เปลว สีเงิน
ทะลุ “หลักพัน” แล้วนะครับ
สถิติใหม่ล่าสุด “ยอดติดเชื้อโควิด” รายวันของไทย ณ วันที่ ๑๔ เมษายน ๒๕๖๔
แต่ไม่ต้องตกอก-ตกใจ
หรือใครจะดัดจริตหยิบตัวเลขไปโวยวายขายประเทศ-เข่นรัฐบาล ว่าบริหารห่วย “บ้านเมืองแตกแล้ว” อะไรอย่างนั้น
เพราะดูตามสถานการณ์ผ่านการสำรวจ “แนวรบโลก” ในทุกด้านแล้ว
ของเรา ยอดวันละพันขึ้น จากระบบค้นตรวจ น่าพอใจมากกว่าน่าตกใจ
คือสงครามโรค ด้วย “โรคระบาดโลก” นั้น ไม่ใช่เพิ่งมีครั้งนี้
มันเปลี่ยนหน้า-เปลี่ยนวิธีการ มาในรูปแบบต่างๆ บุกโจมตีมนุษย์ แต่ละยุค-แต่ละสมัย เป็นยุคๆ ตลอดมา
ก่อนถึงยุคโควิด…..
โรคอหิวาต์ โรคฝีดาษ โรคกาฬโรค โรคไข้หวัดใหญ่ ไข้หวัดนก และ ฯลฯ ก็เคยเป็น “สงครามโรค” มาก่อนแล้ว
ใครที่อายุ ๕๐-๖๐ ปี ขึ้นไป คงจำกันได้ ตอนเป็นเด็ก จะมีหน่วยสาธารณสุขเคลื่อนที่ ตระเวนไป “ปลูกฝี” ให้ ตามโรงเรียน ตามวัด ตามชุมชน ตามสุขศาลา
ทุกวันนี้ เด็กแรกเกิดก็ยังต้องปลูกฝีทุกคน หากแต่พวกรุ่นใหม่ “บางคน” ไม่เข้าใจเอง
ป้องกัน โรคคอตีบ ไอกรน บาดทะยัก โปลิโอ หัด หัดเยอรมัน คางทูม ตับอักเสบบี ไข้สมองอักเสบเจอี โอ๊ย…อีกเยอะ ขี้เกียจจาระไน
ปลูกฝีต้นแขน ที่เป็นหญิง เดี๋ยวนี้ ปลูกที่ก้น ผู้ปกครองเกรงว่า ปลูกที่แขน โตเป็นสาวแล้ว ตรงหัวไหล่ปูด จะไม่สวย
ปลูกฝีเพื่ออะไร?
เพื่อเป็นแนวรับมือสงครามโรคนั่นปะไร คือให้วัคซีนเข้าไปกระตุ้น “ภูมิคุ้มกัน” ของร่างกาย ต้านทานต่อโรค
“ต้านทานโรค” นะครับ….
ไม่ใช่ “รักษาโรค” เข้าใจให้ชัด!
คือ ฉีดวัคซีนแล้ว ใช่ว่า จะไม่เกิดโรคนั้นๆ
ยังมีโอกาสติดได้-เกิดได้ แต่โอกาส “น้อยกว่า” คนไม่ฉีดวัคซีน
และถ้าเกิดติด….
คนฉีดวัคซีน จะมีอาการ “เบากว่า-น้อยกว่า” คนไม่ฉีด และด้วยภูมิต้านทานในตัว จะสกัดโรค จากหนักให้เป็นเบา
โดยเฉพาะป้องกันไม่ให้ลุกลามถึง “ส่วนสมอง”!
สรุป คือ……
คนฉีดวัคซีน “โอกาสติดโรคน้อยกว่าคนไม่ฉีด”
และทั้งคนฉีดและไม่ฉีด “ถ้าติดโรค”….
“คนไม่ฉีด” โอกาสตายสูงกว่า “คนฉีด”!
ความหมายที่ผมต้องการสื่อไปถึงก็คือ ในกรณีโควิดระบาดนี้ ใครที่ไม่ติด ก็อย่าดีใจ และใครที่ติด ก็อย่าเสียใจ
เพราะทั้ง ๒ อย่างนั้น มีทั้งดีและไม่ดีพอๆกัน!
นี่ไม่ใช่หมอบอกนะครับ ผมบอกเอง อาจผิด แต่ให้เข้าใจว่า มาจากประสบการณ์ประยุกต์ “คลุกโรค” จนเกิดภูมิขึ้นเอง
คือ คนที่ติดโควิดแล้ว ขอแสดงความยินดี ว่าต่อจากนี้ โอกาสจะไม่ติดเชื้อโควิดอีก มีสูงถึง ๙๐% อัพ
เพราะร่างกายคุณได้รับการกระตุ้นจนเกิดภูมิต้านทานโรคแล้ว คุณกับโควิด จะอยู่กันเหมือน “ญาติสนิท” ไม่กินปอดคุณแน่นอน
แล้วคุณก็จะไปไหนๆ ทั่วโลกได้ชนิด “สดชื่นเหมือนยืนอยู่บนเนินเขา” ด้วยโควิดการันตี
ตรงข้ามกับคนที่ไม่เคยติดเชื้อโควิด ก็ต้องขอแสดงความเสียใจนิดๆ ด้วย!
วันนี้ คุณแฮปปี้ แต่นับจากนี้ไป คุณจะต้องผวาทั้งหลับและตื่น ว่าตูจะติดโควิดตอนไหน-เมื่อไหร่วะ?
เพราะต่อไป โควิดจะเป็นโรค “สามัญประจำโลก” เหมือนโรคอื่นๆ เช่นโรคไข้หวัด เป็นต้น จะเป็นตอนไหนก็ได้
แม้ฉีดวัคซีนแล้วก็เถอะ จะ ๒ โดส ๒๐๐ โดส ก็ตาม ทุกคนก็ยังมีโอกาสติดได้ จะเมื่อไหร่เท่านั้น
จะดีอยู่หน่อยก็ตรงร่างกายมีภูมิต้านทานจากที่ฉีดวัคซีนไว้แล้ว ถึงเป็น ก็ไม่ถึงขั้น “ห่อผ้าขาว”!
รุ่น ๕๐-๖๐ คงจำได้….
ถ้าไม่ออกหัด ไม่ออกอีสุก-อีใสตอนเด็ก ก็ใช่ว่าจะรอด มันจะไปออกเอาตอนโต แทบทุกคน จะเจอแบบนี้
“ครั้งหนึ่งในชีวิต” ประมาณนั้น!
โดยนิยามนี้ พูดกันแบบแปลงวิกฤตเป็นโอกาส จะติดโควิด ก็ให้มันติดไปเถอะ จะได้รู้แล้ว-รู้แร่ด ไม่ต้องพะวงอีก
คนไม่ติดวันนี้ นั่นแหละ ….
จะนั่งก็ระแวง จะนอนก็ผวา คนข้างเคียงก็แหยงๆ ไอ้นี่จะปลอดภัยหรือยังอันตราย มันจะเป็นตอนไหนก็ไม่รู้มัน!
เพราะคนไม่ติด ซักวัน โอกาสติด “มันสูง” อ่ะ!
คิดบวกลบซะอย่างนี้ จะได้ไม่เป็นโรคประสาทแทนโรคโควิด คือ ติดก็ดี-ไม่ติดก็ดี
ที่สำคัญ “คนที่ไม่ติด” อย่า “ดัดจริต” พอรัฐบาลเขามีมาให้ฉีดแล้ว ก็เกี่ยงจะเอายี่ห้อนั้น-ยี่ห้อนี้
ยี่ห้อไหน เขามีให้ฉีด ก็ฉีดไปเถอะ!
ผมกล้าพูดได้เลย ทั้งไฟเซอร์ ทั้งโมเดอร์นา ทั้งแอสตร้าเซนเนก้า ทั้งซิโนแวค ทั้งสปุตนิก
มีเด่น-มีด้อย ด้วยกันทุกเจ้า ไม่มียี่ห้อไหน “ดีสุด-ด้อยสุด” กว่ากันหรอก
เพราะทุกเจ้า เป็นวัคซีน “ฉุกเฉิน-เฉพาะหน้า” ด้วยกันทั้งนั้น จะพูดว่าเป็น “วัคซีนจิตวิทยา” ระงับภาวะ “สติแตก” แทรกสรรพคุณ “สร้างภูมิต้านทาน” พอได้บ้าง ก็คงไม่ผิดนัก
มีวัคซีนที่ไหนในโลก….
ใช้เวลา “ปี-ครึ่งปี” สามารถวิจัย- ทดลองได้ครบถ้วน-ถูกต้องมาตรฐานโลก มีผลทางสร้างภูมิต้านทานได้จริง อย่างที่บางเจ้าคุย ว่ารับมือโควิดได้กว่า ๙๐% นั่นน่ะ?
ใช้หนูทดลองวัคซีนโควิด ไม่ทันการณ์หรอก ในภาวะโรคระบาดโลก ไม่ฉีดก็ตาย ฉีดมีโอกาสรอด
ฉะนั้น “ฉีดดีที่สุด” อย่าดัดจริต ได้ยี่ห้อไหน ก็ฉีดยี่ห้อนั้นไปเถอะ!
ภาษีน่ะ ไม่ค่อยยอมเสียกัน….
แต่เสือกตะโกน ภาษีกู..ภาษีกู โดยเฉพาะเอ็นจีโอแก๊งสามนิ้ว ที่สร้างดรามาปั่นข่าวประเด็นวัคซีนรายวัน ยี่ห้อนั้น แพงกว่าก็เถอะ แต่ดีกว่า ทำไมไม่สั่งมา นั่นน่ะ
เมื่อวาน เห็นข่าวมั้ย….
“สหรัฐระงับใช้วัคซีนโควิด ของ “จอห์นสันแอนด์จอห์นสัน”
คณะกรรมการอาหารและยา(FDA)และศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค(CDC)ออกแถลงการณ์ร่วมกันเมื่อวันอังคาร “แนะนำ” ระงับใช้วัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 แบบฉีดเข็มเดียวของจอห์นสันแอนด์จอห์นสัน
เพื่อตรวจสอบ “ความเป็นไปได้” ของการเกิดอาการไม่พึงประสงค์ร้ายแรง
คือ ลิ่มเลือดอุดตัน และภาวะเกล็ดเลือดต่ำ ซึ่งเกิดขึ้นกับหญิงอย่างน้อย ๖ คน อายุระหว่าง ๑๘-๔๘ ปี
เห็นมั้ย….
มันยังไม่มีวัคซีนยี่ห้อไหนสมบูรณ์หรอก ก็ใช้กันไป-คิดค้นพัฒนากันไป ไวรัสมันก็พัฒนาตัว หนีขึ้นไปเรื่อยๆ เหมือนกัน
มีแต่ “ไม่ประมาท-การ์ดอย่าตก” สวมหน้ากากอนามัย ไม่มั่วสุมด้วยพวกหมู่ อยู่ติดบ้าน-ติดที่ไว้เท่านั้น ป้องกันโควิดได้ชะงัดที่สุด
สังเกตมั้ย โควิดจะระบาดจากแหล่งคนรวมกันมากๆ โดยเฉพาะ “แหล่งอบายมุข”!
ช่วงนี้ ๑๔-๑๕ เมษา.โควิดพีค ระดับพัน มันก็ใช่
คือมั่วผับ-มั่วดาราจนติดนัวเนียกันมาแต่ปลายมีนา.-ต้นเมษา.ตามเป็นข่าว
ครบ ๑๔ วัน บานสะพรั่ง “เป็นพัน” มันก็เข้าตามสูตร!
และจากนี้….
มันจะมากเป็น “หลายพัน” คนต่อวันไปตลอดสัปดาห์หน้า แล้วจะค่อยๆ ซาสู่ระดับปกติ
ผับ บาร์ กาเม ซ่อง บ่อน อบายมุข ช่วงนี้ละไว้ ไปไหน-มาไหน สวมใส่หน้ากาก จะปลอดภัยที่สุด
โกงกิน ทุจริตหน้าที่ คิดไม่ดี-ทำไม่ดี ต่อชาติบ้านเมือง ก็เป็นอบายมุขอย่างหนึ่ง ไม่ปลอดภัยเหมือนกัน
ถ้าโควิดไม่กินปอด “ห่าจะลง” จากหัว-ยันหาง บอกไม่เชื่อ!