พรรคไทยสร้างไทย โดยคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ นายอุดมเดช รัตนเสถียร และคณะทำงานด้านการพัฒนาบทบาทสตรี รวมพลังจัดเสวนาเนื่องในวันสตรีสากล International Womens Day 8 มีนาคม 2567 โดยประเทศไทยจะได้ร่วมเฉลิมฉลองวันสตรีสากลครบรอบปีที่ 36 ทั้งนี้นับแต่การก่อตั้งพรรคเข้าสู่ปีที่ 3 ไทยสร้างไทยตระหนัก และให้ความสำคัญกับการพัฒนาบทบาทสตรีมาโดยตลอด
พร้อมสนับสนุนบทบาทสตรีทุกภาคส่วนของสังคม ไม่ว่าจะเป็นภาครัฐ เอกชน รวมถึงสนับสนุน นักการเมืองหญิงให้เข้าไปมีบทบาทในสภาและในภาคของการเมือง ขณะเดียวกัน ยังมุ่งมั่นที่จะส่งเสริมและสนับสนุน การปฏิบัติที่เท่าเทียมกันระหว่างเพศ ซึ่งพรรคไทยสร้างไทยได้ให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะการขจัดความเหลื่อมล้ำ สร้างความเป็นธรรมให้สอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืน ตามที่องค์การสหประชาชาติกำหนดไว้
ขณะที่ผู้เข้าร่วมเสวนา อย่าง ชนฐิตา ไกรศรวีรกุล ผู้จัดการกลุ่มทำทาง สุพีชา เบาทิพย์ ผู้ประสานงานกลุ่มทำทาง พรปฏิมา วุฒิสารวัฒนา นัทธมน ธีระลีลา ตัวแทนสภาเด็กและเยาวชนแห่งประเทศไทย ซึ่งเข้าร่วมการเสวนาเห็นตรงกันว่า แม้ในสังคม จะตระหนัก และให้ความสำคัญกับการลดความเหลื่อมล้ำ ระหว่างเพศ แต่ในทางปฏิบัติไม่สามารถปฏิเสธได้เช่นกันว่า โอกาสความเท่าเทียม และการเข้าถึงทรัพยากร ยังมีช่องว่างที่เป็นปัญหาโดยเฉพาะในมิติของชายและหญิง
อุปสรรคที่ทำให้ผู้หญิงไม่สามารถพัฒนาตนเองสู่การมีส่วนร่วมในการสร้างอาชีพสร้างรายได้ และยังติดอยู่กับ กับดักความคิดและความเชื่อแบบเดิมที่มองว่าผู้หญิงต้องเป็นแม่บ้านเท่านนั้น ดังนั้นการสร้างโอกาสให้สตรีได้รับการสนับสนุน สร้างความเข้าใจจากคนในครอบครัวและชุมชน รวมทั้งการก้าวผ่านความกลัวของสตรี จะเป็นจุดเริ่มต้นของก้าวย่างแห่งความเท่าเทียม
พรรคไทยสร้างไทย พร้อมเป็นหนึ่งในแรงขับเคลื่อนทางการเมือง และทางสังคมที่สำคัญ เพื่อหนุนนำให้ การสร้างความเท่าเทียม เดินหน้าสู่เป้าหมายได้สำเร็จ ไม่ว่าจะเป็นการผลักดัน “กองทุนพลังหญิง” ให้เกิดความต่อเนื่อง สร้างโอกาสให้ผู้หญิงทุกคนมีงานทำ มีอาชีพที่มั่นคง โดยเฉพาะการ Upskill และ Reskill เพื่อเพิ่มทักษะในด้านต่างๆ
ขณะเดียวกันจะผลักดันศูนย์ “Women Care” โดยต่อยอดจากศูนย์พึ่งได้ ที่คุณหญิงสุดารัตน์ ได้ทำโครงการนี้ไว้เมื่อสมัยดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข รวมถึงการจัดตั้ง “กองทุนแม่เลี้ยงเดี่ยว” เพื่อให้แม่เลี้ยงเดี่ยว มีอาชีพ มีรายได้เลี้ยงดูตนเอง และลูกได้อย่างมั่นคง และที่สำคัญคือการพัฒนาสตรีให้มีบทบาทในทางการเมืองโดยเฉพาะการเพิ่มสัดส่วนของส.สผู้หญิงในสภา ควบคู่ไปกับการรณรงค์ให้ตระหนักรู้สิทธิและ เสรีภาพในด้านต่างๆพร้อมส่งเสริมให้ผู้หญิงเข้าไปมีส่วนในการบริหารทั้งการเมืองและราชการ อย่างน้อยร้อยละ 20