เรื่องน่ากลัวของ “ข้าว” – ผักกาดหอม

ผักกาดหอม

นับถอยหลังแล้วจริงๆ

เรื่องข้าวเก่าเก็บ ๑๐ ปี กินได้ แถมหอมอร่อย กลายเป็นประเด็นดรามา ที่ดูเหมือนว่า รัฐบาลมีเป้าหมายอย่างอื่นมากกว่า ที่จะเชียร์ให้กินข้าวจริงๆ

เพราะมันอธิบายไม่ได้โดยหลักวิทยาศาสตร์

ถ้า เชื่อมจิต ก็ไม่แน่

มันน่าประหลาดใจที่การอธิบายเรื่องง่ายๆ กลับกลายเป็นเรื่องใครเชียร์ฝ่ายไหนก็เชื่อฝ่ายนั้น

หลัง “ภูมิธรรม เวชยชัย” เขี่ยข้าวกินกับโชว์ ดันมีคนเชื่อว่าข้าว ๑๐ ปี ซาวน้ำ ๑๕ ครั้ง เพราะรมยากันมอดแมง ๖๐ รอบ กินได้ และหอมฉุย

เชื่อแบบ “ภูมิธรรม” ตดก็ว่าหอม

เรื่อง สารตกค้างที่ก่อมะเร็งได้

เรื่องคุณค่าทางอาหาร

เรื่องความน่าเชื่อถือของข้าวไทย ไม่มีการพูดถึง

เป็นกันหมดครับ ขนาดนายกฯ เศรษฐา ยังตามน้ำ “ผมไม่ทราบเลยครับ เดี๋ยวเขาก็จัดมาให้ทาน ยังไงก็อย่างนั้นแหละครับ”

กล้ากินจริงหรือครับ?

ถ้ากล้า “ภูมิธรรม” ควรจัดให้ จะเป็นการเพิ่มน้ำหนักว่า ข้าวเก่าเก็บ ๑๐ ปี จากปัญหาทุจริตจำนำข้าวนั้น กินได้จริง

เอาให้สมกับที่รัฐบาลอยากให้เป็น

“บิ๊กทิน-กลาโหม” หนักกว่า

พูดเป็นตุเป็นตะ

“…ในส่วนของงบประมาณของกองทัพ ยินดีที่จะรับและช่วย ซึ่งที่ผ่านมากองทัพก็ช่วยอยู่แล้ว ทั้งกระทรวงเกษตร กระทรวงพาณิชย์ ในการซื้อข้าวให้กับกำลังพล ผลไม้ เพื่อช่วยเหลือเกษตรกร ในช่วงที่ผลผลิตออกมาเป็นจำนวนมากทำให้ราคาตกต่ำ หรือหากจะทำเป็นโครงการอย่างที่พูดคุยกันก็ไม่ขัดข้อง

สำหรับคุณภาพข้าว ที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์ ก็ต้องไปดูกันอีกครั้งว่าข้าวมีคุณภาพจริงหรือไม่ การชิมของท่านภูมิธรรม ถือเป็นการรับรองมาตรฐานระดับหนึ่ง แต่หากเราจะมั่นใจกว่านั้น อาจจะมีระบบที่ตรวจสอบได้อีก ก็ไม่เป็นไร…”

ไม่แสดงความเห็นเสียยังดีกว่า

ถ้าเอาการชิมของ “ภูมิธรรม” เป็นมาตรฐาน ต้องชิมใหม่ครับ

เอา “กับ” ออก ให้เหลือแต่ข้าว

ไม่ใช่เขี่ยข้าวออก กินแต่ “กับ”

สมัยรัฐบาลลุงตู่ พรรคเพื่อไทยอัดกองทัพแทบจะทุกเรื่อง

มาวันนี้เป็นรัฐบาลเอง เป็นไงครับ จะให้กำลังพลกินข้าวรมยา ๖๐ รอบอย่างนั้นหรือ

ตัว “ภูมิธรรม” เองก็ผีเจาะปาก

“…ส่งออกก็ไม่พอแล้ว ตลาดแอฟริกาก็ไม่พอ เราถึงจะประมูลยกกองเอาไปทีเดียวจะได้จบ ให้มาแบ่งขายมันมีงานยังต้องทำอีกเยอะ…”

พูดแบบนี้ตลาดส่งออกก็ฉิบหายสิครับ

โดยสามัญสำนึก ข้าวที่ต้องซาวน้ำ ๑๕ รอบ ไม่มีมนุษย์ที่ไหนซื้อกินหรอกครับ

แจกฟรีก็ใช่ว่าจะมีคนเอา

เอาข้าวมาพันกับการเมืองมากจนเกินไปก็แบบนี้แหละครับ

ไม่ต้องใช้เหตุผลอะไรทั้งนั้น

ก็ไม่น่าเชื่อว่ารัฐบาลนี้จะทำ

เอาข้าวแบบนี้ไปขายตลาดแอฟริกา มันแปลความเป็นอย่างอื่นไม่ได้เลย นอกจากดูถูกดูแคลนเขา เห็นเขาเป็นพลเมืองโลกชั้นรองกว่าตัวเอง

แอฟริกาจนก็จริงครับ แต่เขามีปัญญาที่จะซื้อข้าวที่ปลูกและขายปีต่อปีกิน

ไม่ใช่ค้างเก่า สารเคมีเพียบ

หลังจากนี้คอยดูตัวเลขกันครับว่า ส่งออกข้าวไทยจะเป็นอย่างไร

ถ้าต่ำกว่าเป้า สาเหตุส่วนหนึ่งก็เพราะปาก “ภูมิธรรม” นี่แหละครับ

ทำไมพรรคเพื่อไทยมีปัญหากับ “ข้าว” อยู่เรื่อย ทั้งๆที่ฐานเสียงส่วนใหญ่ของพรรคเพื่อไทย ก็คือชาวไร่ชาวนา

ผ่านไปแล้วสำหรับวันพืชมงคล กำหนดพระราชพิธีจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ ซึ่งเป็นพระราชพิธีเก่าแก่มีมาแต่โบราณเพื่อเสริมสร้างขวัญและกำลังใจให้เกษตรกรของชาติ

พระราชพิธีพืชมงคลจรดพระนังคัลแรกนาขวัญเป็นพระราชพิธี ๒ พิธี รวมกันคือ

๑.พระราชพิธีพืชมงคล เป็นพิธีสงฆ์ จะประกอบพระราชพิธีวันแรกในพระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม

๒.พระราชพิธีจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ เป็นพิธีพราหมณ์ จะประกอบพระราชพิธีในวันรุ่งขึ้น ณ มณฑลพิธีท้องสนามหลวง

อาหารที่นำมาใช้เลี้ยงพระโคเพื่อเสี่ยงทายมี ๗ อย่าง คือ ข้าวเปลือก ข้าวโพด ถั่วเขียว งา หญ้า น้ำ และเหล้า พระโคกินอะไรก็จะทำนายไปตามนั้น

ปีนี้การเสี่ยงทายพระโคกินเลี้ยง พระโคกินน้ำและหญ้า พยากรณ์ว่า น้ำท่าจะบริบูรณ์พอสมควร ธัญญาหาร ผลาหาร ภักษาหาร มังสาหาร จะอุดมสมบูรณ์ดี

และพระโคกินเหล้า พยากรณ์ว่า การคมนาคมจะสะดวกขึ้น การค้าขายกับต่างประเทศดีขึ้น ทำให้เศรษฐกิจเจริญรุ่งเรือง

หากย้อนไปนับแต่รัฐบาลยิ่งลักษณ์จนถึงปัจจุบัน น้อยครั้งที่พระโคจะกินข้าว

ปี ๒๕๕๕ พระโค เลือกกินหญ้า

ปี ๒๕๕๖ พระโค เลือกกินข้าวโพด, หญ้า

ปี ๒๕๕๗ พระโค เลือกกินหญ้า, น้ำ

ปี ๒๕๕๘ พระโค เลือกกินหญ้า

ปี ๒๕๕๙ พระโค เลือกกินข้าว, ข้าวโพด, งา, น้ำ, หญ้า และเหล้า

ปี ๒๕๖๐ พระโค เลือกกินข้าว, ข้าวโพด, หญ้า

ปี ๒๕๖๑ พระโค เลือกกินน้ำ, หญ้า, เหล้า

ปี ๒๕๖๒ พระโค เลือกกินข้าว, น้ำ, หญ้า

ปี ๒๕๖๓-๒๕๖๔ “งดจัดพระราชพิธี” เนื่องจากสถานการณ์โรคโควิด-19 แต่พระราชทานพระบรมราชานุญาตให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ทำพิธีหว่านข้าวในแปลงนาทดลอง สวนจิตรลดา

ปี ๒๕๖๕ พระโค เลือกกินน้ำ, หญ้า, ถั่ว และเหล้า

ปี ๒๕๖๖ พระโค เลือกกินหญ้า, เหล้า

หากพระโคเลือกกิน “ข้าวเปลือก” พยากรณ์ว่า ธัญญาหาร ผลาหาร จะบริบูรณ์ดี

พบว่าพะโคกินข้าวในช่วงรัฐบาลประยุทธ์ทั้งสิ้น

ครับ…เรื่องข้าว สำหรับประเทศไทยมีหลากหลายมุมมอง และหลายมิติ

แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่ถูกจับไปเป็นเงื่อนไขทางการเมือง รัฐบาลก็มักจะจบไม่สวย

หวนนึกถึงวันที่ “สุรนันทน์ เวชชาชีวะ” โพสต์ข้อความถึงเพื่อนชื่อ “บุญทรง เตริยาภิรมย์”

เผยบทสนทนาอันเป็นปริศนา

“…จน เพื่อน เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ผมเป็นเลขาธิการนายกฯ ได้เจอกันบ้าง แวะไปคุย เห็นเพื่อนแฟ้มเต็มโต๊ะ ยังเป็นห่วง

‘ใครดูให้มึง แต่ละเรื่องน่ากลัว’ ผมแอบพลิกแฟ้มดู

‘กูมีทีม’ แล้วชวนทานข้าวจากโรงอาหาร หน้าห้องสั่งมาให้ ยังคงความเป็นคนง่ายๆ ที่ผมรู้จัก ถึงแม้เป็นรัฐมนตรีกระทรวงใหญ่

หลังพายุพัดผ่าน รัฐประหารไปแล้ว เคยนั่งจิบไวน์คุยกันสองคน

ผมถาม​ ‘มึงเล่าให้กูฟังหน่อยว่าเรื่องเป็นยังไง’ ผมนับถือน้ำใจมันที่ตอบ ‘กูพูดไม่ได้’

เราร่ำสุราจนดึก แล้วไม่แตะเรื่องนั้นอีกเลย…”

ข้าว ๑๐ ปีสารเคมีเพียบ ก็น่ากลัวไม่แพ้กัน

Written By
More from pp
เรื่อง ‘ถุงขนม ๒ ล้าน’ – ผักกาดหอม
ผักกาดหอม ว่าไปก็น่าประหลาดใจ คณะรัฐมนตรีในรัฐบาลที่ได้รับเสียงสรรเสริญว่ามาจากการเลือกตั้ง มีความเป็นประชาธิปไตย มักมีหน้าตาสู้รัฐบาลที่มาจากการรัฐประหาร ถูกสาปแช่งว่าเป็นเผด็จการกดหัวประชาชนไม่ได้ เทียบตำแหน่งต่อตำแหน่งในรัฐบาล คสช. กับรัฐบาลทักษิณาฐา รัฐมนตรีในรัฐบาล คสช.ดูดีมีสง่ามากกว่าโขทีเดียว ยกตัวอย่างรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี...
Read More
0 replies on “เรื่องน่ากลัวของ “ข้าว” – ผักกาดหอม”