีความหื่นกระหายมักได้ เอาวิชาการไปรับจ้างฟอกโจร

ป.๔ ติดคุก เพราะฆ่าคน…มี แต่ป.๔ โกงชาติ คอร์รัปชันเงินแผ่นดิน ไม่เคยมี

ในความโง่ของคนป.๔ ไม่มีความรู้ตามตำรา
แต่ตำราทุกเล่มที่สอนให้คนเรียนจบเป็นดอกเตอร์ จงรู้เถิดว่า ตำรานั้น มาจากประสบการณ์สั่งสมคนไม่มีปริญญา คือพวก จบ-ไม่จบ ป.๔ ทั้งสิ้น!

คนจบป.๔ ร้อยละ ๘๐-๙๐ ที่เป็นพ่อแม่ ส่งลูกให้มีปริญญา
แล้วมีมั้ย ที่ลูกจบปริญญา แล้วมีเงินพาพ่อแม่ไปกินอาหารอร่อยตามภัตตาคารหรูได้ซักมื้อ!?

เรื่องอาชีพ เรื่องวุฒิศึกษา เรื่องรวย-เรื่องจน ใครก็อย่านำมาเป็นเครื่องวัด “คุณภาพคน”

บ้านเมืองที่วุ่นวายฉิบหายทุกวันนี้ ไม่ใช่จากคนจน คนเรียนน้อย มันฉิบหาย-วายวอด จากไอ้พวกคนรวยที่งก เห็นแก่ตัว เจ้าเล่ห์ และประจบอำนาจ ส่วนหนึ่ง

อีกส่วน จากคนเรียนมาก นำที่มากนั้น ตบแต่งสันดานโกง ให้โกงละเอียดซับซ้อนมากขึ้น

“กบฎชาติ-เนรคุณแผ่นดิน” ให้เนียนและเข้าลึกยิ่งขึ้น!

ฉะนั้น อย่าเชียว ….
อย่ายกเรื่องวุฒิศึกษา เรื่องอาชีพ มากำหนดคุณภาพคน

ประสบการณ์ ความเชี่ยวชาญ จากฝึกฝน-ทน-อด การดำรงชีพตามมรรค ๘ นั่นตะหาก
คือ “มาตรฐานคน” ที่จะเป็น”มาตรฐานสังคมชาติ”!

๒๐๐ สว.ที่มาจากชาวบ้านเลือกกันเองนั้น เหมือนเรือต่อใหม่ อยู่บนคานในอู่ ยังไม่เข็นลงน้ำ

ฉะนั้น ใครก็อย่าใช้ “ทัศนคติต่ำ” ตัวเอง เที่ยวโวยวายหยามประณามเขา ในทางประเมินค่า

ใคร-ตรงไหน ขาดคุณสมบัติหรือเข้าลักษณะต้องห้าม ไปตรวจสอบตรงนั้น

ใคร-ตรงไหน มีหลักฐานว่า คนไหน-กลุ่มไหน ส่อฮั้ว ส่อโกง กระทำไม่เป็นไปตามรัฐธรรมนูญบัญญัติ ไปร้องตรงนั้น ไปตรวจสอบตรงนั้น

ไอ้ประเภท “แพ้แล้วพาล” ก็ดี “ตุกติกแล้วยังแพ้เขา” ก็ดี ไปไกลๆ ต.เลยไป๊!

ประชาธิไตยเลือกตั้งไทย มันโกงกินผูกขาดอยู่กับพวกมีดีกรี มีปลอกคอ มียศถาบรรดาศักดิ์ มาร่วมร้อยปี

ลองให้ชาวบ้านป.๔ ประเภท แม่ค้าตลาด แม่ค้ากล้วยทอด พิธีกรงานบวช-งานแต่ง โฆษกโทรโข่งหมู่บ้าน สัปเหร่อ มัคนายก เข้ามาโกง-มากินดูบ้างซิ

มันจะได้ “เป็นคนที่เท่ากัน” ไง จริงมั้ย บักทอน?

แต่ “ทักษิณ-ธนาธร” สหายต่างรุ่น แต่ร่วมแนวทาง ไม่ต้องวิตกอกไหม้ไปหรอกนะ

“เสื่อมส้ม-เสื่อมแดง” แค่สีเสื่อม เพียงอย่าให้ “คนทราม” ก็ใช้ได้แล้ว!

หากพวกคุณไม่เปลี่ยน พวกคุณก็พวก “คนหลงทาง”

นับจากย่างก้าวนี้ “สังคมชาติ” กำลังเปลี่ยนในทางเวียนขึ้น เพราะประชาชนตื่นแล้ว

ก้าวไกล จะก้าวไถลลง
เพื่อไทย จะเพื่อถอยลง

“สุทธิ อะสุทธิ ปัจจัตตัง นาญโญ อัญญัง วิโสธะเย” “บริสุทธิ์ หรือ ไม่บริสุทธิ์ใจ ย่อมรู้แก่ตัวเอง”

“ขอความสุขเจริญจงมีแก่ญาติโยมผู้คร่ำเคร่งโกงชาติ-กบฎแผ่นดิน” เทอญ!

เปลว สีเงิน
๒๙ มิถุนายน ๒๕๖๐

Written By
More from pp
นอกเสียจาก..หนูไม่ผิด – สันต์ สะตอแมน
สันต์ สะตอแมน พี่คนดี (กวีสมัครเล่น) น่ะ แค่ตบปาก! แต่..คุณสนธิญา สวัสดี อดีตที่ปรึกษา ประธานคณะกรรมาธิการกฎหมายยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎรนั้น.....
Read More
0 replies on “ป.๔ มีสิทธิ์มั้ยครับ? #เปลวสีเงิน”