เปลว สีเงิน
ซื่อสัตย์ กตัญญู มั่นคง ธำรงชาติ
คือเครื่องหมายของคนดี
เมื่อวาน(๑๒ กพ.๖๗)ที่ “หอประชุมโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า” นครนายก
ส่วนราชการ “โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า” และส่วนราชการภายในจังหวัดนครนายก
โรงเรียนในพื้นที่ใกล้เคียง เช่น โรงเรียนเตรียมทหาร และโรงเรียนปิยชาติพัฒนา
จัดพิธีถวายพระพรชัยมงคล “ทูลกระหม่อมอาจารย์”
“พลเอกหญิงสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุุดาสยามบรมราชกุมารี”
เนื่องในวันคล้ายวัน “พระราชสมภพ” ๒ เมษายน ที่กำลังจะมาถึง
โดยมี “พลโท ไกรภพ ไชยพันธุ์” ผู้บัญชาการโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า เป็นประธานในพิธี
เพื่อแสดงความจงรักภักดีและน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ”พลเอกหญิงสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาสยามบรมราชกุมารี”
การจัดงานครั้งนี้ เพื่อให้ส่วนราชการ “โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า” และส่วนราชการ “ภายในจังหวัดนครนายก”
โรงเรียนในพื้นที่ใกล้เคียง….
เช่น โรงเรียนเตรียมทหาร และโรงเรียนปิยชาติพัฒนา ได้มีโอกาสร่วมถวายพระพร
“พันตรีวิสิทธิ์ เสนารักษ์” ทหารประสานงานเส้นทางเสด็จ ถนน “สายจงรักภักดี”
ระบุถึง “วัตถุประสงค์” การจัดงาน ตอนหนึ่งว่า
“พอมีเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตามที่ปรากฎทางโซเชียลมีเดีย แต่เราจะไม่หวั่นไหว
เพราะเรามีลักษณะสะเทินน้ำสะเทินบก
อะไรที่เกิดขึ้นในแผ่นดินนี้ ที่เป็นความชั่วร้าย ต่อไปจะขจัดออกไป
เพราะโรงเรียนของเรา ยืนยันจะหล่อหลอม ทั้งยังเป็นศูนย์รวมหลักที่ผลิตนายทหารชั้นสัญญาบัตรออกไปดูแลเสาเข็มที่สำคัญ
และเราเป็นโรงเรียนที่มีความมั่นคง โดยกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติในวันนี้ เรายืนหยัด ๓ ประการ คือ
๑. เพิ่มยาชูกำลังที่จะถวายให้พระองค์ท่าน
๒. เป็นส่วนหนึ่งของกิจกรรม Goodbye Summer และ ๓ ถวายพระพรไชยมงคล เนื่องในวันคล้ายวันพระราชสมภพ วันที่ ๒ เมษายน”
“ทหาร” ต่างจาก “นักการเมือง” ตรงที่
ทหาร มีไว้ทำ
ส่วนนักการเมือง มีไว้พูด
ดังนั้น เราจึงเห็น นักการเมืองจะบอกชาวบ้านว่า ทำได้ทุกเรื่อง ถ้าได้เข้าไปเป็นรัฐบาล
แต่ปรากฏว่า “หมาไม่แดก” ซักเรื่อง!
ตรงกันข้าม ทหารไม่เคยบอกชาวบ้านว่าทุกเรื่องทำได้และเป็นหน้าที่ของทหาร
แต่บ้านเมืองมีปัญหาครั้งใด ไม่ว่าน้ำท่วม ไฟไหม้ วิบัติภัยทุกประเภท นักการเมืองหายหัว มีแต่ทหารตัวเป็นๆออกมาทำ
รวมทั้ง “ทำรัฐประหาร” เมื่อสกัด “วิบัติชาติ” จากการเมืองโกง
ขนาดนั้นแล้ว ยังมีนักวิชาการผสมการเมืองบางตัว ออกมาตีโวหารถามอีกว่า “มีทหารไว้ทำไม?”
มันก็น่าถูกไอ้โอ๊ปยัดปากเหมือนกันนะ จะว่าไป!
สรุป…….
ทหาร “เน้นทำ-ไม่เน้นพูด”
“นักการเมือง” และ ข้าราชการประจบการเมือง “เน้นพูด-ไม่เน้นทำ”!
ก็นึกซะว่าทหารกับนักการเมืองเป็น “หยิน-หยาง” เพื่อถ่วงดุลที่ยอกย้อนยากต่อการเข้าใจอยู่พอควรก็แล้วกัน
ถ้าปล่อยให้หนักไป “ข้างใด-ข้างหนึ่ง” ประเทศชาติก็ “เสียศูนย์” ได้เหมือนกัน!
ถึงบอกไง ไม่ว่าระบอบไหนๆ โดยจำเพาะ อย่างเช่น “ระบอบประชาธิปไตย” หรือระบอบ “เผด็จการ”
จะนำมาใช้เป็นสูตรสำเร็จเพื่อการบริหารและปกครองสังคมมนุษยชาติ ชนิดครอบจักรวาลและตายตัวไม่ได้หรอก
โลกธาตุ คือ “ดิน,น้ำ,ไฟ,ลม” ไม่คงที่ แปรเปลี่ยนไปตามกาลเวลา
มนุษย์ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ ดิน,น้ำ,ไฟ,ลม มีพลังไฟฟ้าดึงดูดอยู่กับจักรวาล ย่อมต้องหมุนเวียน-เปลี่ยนแปรตามไปด้วยเป็นธรรมดา
โลกตะวันตก-ตะวันออก-เหนือ-ใต้ ต่างมีอิทธิพลเป็นกระแสครอบงำความรู้สึก-นึก-คิด ของมนุษย์ในทิศนั้นๆ ให้ต่างกันไป
ก็จะเห็นว่า มนุษย์ในแต่ละซีกโลก จะมีลัทธิ ศาสนา ประเพณี วัฒนธรรม ความเชื่อ หลากหลายต่างกันไปด้วย
ดังนั้น ระบอบปกครองที่ดีที่สุดของมนษยชาติ คือ….
“ระบอบที่สอดคล้องกับวิถีชีวิตและรากเหง้าของแต่ละชนชาตินั้นๆ”
ไม่ใช่ “ประชาธิปไตยจับยัด” อย่างทีชาติตะวันตก “สหรัฐ-ยุโรป” เที่ยวไปยึดครองแล้วยัดเยียดให้เขาเป็น
ในเมื่อยัดเยียดให้เขาเป็นประชาธิปไตย….
ความไม่สอดคล้องกับวิถีชีวิตและรากเหง้าของเขานั่นแหละ
ประชาธิปไตย นั้น มันก็คือ “ประชาธิปไตยขืนใจ” โดยตรง!
ทุกวันนี้ ไม่เพียงไทย เกือบทุกประเทศประชาธิปไตย กระทั่งสหรัฐ-อังกฤษ
ต่าง “พะอืด-พะเอา” กับประชาธิปไตยพันปี ที่ใช้ตอบโจทย์สังคมชาติปัจจุบันไม่ลงตัว เพราะมัน “หมดอายุ” แล้ว
เห็นสภาไทย หมกมุ่นจะเขียนรัฐธรรมนูญใหม่กัน เท่าที่ดู เขียนใหม่ ไม่ใช่ปัญหา
“ปัญญาคิด” นำไปสู่เนื้อหาที่จะเขียนเป็นกฎกติกาใช้กับสังคมบริหารและปกครองประเทศในมิติ “วิสัยทัศน์เปิด” สู่มิติโลกใหม่ นั่นตะหาก คือปัญหา
มีกันมั้ย?
เห็นสวมกระบังตาอยู่แค่ แก้รัฐธรรมนูญ กัดกร่อนบ่อนเซาะสถาบันพระมหากษัตริย์
แก้เพื่อเอาราชอาณาจักรไปซอยแยกเป็นสาธารณรัฐแบ่งกันไปปกครอง
แก้เพื่อให้เลือกตั้งเข้าสู่อำนาจโกงบ้าน-กินเมืองในลักษณะ “ผลประโยชน์ทับซ้อน” โดยถูกต้องตามกฎหมาย
แก้เพื่อเป็นตระกูลผูกขาด-สานต่อเป็นมรดกสืบทอดอำนาจกินเมืองผ่านระบบสภา
แก้เพื่อรวบอำนาจบริหาร-นิติบัญญัติเป็น “รัฐสภาเบ็ดเสร็จ”
แก้เพื่อไปเขียนกฎหมายลูกใหม่ “ปล่อยผี” คดีค้างนักการเมืองที่หลบหนีและสัมภเวสีเร่ร่อนให้กลับมาเสวยสุข คุกเป็นแค่บ้านพักรับรอง
เนี่ย…
ก็จะแก้ “เพื่อกู” อยู่แค่นี้!
ที่จะคิดแก้เพื่อสังคายนาเขียนกติกาปกครองประเทศใหม่ เอา “คุณธรรมมนุษยชาติ” เป็นตัวตั้ง
เอา “ชาติ-ศาสนา-สถาบันพระมหากษัตริย์” เป็นแกนกลาง
เอา “ทรัพยากรบุคคล” ในชาติเป็นพลังขับเคลื่อน ผ่านการพัฒนาด้วยการ “ศึกษา-อบรม-บ่มเพาะ” สู่อัจฉริยภาพมนุษย์มิติคิดนวัตกรรม ไม่มีเลย
จะแก้ มองไทยไปในอีก ๓๐-๕๐ ปีข้างหน้า อย่ามองแค่ ๔ ปี เพื่อการหากินเฉพาะหน้า
แล้วระดม “ทรัพย์ปัญญา-ปราชญ์ชาวบ้าน” ทุกภาคส่วนมาช่วยกันออกแบบ “ระบอบสังคมไทยใหม่”
ตกผลึกแล้วค่อย “ตกลงใจ” เขียนรัฐธรรมนูญ เป็นกติกาสังคมปกครองระบอบไทยคุณธรรม
ใช้แทน “ประชาธิปไตยจมปลัก” ปัจจุบัน!
เนี่ย….ช่วยกันเค้น “นวัตกรรมคิด” เพื่อสร้างบ้านทางระบอบใช้กับบ้านเมืองของเราใหม่ แบบนี้ไม่เห็นคิดกัน
ที่เห็น แค่แก้เพื่อ “แยกแผ่นดิน-ล้มสถาบันกษัตริย์” แล้วสถาปนาอำนาจการเมืองประชาธิปไตย “รัฐสภาเบ็ดเสร็จ” ใส่พานคลานไปซุกตีนอเมริกัน!?
ผมก็ “รำพึง-รำพัน” โดย “ลำพัง” จนแทบไม่เหลือพื้นที่คุยเรื่อง “ทานตะวัน” คนไล่ล่าเจ้า ในสายตาพิธาคือ “พิพิม” ลูกสาวของเขาเลย
ก็เอาซะหน่อย คือเมื่อวาน (๑๒ กพ.) พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร.ให้สัมภาษณ์นักข่าว ประมาณว่า
“ผมเชื่อกลุ่มทะลุวังออกมาเคลื่อนไหวแสดงพฤติกรรมแบบนี้ เขาไม่ได้ออกมาเอง แต่มี “ขบวนการที่อยู่เบื้องหลัง”
ขอรวบรวมพยานหลักฐานให้ชัดเจนก่อน และวันที่เราทำคดีให้ถึงที่สุด จะเห็นว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจทำงานละเอียด
นอกจากนี้ ผมได้พูดกับทีมงานว่า
“อย่าไปเร่งทํา” เพราะอาจผิดพลาดเหมือนกับที่ผ่านมา ดังนั้นขอเวลาอีก ๒ วัน….
จะได้เห็นว่าตำรวจแจ้งข้อกล่าวหา และจะมีหมายจับต่อไป”
นักข่าว:กลุ่มทะลุวังยังมีคดีที่รอลงอาญาอยู่อีกหรือไม่
ผบ.ตร.:มีอยู่ แต่ขอเวลา ๒ วัน ให้พนักงานสอบสวนรวบรวมหลักฐานคดีใหม่ และจะแจ้งข้อกล่าวหา
หากเรียบร้อยก็จะแถลงข่าวให้สาธารณชนรับทราบ และจะมีการพิจารณาขอถอนประกัน
นักข่าว:นอกจากกลุ่มทะลุวังแล้วจะออกหมายจับบุคคลอื่นที่อยู่เบื้องหลังหรือไม่
ผบ.ตร.: เบื้องต้นเอาเรื่องนี้ก่อน เรื่องอื่นค่อยว่ากัน แต่ได้รายงานนายกฯไปหมดแล้ว ว่ามีอะไรในเรื่องนี้บ้าง ขอรอให้เรื่องนี้สมบูรณ์ขึ้นอีกหน่อย
นักข่าว:การถอนประกันทำได้เลยหรือต้องรอศาล
ผบ.ตร.:ต้องรอศาล เรากำลังพิจารณาอยู่
นักข่าว:คนที่อยู่เบื้องหลังเป็นนักการเมืองหรือไม่
ผบ.ตร.: ยังไม่ยืนยัน ขอยังไม่ก้าวล่วง
นักข่าว:มีคนคอยช่วยเหลือแน่นอนใช่หรือไม่
ผบ.ตร.:ในแนวทางสืบสวน พบมีการให้คำปรึกษาและแนะแนวทางกับกลุ่มนี้
นักข่าว:จะเรียกผู้อยู่เบื้องหลังมาพูดคุยหรือไม่
ผบ.ตร.:ได้รายงานให้นายกฯทราบแล้ว จะมีการพิจารณาต่อไป
นักข่าว:มีการมองว่าตำรวจไม่ดำเนินการจริงจังหรือนิ่งเฉย
ผบ.ตร.:อย่างพี่น่ะหรอไม่เอาจริงเอาจังเรื่องถวายความปลอดภัย น้องก็รู้ว่าพี่ดูแลเรื่องนี้มานานมาก ไม่ต้องห่วง
ข้าราชการทุกคนเป็นข้าราชการในพระองค์ ที่เราจะดูแลความปลอดภัย ถือเป็นพันธกิจข้อแรกของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
ยืนยันว่าพี่จะทำให้ไม่มีข้อครหากับทุกฝ่ายและจะไม่มีการแจ้งข้อหาแบบหว่าน แต่จะทำในรูปแบบคณะกรรมการ มีการตรวจสอบชัดเจน
นักข่าว:กรณีขบวนเสด็จที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ เป็นการกระทำซึ่งหน้า แต่ตำรวจก็ยังนิ่งเฉย
ผบ.ตร.:ผมได้กำชับพนักงานสืบสวนตั้งแต่ก่อนเกิดเหตุการณ์จนถึงหลังเหตุการณ์ เราไม่ได้ดูแค่ซึ่งหน้า
ครับ…เอาละ ได้ความประมาณนี้ รอดูอีก ๒ วัน ตามที่ผบ.ตร.ท่านบอก
ตอนนี้ สน.ดินแดง ออกหมายเรียกทานตะวันกับนายณัฐชนน ไพโรจน์ ไปสอบปากคำแล้ว
แต่ทนายแจ้งว่า ๒ คนติดเรียนหนังสือ ๒๐ กพ.จะไปพบตำรวจ
เรื่องอื่นๆ พอเล่นกันได้
แต่กับเรื่องดูหมิ่น คุกคาม ไล่ล่า บุคคลในสถาบัน และกับ “กรมสมเด็จพระเทพฯ”
เอามาเล่นกันไม่ได้ และยอมกันก็ไม่ได้
เพราะ “กรมสมเด็จพระเทพฯ “คือ “หัวใจ” คนไทยทั้งชาติ…รู้กันไว้ด้วย!
เปลว สีเงิน
๑๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๗