ศาลเจ้าแม่ “นารีขี่ม้าขาว” – เปลว สีเงิน

เปลว สีเงิน

ระยะนี้ “ตำรวจ” น่าจะอยู่ในภาวะ “แขนขาอ่อนแรง”
“ขะโมย-ขะโจร” คงเริงเมืองกันน่าดู
ยิ่งใกล้สงกรานต์ด้วยแล้ว ประเพณีเล่นสาดน้ำเป็น “แม่เหล็กโลก” ดึงดูดทั้ง “คนไทย-คนเทศ” ให้ทยอยบ่าไหลมาไทย

“โจรทุกรูปแบบ” ในคราบนักท่องเที่ยว มันจะฉวยโอกาสเข้ามาประกอบอาชญากรรมด้วย

ในภาวะตำรวจกว่า ๒ แสนนาย “ทั่วประเทศ”
“ขาดหัว” จากการ “เด้งแฝด” ของนายกฯ
คงจะ “สยองขวัญ” จนเกิดอาการ “แขนขาอ่อนแรง” อย่างที่ว่านั่นแหละ

ฉะนั้น ต้องพึ่งบริการรองนายกฯ “อนุทิน ชาญวีรกูล” ในฐานะ “รัฐมนตรีมหาดไทย”
นำเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองออกมาเป็นกำลังเสริมตำรวจ ช่วยกันตรวจรักษาสุขให้ชาวบ้าน-ชาวเมืองด้วยเถอะ

การนำฝ่ายปกครองทะลาย “บ่อนบางใหญ่” ที่ใหญ่จริง “ใหญ่ทั้งบ่อน-ใหญ่ทั้งแบ็กบ่อน” สาม-สี่วันก่อน นั้น
“สะเทือน-สะท้าน” กันไปทั่วอาณาจักรบ่อนและอาณาจักรกินส่วยบ่อน!

ทำเอาสีกากีนนทบุรี ถูกโรคเด้ง ตั้งแต่ระดับผู้บังคับการลงมา “ตกเก้าอี้” กันเป็นแถวๆ

สุจริตชนบอกว่า “อนุทินทำดี”
ตรวจผับ ตรวจบาร์ ตรวจยา ตรวจสถานที่ท่องเที่ยว เอาจริงกับทั้งฝรั่งเฮี้ยว-ไทยโหด ทลายบ่อนแบบนี้ด้วยแล้ว
ให้…เอาอีก!

ก่อนคุยเรื่องอื่นรายงานให้ทราบว่า “พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี งบประมาณ พ.ศ.๒๕๖๗ จำนวน ๓.๔๘ ล้านล้านบาท ที่ล่าช้ามาร่วมปีนั้น

เมื่อวาน ที่ประชุมสภาพิจารณาวาระ ๒-๓ เสร็จแล้ว ผลโหวตเป็นดังนี้
เห็นชอบ ๒๙๘ เสียง
ไม่เห็นชอบ ๑๖๖ เสียง
งดออกเสียง ๑ เสียง
ไม่ลงคะแนน ๑ เสียง

คือผ่าน “ความเห็นชอบ” ของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรด้วยเสียงข้างมาก ต่อจากนี้ ส่งร่างให้ “วุฒิสภา” พิจารณาต่อในอังคารที่ ๒๖ มีนา.

คาดว่าเดือนเมษา.รัฐบาลเศรษฐา ก็จะมีเงิน ๓.๔๘ ล้านล้านบาทได้ใช้!

ไม่เกี่ยวกับเงินหาเสียง “กู้มาแจก” ๕ แสนล้านของเพื่อไทยนะ

ดังนั้น แฟนๆ “เงินแจกดิจิทัล” คนละ ๑ หมื่น ที่แหงนเถิ่งรอคอย นั้น คอยฟังนายกฯเศรษฐาเขาละกันว่า จะเอา ๕ แสนล้าน จากที่ไหน มาแจก?

ถ้าแจก ด้วยการออก “พรบ.เงินกู้” คือ กู้เงิน ๕ แสนล้านมาแจก
พรบ.ออกวันไหน ก็ติดคุกทั้งครม.วันนั้น

“นายกฯเศรษฐา” จะเป็นผู้เดินนำหน้าเข้าคุก!
เพราะผิดทั้งกฎหมาย ผิดทั้งนโยบายที่แถลงต่อสภา ผิดทั้งเงื่อนไขนโยบายหาเสียง
เพราะแจ้งต่อกกต.ไว้ว่า “ไม่กู้” แต่ดันกู้!

เอ้า…มาเข้าเรื่องกัน
บิ๊กโจ๊ก “พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล” นี่ เท่าที่สังเกต ทุกครั้งที่มีปัญหาต่อหน้าที่ราชการ มี ๒ อย่างที่เป็น “วัตรปฎิบัติ” ของบิ๊กโจ๊ก คือ

อย่างที่หนึ่ง เดินสายไหว้พระ ไหว้ผี ไหว้ทุกที่ ที่ใครบอกว่าศักดิ์สิทธิ์ ต้องดิ้นรน ไปให้สิ่งเหล่านั้น “ดลบันดาล”
แม้กระทั่ง “โกนหัวบวช” ก็ทำมาแล้ว

อย่างที่สอง ลาราชการไปลั้นลาต่างประเทศ!

ตอนนี้เหมือนกัน ถูกเด้งเข้าทำเนียบรัฐบาลปุ๊บ ลางานไปธุรกิจส่วนตัวและเดินทางไปอังกฤษปั๊บ

หมายความว่า เงินเดือนและสิทธิประโยชน์จากราชการที่เคยได้รับ “ทุกบาท-ทุกสตางค์” กูเอาทุกอย่าง
ยกเว้นอย่างเดียว คือ “งาน”
กูไม่เอา และไม่แยแสที่จะทำด้วย!

ตรงข้ามบิ๊กต่อ “พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล” ที่เด้งมาด้วยกัน เก็บข้าวของจากสตช.มาทำเนียบ ได้รับมอบหมายงานด้าน “จิตอาสา”
ท่านก็รับด้วยยินดีและ “ขมีขมัน” ทำ

นี่คือ “ความเหมือน” ที่ “ไม่เหมือนกัน” ทางจิตสำนึกของบุคคลระดับ “นายตำรวจ” ชั้นผู้ใหญ่

“เบื้องลึก-เบื้องหลัง” แต่ละคนเป็นยังไง เป็นอีกเรื่องหนึ่ง แต่เบื้องหน้าที่เห็น มันเป็นอย่างนี้ เป็น “ภาพสะท้อน” ที่วัดคุณภาพคนได้

ว่าอย่างนี้ คู่ควรกับตำแหน่ง “ผบ.ตร.” หรือไม่ ซึ่งตอบไม่ยากมิใช่หรือ?

ไปอังกฤษ บิ๊กโจ๊กไป “ถูกทิศ-ถูกที่” แล้ว
สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ควรไปบนบานศาลกล่าว ให้ช่วยดลบันดาลใจ “นายกฯ แท้-นายกฯ เทียม” ให้เปลี่ยนใจ
จากที่ร้าย ให้กลายเป็นดี

ก็เจ้าแม่ “นารีขี่ม้าขาว” ศาลเจ้าอังกฤษคนเดียวเท่านั้น ที่เฮี้ยนและขลัง “สั่งนายกฯ แท้-นายกฯ เทียม” ได้!

ฉะนั้น เที่ยวนี้ “บิ๊กโจ๊ก” หาโอกาสไปโขกศรีษะขอพรเจ้าแม่ “นารีขี่ม้าขาว” ให้ได้เชียวนะ

เรื่อง Set Zere ที่บิ๊กโจ๊กกอดเอว-กอไหล่แถลงกับบิ๊กต่อนั้น เรื่องส่วนตัว คงเซต-ซีโร่ ได้

แต่เรื่องคดีอาญา ว่าด้วยการสมคบฟอกเงิน เกี่ยวกับเว็บพนันออนไลน์ บัญชีม้า-บัญชีหมา อะไรทั้งหลายนั่นน่ะ
มัน Set Zero ไม่ได้

เพราะเรื่องเป็นคดีเข้าระบบตามระบวนการกฎหมายอาญาแล้ว
สถานภาพบิ๊กโจ๊กตอนนี้ นอกจากตำแหน่งรองผบ.ตร.ไปช่วยราชการที่ทำเนียบ

ยังเป็น “ผู้ต้องหา” คดีสมคบฟอกเงิน ซึ่งเมื่อวาน (๒๒ มีค.๖๗) ตำรวจ สน.ทุ่งสองห้อง นำหมายเรียกตัว “พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล”
ให้ไปรับทราบข้อหา “สมคบร่วมกันฟอกเงินและเป็นเจ้าพนักงานร่วมกันฟอกเงิน” ถึงที่บ้านย่านวิภาวดี เป็นครั้งที่ ๒

แต่ไม่พบบิ๊กโจ๊ก และไม่มีคนรับหมาย ตำรวจนำกลับไป ไม่ได้แปะหมายที่บ้าน

ก็หมายความว่าคดีเว็บพนันออนไลน์ “BNK Master” เป็นตราประทับหลังบิ๊กโจ๊กว่าเป็น “ผู้ต้องหา” แล้ว

ตามขั้นตอนนั้น เมื่อตำรวจออกหมายเรียก ๒ ครั้ง ผู้ต้องหายังไม่ไปรับทราบข้อหา
ครั้งที่ ๓ จะเป็น “หมายจับ”!

เห็นอดีตนายตำรวจบางท่านบอกว่า ยังไม่ได้รับหมายเรียก ก็ยังไม่ตกเป็นผู้ต้องหา

ในฐานะที่ผมเป็น “ผู้ต้องหา” ชำนาญการด้านถูกหมายเรียกกว่า ๓๐ คดี จะรับ-ไม่รับ,จะรู้-ไม่รู้ แต่เข้าสารบบ “ผู้ต้องหา” ไปแล้ว

เคยไปทำพาสปอร์ต คนอื่น แป๊บๆเสร็จ แต่ผมนั่งรอเป็นชั่วโมง แล้วมีเจ้าหน้าที่เดินมาหา
บอก “ขอเชิญตามผมไปทางนี้นะครับ”

ไอ้ผมก็นึกว่า..โอ้โฮ กูใหญ่ขนาดมีคนมาเชิญเชียวนะเนี่ย
ตามเขาไปถึงห้องหนึ่ง เขาส่งซองให้ ๓ ซอง บอกว่า

“นี่หมายจับคุณ ทำพาสปอร์ตไม่ได้ มี ๓ ท้องที่ กระบี่ที่หนึ่ง วังทองหลางที่หนึ่ง โรงพักดุสิตอีกที่ แจ้งจับไว้หลายปีแล้ว”
ทำเอา “แขนขาอ่อนแรง” ไปเลย!

ยุคนั้น สมัยอยู่คลองเตย มีหมายศาลไปแขวนหัวซอย-ท้ายซอยแทบทุกเดือน ไม่เคยมีใครเซ็นรับ
แต่ผมก็ตกเป็นจำเลยเต็มตัว ไม่ไปศาล ก็ต้องถูกศาลออกหมายจับ

ส่วนที่เจ้าทุกข์ไปใช้บริการตำรวจ ทางโรงพักก็จะส่งหมายเรียกทางไปรษณีย์ “ลงทะเบียน” มาที่สำนักงาน
มีสิทธิ์ไม่ไปได้ ๒ ครั้ง
ถ้าครั้งที่สาม ก็จะเป็นหมายจับ!

นี่ประสบการณ์เป็นจริงที่ผู้ต้องหาได้รับ ผมเห็นตำรวจนำหมายเรียกไปให้บิ๊กโจ๊ก ไม่พบตัวก็นำกลับ ก็สงสัยมาตรฐานปฎิบัติ

ยิ่งบิ๊กโจ๊ก ซึ่งเป็นนายตำรวจเอง ก็อ้างไม่รู้-ไม่เห็น-ยังไม่ได้รับหมาย จึงไม่ไป และว่ายังไม่ได้เป็นผู้ต้องหา
แบบนี้ จะให้ประชาชน เมื่อถูกหมายเรียก
จะยึด “มาตรฐานบิ๊กโจ๊ก” อ้างกับเจ้าพนักงานและศาลบ้าง ท่านจะรับฟังมั้ย?

ผมว่าสน.ทุ่งสองห้อง ไม่ต้องเปลืองเวลา-เปลืองน้ำมันรถ เอาหมายไปแจ้งต่อเจ้าตัวหรอก
ออกหมายเรียกส่งทางไปรษณีย์แบบ “ลงทะเบียน” ในทางราชการฟรีด้วยซ้ำมั้ง

จ่าหน้าซองถึงบิ๊กโจ๊กที่บ้าน ให้มารับทราบข้อหาตามวัน-เวลาที่ระบุ ๒ หนไม่มา หนที่ ๓ ก็ออก “หมายจับ” เลย
เท่านั้นก็ “สมบูรณ์” ตามขั้นตอนกฎหมายด้วย “มาตรฐานเดียวกัน” แล้ว!

ที่ปฎิบัติอย่างที่เห็นขณะนี้ เป็น “ตัวอย่างไม่ดี” ทั้งจากเจ้าพนักงานและทั้งผู้ต้องหา ทำนอง ๒ มาตรฐาน

ทุกวันนี้ มันเละกันไปทุกระบบ
ขนาดนักโทษเด็ดขาด ไม่ต้องเข้าคุกซักวัน ยังได้รับการพักโทษ นายกฯ-รัฐมนตรี ต้องไปโค้งคำนับ

แล้วบ้านนี้-เมืองนี้ ยังมี “กฎหมาย” เป็นขื่อ-เป็นแปค้ำยัน ไม่ให้บ้านมันพังลงมาได้หรือไม่?

ตอบ “จิตสำนึก”…..
ด้วยความรับผิดชอบต่อบ้านเมืองกันเอาเองละกัน!

เปลว สีเงิน
๒๓ มีนาคม ๒๕๖๗

 

Written By
More from plew
ธาตุแท้อนาคตใหม่
ผักกาดหอม ไม่มีเซอร์ไพรส์…. ประชุมสภาผู้แทนราษฎรวานนี้ (๑๗ ตุลาคม) พิจารณากฎหมายสำคัญ ๒ ฉบับ ฉบับแรกคือ…. พระราชกำหนด (พ.ร.ก.) โอนอัตรากำลังพลและงบประมาณบางส่วนของกองทัพบก...
Read More
0 replies on “ศาลเจ้าแม่ “นารีขี่ม้าขาว” – เปลว สีเงิน”