เปลว สีเงิน
หวย “ออมษิณ”
ผลออกมาแล้ว เป็นดังนี้ครับ
“………บัดนี้ อัยการสูงสุดได้ตรวจพิจารณาสำนวนและมีคำสั่งฟ้อง พันตำรวจโท หรือนายทักษิณ ชินวัตร
ฐานร่วมกันหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท และ
ร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ใต ๆ อันเป็นความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งราชอาณาจักร
ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83,112 คำสั่งของคณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดิน ฉบับที่ 41 ลงวันที่ 21 ตุลาคม 2519 ข้อ 1
พระราชบัญญัติ ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 มาตรา 3,14(3)
พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2560 มาตรา 8
วันนี้ (29 พ.ค. 67) พนักงานอัยการไม่สามารถยื่นฟ้อง พันตำรวจโทหรือนายทักษิณ ชินวัตร ต่อศาลได้
เนื่องจากพันตำรวจโทหรือนายทักษิณ ชินวัตร ไม่ได้มาพบพนักงานอัยการตามกำหนดนัด
โดยได้มอบอำนาจให้ทนายความมายื่นขอเลื่อนการฟังคำสั่งของพนักงานอัยการ ออกไปเป็นวันที่ 25 มิถุนยายน 2567 เวลา 09.00 น.
พร้อมแนบใบรับรองแพทย์ยืนยัน ว่าป่วยเนื่องจากติดโควิด โดยแพทย์ให้หยุดพักงานและสังเกตอาการเป็นเวลา 7 วัน นับตั้งแต่วันที่ 28 พฤษภาคม – 3 มิถุนายน 2567
ซึ่งนายวิพุธ บุญประสาท อัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญา 8 ในฐานะหัวหน้าพนักงานอัยการที่ได้รับมอบหมายจากอัยการสูงสุด ให้เป็นผู้รับผิดชอบคดีนี้
ได้พิจารณาแล้วเห็นว่า ……….
เหตุขอเลื่อนคดี มีการอ้างการป่วย เพราะติดโควิด โดยหมอให้พักเพื่อสังเกตอาการ ถึงวันที่ 3 มิถุนายน 2567
จึงอนุญาต ให้เลื่อนไป วันที่ 18 มิถุนายน 2567
เพื่อนัดให้พันตำรวจโทหรือนายทักษิณ ชินวัตร มาพบพนักงานอัยการ เพื่อยื่นฟ้องต่อศาลในวันดังกล่าวต่อไป”
สรุป สั่งฟ้องครับ…สั่งฟ้อง
“นายอำนาจ เจตน์เจริญรักษ์” อัยการสูงสด สั่งฟ้อง “นายทักษิณ ชินวัตร” ทุกข้อหา
ตามที่ “พ.ต.อ.โอฬาร สุขเกษม” พนักงานสอบสวน กองกำกับการ ๓ กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ทำสำนวนคดีส่งอัยการ
สืบเนื่องจากคำให้สัมภาษณ์ของนายทักษิณ ที่เกาหลีใต้ พาดพิงถึงสถาบันในทางใส่ร้ายป้ายสี เมื่อ ๒๑ พ.ค.๕๘
ทักษิณ “อ้างป่วย” ขอเลื่อนไปพบอัยการตามนัด เมื่อวาน
แต่อัยการ “ไม่เลื่อน” ด้วย
อ่านคำสั่งอัยการสูงสุดเลย ก็อย่างที่ทราบ คือ “สั่งฟ้อง”
และนัดให้ทักษิณไปพบอัยการวันที่ ๑๘ มิ.ย.เพื่อนำตัวไปยื่นฟ้องต่อศาลในวันนั้น!
พลันข่าวกระจาย นคราสังคมไทย พลันเขยื้อนขยับตามคัลลอง “ของมันต้องมี” คือการต่อรองกันว่า
ระหว่าง “ไปศาล” กับ “ไปช่องหมาลอด”
ทักษิณจะไปทางไหน ในวันที่ ๑๘ มิ.ย.?
ถ้ายอมไปพบอัยการ ให้อัยการนำตัวไปยื่นฟ้องต่อศาล ทักษิณในฐานะ “นักโทษ” ซึ่งอยู่ระหว่าง “พักโทษ”
จะต้องถูกส่งกลับเข้าคุกหรือไม่?
ถ้าไม่ถูกส่งกลับคุก ศาลจะให้ประกันตัวหรือไม่?
เพราะจำเลยมีพฤติกรรมหลบหนี ทั้งประกาศ “ไม่ยอมรับอำนาจศาล” เป็นที่ประจักษ์มาแล้ว?
หรือจะเกิด “แดงทั้งแผ่นดิน” episode 2 “เมื่อกูไม่สุข ใครก็อย่าหวังได้อยู่เป็นสุข”!
ก็น่าคิดนะ มีทั้งเป็นไปได้และเป็นไปไม่ได้
ผมมีประสบการณ์แค่ “ถูกขังกรง” ใต้ถุนศาล ก่อนนำตัวไปยืนหน้าบัลลังก์ และรอว่าศาลจะให้ประกันตัวระหว่างคดีหรือไม่แค่นั้น
จึงตอบในประเด็นว่า นักโทษระหว่างพักโทษทำความผิดอีก จะต้องส่งกลับคุกหรือไม่ต้องส่งกลับ ไม่ได้
และประเด็น ๑๘ มิ.ย.ทักษิณจะไปเป็นจำเลยต่อศาลหรือไม่ นี่เหมือนกัน
ผม-ระดับใจมาร ยากเดาใจเทพ-ระดับทักษิณเค้า
ตอนปี ๒๐๐๘ “โอลิมปิก” ที่ปักกิ่ง ทักษิณเป็นจำเลยคาศาล แบบนี้แหละ
ขออนุญาตศาลเดินทางออกนอกประเทศ ไปโอลิมปิก แต่ก็ไปซะ ๑๗ ปี กว่าจะหาทางกลับประเทศได้
คราวนี้เหมือนกัน จะอ้างไปดูโอลิมปิก ที่ฝรั่งเศสอีก ก็คงไม่สมเหตุ-สมผล เพราะนัดขึ้นศาล ๑๘ มิ.ย.
แต่โอลิมปิก ที่ปารีส เขาเริ่มกัน ๒๖ กรกฏา.โน่น
ถึงอ้างต้องรีบไปจองตั๋วเข้าชมล่วงหน้าตั้งแต่เดี๋ยวนี้ ใครเขาจะเชื่อ ในเมื่อปักกิ่งใกล้ๆ ไทย ยังใช้เวลาเดินทางซะตั้ง ๑๗ ปี
แล้วปารีส-ฝรั่งเศส อยู่คนละซีกโลก
ขืนอนุญาตให้ไป กว่าจะกลับ มิต้องใช้เวลาไม่ต่ำกว่า ๓๔ ปีหรือ?
ถึงตอนนั้น ทั้งโจทย์ ทั้งจำเลย ทั้งผู้พากษาเจ้าของคดี มิต้องขึ้นไปสืบพยาน และตัดสินกัน บนวิมาน “ศาลไคฟง” รึนั่น?
๘ เงื่อนไขในการพักโทษ ของกรมคุมประพฤติ ข้อที่ ๓ ระบุว่า
“ห้ามประพฤติตนเสื่อมเสีย เช่น เล่นการพนัน ดื่มสุรา ยาเสพย์ติด และกระทำผิดอาญาขึ้นอีก”
คือถ้าผิดเงื่อนไข “ข้อใด-ข้อหนึ่ง” จะถูกนำตัวกลับเข้าคุก
แล้วนี่ ถือว่า “นักโทษทักษิณทำผิดอาญา” ขึ้นอีกใช่หรือไม่ ผู้น้อยเบาปัญญาจะตอบ
ได้ยินรัฐมนตรียุติธรรม “พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง” พูดแจ้วๆ ตามข่าวโทรทัศน์ว่า “อยู่ในขั้นจำเลย ถือว่ายังเป็นผู้บริสุทธิ์ ยังไม่ผิดเงื่อนไข”
“ศรันยา สีมา” นิติกรชำนาญการพิเศษ “สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร” เผยแพร่ทางวิทยุโทรทัศน์รัฐสภาไว้ว่า
“นักโทษเด็ดขาดที่ได้รับการพักการลงโทษต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขการคุมประพฤติตามที่กำหนดไว้อย่างเคร่งครัด
ซึ่งหากกระทำตามเงื่อนไขการคุมประพฤติที่กำหนดไว้และไม่กระทำความผิดอาญาใดขึ้นอีกก่อนครบกำหนดโทษ
ถือว่านักโทษเด็ดขาดผู้นั้น ………
ได้รับโทษจำคุกครบถ้วนแล้วตามคำพิพากษา
และจะได้รับใบสำคัญการปล่อยนักโทษเด็ดขาดที่พ้นโทษหรือที่เรียกกันว่า “ใบบริสุทธิ์” ไว้เป็นหลักฐานการพ้นโทษ
แต่หากระหว่างนั้น
นักโทษเด็ดขาด กระทำการฝ่าฝืน ไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขการคุมประพฤติที่กำหนดไว้ หรือกระทำความผิดอาญาใดขึ้นอีก
ก็จะถูกเพิกถอนการคุมประพฤติและถูกส่งตัวกลับไปรับโทษในเรือนจำเช่นเดิม”
ในกรณีนี้ คำว่า “กระทำความผิดทางอาญา”
จะตีขลุมว่า หมายถึง “คดีถึงที่สุดว่าผิด” แล้วเท่านั้น ถึงจะเข้าข่ายว่า “กระทำความผิดทางอาญา” อย่างนั้นใช่หรือไม่?
ผมยังเขลาด้าน “กฎหมายศรีธนญชัย” อยู่มาก จึงฟันธงอะไรกะเขาไม่ได้
แต่ผู้มีประสบการณ์คุกโดยตรง เขาโพสต์ไว้อย่างนี้
………………………
“นายเทพไท เสนพงศ์” อดีต สส.นครศรีธรรมราช
เมื่ออัยการสูงสุดมีคำสั่งฟ้องนายทักษิณ ชินวัตร ในข้อหา กระทำความผิดมาตรา 112 โดยไม่เลื่อนการมีคำสั่งออกไป ตามคำร้องของทนายความที่อ้างว่า นายทักษิณป่วยติดเชื้อโควิดนั้น เป็นการสื่อให้เห็นว่า
ดีลลับทางการเมืองมีปัญหา ดีลกันไม่ลงตัว ระหว่างนายทักษิณกับกลุ่มอนุรักษ์นิยม
ซึ่งนับจากนี้ไป นายทักษิณก็ตกเป็นผู้ต้องหาคดีมาตรา 112 อย่างสมบูรณ์แบบ
การที่สำนักงานอัยการสูงสุด นัดนายทักษิณในวันที่ 18 มิถุนายน 2567 เพื่อนำตัวไปส่งฟ้องต่อศาลนั้น
ถือว่านายทักษิณกระทำความผิดคดีใหม่ ผิดเงื่อนไขการพักโทษของกรมราชทัณฑ์และกรมคุมประพฤติ
ซึ่งในทางปฏิบัติ นักโทษคนใด ที่อยู่ระหว่างการพักโทษ เมื่อไปก่อความผิดซ้ำ หรือกระทำความผิดใหม่
จะต้องนำตัวเข้าสู่เรือนจำทันที โดยไม่มีข้อยกเว้น
ในกรณีของนายทักษิณ ชินวัตร
ซึ่งเป็นนักโทษที่อยู่ในระหว่างการพักโทษและได้มีความผิดใหม่ เป็นการกระทำผิดประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และตกเป็นผู้ต้องหาแล้ว
กรมคุมประพฤติ จะต้องส่งตัวกลับให้กรมราชทัณฑ์ เพื่อนำนายทักษิณ ซึ่งเป็นนักโทษ ที่อยู่ระหว่างการพักโทษ แต่มีความผิดใหม่อีก
กลับสู่เรือนจำ ตามแนวทางปฎิบัติของกรมราชทัณฑ์และกรมคุมประพฤติ
ผมมีประสบการณ์ตรงในเรื่องนี้ เห็นเพื่อนนักโทษหลายคน ที่อยู่ระหว่างการพักโทษได้ ไปกระทำความผิดซ้ำ
เช่น เสพยาเสพติด ถูกจับเมาแล้วขับ หรือไปทะเลาะวิวาท ก็จะถูกถอนการพักโทษ นำตัวเข้าสู่เรือนจำทันที
ในกรณีของนายทักษิณ จะต้องจับตาดูว่า มีการอ้างสิทธิ์ความเป็นนักโทษเทวดา โดยไม่ต้องเข้าเรือนจำอีกหรือไม่
และจะมีการปฏิบัติแบบ 2 มาตรฐาน เหมือนกับเคยที่ปฏิบัติมาหรือไม่.
………………………………….
ครับ วันนี้ คุยด้านเดียว คือด้าน “การคุก”
ส่วนด้าน “การเมือง” เมื่อ “นายกฯ ตัวจริง” จากนักโทษ “พักโทษ” ต้องไปเป็น “จำเลย” ในคดี ๑๑๒ แน่แล้ว
รัฐบาล “เศรษฐา-เพื่อไทย”
ในภาวะ “หัวหน้าคอก” จนตรอก อีกครั้ง
จะไปกัน “แบบไหน-อย่างไร” ผมขอเชื่อมจิตซักวัน
แล้วพรุ่งนี้ค่อยมา “ดั้นเมฆ”!
เปลว สีเงิน
๓๐ พฤษภาคม ๒๕๖๗