พักงาน ‘ทักษิณ’ – ผักกาดหอม

ผักกาดหอม

อย่าล้อเล่นกับโควิด-๑๙ เชียวครับ…

ขนาดผู้มีบารมีเหนือรัฐบาลยังไม่รอด

แบบนี้ต้องโทษ “รัฐมนตรีสาธารณสุข สมศักดิ์ เทพสุทิน” ครับ ที่ไม่ยอมเตือนผู้เฒ่าผู้แก่ ให้เลี้ยงหลานอยู่กับบ้าน

ก็คงติดจากไปทัวร์โคราชนั่นแหละครับ

ถ้าจะให้ดีคนที่อยู่รายรอบ “นักโทษชายทักษิณ” เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ประกาศออกมาเลยครับว่า ติดโควิด

มันจะดูน่าเชื่อถือ

ไม่ใช่ปล่อยให้ “น.ช.นายใหญ่” ติดคนเดียว

มันดูทะแม่งๆ

แต่ไม่เป็นไรติดก็ติดไม่มีอะไรน่ากลัว

เพียงแต่ ผู้สูงอายุ ต้องรู้ว่าตัวเองมีความเสี่ยงสูง หากไปที่ชุมนุมชนคนเยอะๆ ก็ควรจะสวมใส่หน้ากากอนามัย

กันไว้ดีกว่าแก้

แต่ถ้าอยากจะติดโควิดเพราะมีวาระซ่อนเร้นก็ไม่ว่ากัน

จำได้ว่าตอน “นักโทษชายทักษิณ” เหยียบแผ่นดินไทยเมื่อเดือนสิงหาคมปีที่แล้ว กรมราชทัณฑ์ท่องอาขยาน นักโทษเทวดา เป็นโรคที่ต้องเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด ๔ โรค

๑.โรคหัวใจ ภาวะกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด

๒.มีปัญหาปอด เนื่องจากมีประวัติเป็นปอดอักเสบรุนแรงจากการติดเชื้อโควิด-๑๙ มีภาวะพังผืดในปอด ส่งผลทำให้มีความผิดปกติต่อการแลกเปลี่ยนออกซิเจน ทำให้มีอาการเหนื่อยง่าย ทั้ง ๒ โรคนี้ต้องได้รับการดูแลโดยทีมแพทย์

๓.ความดันโลหิตสูง

๔.ภาวะเสื่อมตามอายุ กระดูกสันหลังเสื่อมในหลายระดับ ตรวจด้วยระบบ MRI พบมีการกดทับเส้นประสาท ส่งผลให้ปวดเรื้อรัง การเดินทรงตัวผิดปกติ

นี่มันเข้าเกณฑ์กลุ่มเสี่ยง ที่คุณหมอเรียกว่ากลุ่ม ๖๐๘ มากกว่าเกณฑ์ได้พักโทษอีกครับ

กลุ่ม ๖๐๘ คือกลุ่มคนที่ต้องได้รับการวัคซีนป้องกันโควิด-๑๙ มากที่สุด นั่นคือกลุ่มผู้สูงอายุที่มีอายุ ๖๐ ปีขึ้นไป ผู้มีโรคประจำตัวในกลุ่ม ๗ โรคประจำตัว ได้แก่

๑.โรคทางเดินหายใจเรื้อรัง

๒.โรคหัวใจและหลอดเลือด

๓.โรคไตวายเรื้อรัง

๔.โรคหลอดเลือดสมอง

๕.โรคอ้วน

๖.โรคมะเร็ง

๗.โรคเบาหวาน

“นักโทษชายทักษิณ” มี ๔ โรค เข้าเกณฑ์ไป ๓ โรค และอายุยังเกิน ๖๐ อีกต่างหาก

ต้องด่าลูกหลานเสียหน่อย ปล่อยให้ไปเดินสายพบคนโน้นคนนี้ได้ไง

สุดท้ายเห็นมั้ยครับติดโควิด-๑๙ รอบ ๓ แล้วมั้ง

อันตรายนะครับ ปล่อยให้ผู้สูงอายุติดบ่อยๆ ระวัง…เป็นตายเท่ากัน ไม่ไกลเกินความเป็นจริงเลย

ไม่ได้แช่ง แต่ทางการแพทย์เขาบอกว่ามีความเสี่ยงมาก ถึงมากที่สุด

ครับ…วานนี้ (๒๙ พฤษภาคม) อัยการนัด “นักโทษชายทักษิณ” ไปฟังคำสั่งคดี ม.๑๑๒ ว่าจะฟ้องหรือไม่ฟ้อง

แต่ก็ทราบตามข่าวแล้วนะครับเจ้าตัวติดโควิด-๑๙

มีใบรับรองแพทย์แนบไปให้อัยการด้วย ยืนยันว่าป่วยเนื่องจากติดโควิดจริง แพทย์ให้หยุดพักงานและสังเกตอาการเป็นเวลา ๗ วัน นับตั้งแต่วันที่ ๒๘ พฤษภาคม – ๓ มิถุนายน ๒๕๖๗

เมื่อแพทย์เขายืนยัน ก็ต้องว่าไปตามนั้น

แต่ติดใจอยู่นิดเดียวตรงที่บอกว่า “ให้หยุดพักงาน”

ก็ไม่ทราบว่า นักโทษที่ได้รับการพักโทษ ทำงานอะไร ตำแหน่งอะไร

ที่แน่ๆ ไม่น่าจะใช่เลี้ยงหลาน ล้างจาน ที่บ้านแน่นอน

สถานะของ “นักโทษชายทักษิณ” ขณะนี้ ไม่ได้เป็นผู้ต้องหาคดี ม.๑๑๒ แล้วนะครับ

แต่เป็น “จำเลย”

ใกล้คุกเข้าไปอีกขั้น เพราะอัยการสูงสุดมีคำสั่งฟ้อง “นักโทษชายทักษิณ” ฐานร่วมกันหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท และร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ใดๆ อันเป็นความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งราชอาณาจักร ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๘๓, ๑๑๒ คำสั่งของคณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดิน ฉบับที่ ๔๑ ลงวันที่ ๒๑ ตุลาคม ๒๕๑๙ ข้อ ๑ พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. ๒๕๕๐ มาตรา ๓, ๑๔(๓) พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๐ มาตรา ๘

ระดับนายใหญ่ต้องเอาให้ชัดทุกเม็ดทุกมาตรา

แต่โดยสรุปคือสั่งฟ้อง ม.๑๑๒ กับ พ.ร.บ.คอมพ์

ม.๑๑๒ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ ๓ ถึง ๑๕ ปี

พ.ร.บ.คอมพ์ มาตรา ๘ ต้องระวางโทษจําคุกไม่เกิน ๕ ปี หรือปรับไม่เกิน ๑ แสนบาท หรือทั้งจําทั้งปรับ

๒ กระทงนี้ถ้าศาลลงเต็มพิกัด ก็เท่ากับ ๒๐ ปี

ระหว่างนี้ก็พักรักษาตัว ผู้สูงอายุฟื้นตัวช้าครับ แถมมีโรคเดิมอีกต่างหาก ฉะนั้นคงไม่ออกจากบ้านจันทร์ส่องหล้ามาให้แฟนคลับเห็นหน้าระยะหนึ่งทีเดียว

อัยการนัด “นักโทษชาย-จำเลยทักษิณ” ไปพบอีกทีคือวันที่ ๑๘ มิถุนายน

เอาตัวไปยื่นฟ้องศาล!

ชั้นต้นนี้ “นักโทษชายทักษิณ” ให้การปฏิเสธ ก็ว่าไปตามกระบวนการครับ เป็นสิทธิของจำเลย ที่จะปฏิเสธว่าตัวเองไม่ผิด

จะผิดจะถูกไม่นานคงได้รู้กัน

แต่สำหรับใครที่เคยฟังคำให้สัมภาษณ์ของ “นักโทษชายทักษิณ” เมื่อวันที่ ๒๑ พฤษภาคม ๒๕๕๘ ที่กรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ คงจะคิดตามได้ไม่ยากว่า เป็นการโจมตีใคร

ต่อให้จ้างทนายมือดีมาช่วยก็ไม่แน่ว่าจะรอดหรือไม่

ถ้ารอด ก็แสดงว่า คำพูดที่ “นักโทษชายทักษิณ” พูดไม่เข้าองค์ประกอบ ม.๑๑๒ ก็จะเป็นบรรทัดฐานทางกฎหมายว่า ต่อไปมีบุคคลอื่นเอาไปพูดและมีเจตนาแบบ “นักโทษชายทักษิณ” ก็เท่ากับไม่ผิดเหมือนกัน

ไม่ได้ก้าวล่วงศาลท่านนะครับ เพราะในแง่กฎหมายคำพิพากษาคือบรรทัดฐาน

ย้อนไปที่กรมคุมประพฤติ และกรมราชทัณฑ์ ทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีนะครับ ที่ผ่านมาปล่อยนักโทษที่ได้รับการพักโทษไปยุ่มย่ามการเมือง ครอบงำรัฐบาล มันกระทบกับผู้คนทั้งประเทศ

ถ้าฉิบหาย มันจะยิ่งกว่าแหกเงื่อนไขพักโทษไม่รู้กี่ล้านเท่า

จะรับผิดชอบกันไหวหรือ