เปลว สีเงิน
ก็บอกแล้ว…..
เราไม่ต้อง “หัวร้อน” กันไปมากนักหรอก เรื่องเขมรน่ะ
“ปลายตุลา.-ต้นพฤศจิกา.” สองพ่อลูกตระกูลฮุนก็ “ล่องจุ๊น” ไปเองแล้วมั้ง?
ไม่ต้องไปดูที่ไหนหรอก
ดู “ผมบนหัว” นายกฯ ฮุนมาเนต นั่นก็เห็นชัด!
ฮุนมาเนต อายุแค่ ๔๘ แล้วดูภาพที่นั่งจ๋องต่อหน้า “ศ.คิม จีนา” รมช.กระทรวงต่างประเทศเกาหลีใต้ที่มาบี้ให้จัดการกับแก๊งสแกมเมอร์ในเขมรซี
คนอายุ ๔๘ แต่ผมหงอกทั้งหัว!
ทั้งที่ตอนเป็น “พี่ฮุนมาเนต” ของ “น้องแพทองธาร” ที่เธอคุยโทรศัพท์เตี๊ยมเล่นละครการเมืองตบตาชาวบ้านกับอังเคิลฮุนเรื่องเปิด-ปิดด่าน เมื่อ ๒ เดือนก่อน นั่นน่ะ
“พี่ฮุนมาเนต” ยังเป็นนายกฯ หัวดำขลับเหมือนขัดด้วยกีวีอยู่เลย!
แต่แทบไม่น่าเชื่อ ทำสะแอ๋งกับไทยเรื่องชายแดนจนถูกสั่งสอนกลับไป ชนิดไม่อาลัยศพเพื่อน
และรัฐบาลเปลี่ยนจาก “เพื่อไทย” ของทักษิณพ่อนายกฯ แพทองธาร ไปเป็นรัฐบาล “ภูมิใจไทย” ของนายกฯ อนุทิน
นั่นทำให้ “คิดหนัก”
หนัก ถึงขั้นขนหัว “เปลี่ยนสี” จากสีดำเป็นสีดอกเลาทั้งหัว แสดงว่า “ความเครียด” วิ่งจากหัวลงกระเพาะ-จากกระเพาะขึ้นหัว
แบบนี้ ล้มหมอน-นอนฟูก เอาได้ง่ายๆ
ยิ่งสังเกตสีหน้า บ่งบอกว่า ช่วงนี้ คงกินไม่ได้-นอนไม่หลับ กับการเล่นบท “เหยื่อ”
ที่ถูก “คนทั้งโลก” จับได้!
“ลูกเชื่อพ่อสารพัดพิษมันก็ต้องพัง” เป็นอย่างนี้แหละไอ้หนูเอ๊ย ไม่เชื่อลองถามน้องแพทองธารเค้าดูก็ได้!
ตัวพ่อก็เหมือนกัน….
ปากแข็ง แต่ขาสั่น ตูดนิ่มป๋อย ตอนนี้ กล้าๆ กลัวๆ ทำเป็นขู่ฟ่อว่า “หมดความอดทน-อดกลั้นกับไทยแล้วนะ”
ถ้า ๒๐ ตุลา. “ไทยไม่เปิดด่าน” เป็นเรื่องแน่!
เมื่อวาน (๑๗ ต.ค.) เห็นทิด “เพ็ญ โบนา” โฆษกรัฐบาลเขมร แถลงการณ์ “ขี้ตู่กลางนา-ขี้ตาตุ๊กแก” ว่า
ไทยบุกรุก “บ้านหนองหญ้าแก้ว-บ้านหนองจาน” ที่เป็นแผ่นดินของเขา
แล้วลงท้ายว่า………..
“แม้ว่ารัฐบาลกัมพูชาจะใช้ความยับยั้งชั่งใจอย่างที่สุดในการบังคับใช้ข้อตกลงหยุดยิง เพื่อป้องกันการ “ปะทะด้วยอาวุธ”
ที่อาจก่อให้เกิดความเสียหายใหญ่หลวงต่อประเทศชาติและประชาชนทั้งสองฝ่าย
แต่รัฐบาลกัมพูชา “ขอสงวนสิทธิ์” ในการปกป้องอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนตามอนุสัญญา สนธิสัญญา และกฎหมายระหว่างประเทศ”
“ทิดเพ็ญ โบนา” เอ๊ย จะต้องไปสงวนส่ง-สงวนสิทธิ์ทำไม๊?
ไปบอกนายกฯ ฮุนมาเนตและพ่อของเขาด้วย
ว่า…ไม่ต้องยับยั้งชั่งใจหรอก ท้องผูกเปล่าๆ
อยากปะทะด้วยอาวุธละก็ รีบๆ มาเลย ชั่วโมงไหน เวลาไหนได้ทั้งนั้น ไม่ต้องเกรงใจ เพราะ “ไทย-เขมร” เรากันเอง นอนหลับก็ปลุกได้!
ตอนนี้ เขมรเหมือนคางคกในหม้อต้มบนเตาไฟ
ทั้งสหรัฐฯ และอังกฤษ “ยึดทรัพย์สิน” ในเครือข่ายของนาย “เฉิน จื้อ” จำนวน ๑๕,๐๐๐ ล้านเหรียญสหรัฐฯ
เพราะมีพฤติกรรมฟอกเงิน, สนับสนุนขบวนการค้ามนุษย์ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยใช้ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ และสถาบันการเงินเป็นฉากบังหน้า
“นายเฉิน จื้อ” ก็คือ เงาฮุนเซน
เมื่อ ”นายเฉิน จื้อ” ถูกสหรัฐฯ-อังกฤษ “คว่ำบาตร” ก็เท่ากับเขมรถูกคว่ำบาตรไปด้วย
แถมถูกประทับตรา กัมพูชาเป็นแหล่งเพาะ “อาชญากรรมข้ามชาติ”!
ตอนนี้หน่วยปราบของสหรัฐและเกาหลีใต้เข้าไปทลายแหล่งก่ออาชญากรรมข้ามชาติในเขมร
แต่อย่างว่า มีหรือที่ “รัฐบาลเขมร” จะไม่ส่งซิกให้ขนย้าย เปิดตูดหนีไปกันก่อนจนหมด!
“ธนาคารปรินซ์” ของนายเฉิน จื้อ ในเขมร เท่ากับเจ๊งกรายๆ ในเมื่อผู้ฝากแห่ไปถอนเงินพร้อมๆ กัน จะเอาเงินที่ไหนมาให้เขาถอนได้ล่ะ?
สงครามสู้รบ ยังติ๊ดชึ่งได้
แต่สงคราม “เศรษฐกิจ-การเงิน” ติ๊ดชึ่งไม่ได้ ในเมื่อ สหรัฐ-อังกฤษคว่ำบาตรเขมร
แบงก์ล้ม นักลงทุนถอนการลงทุน คนตกงาน สินค้าเกษตรขายไม่ได้ สินค้าอุปโภค-บริโภค ที่ต้องนำเข้าก็ไม่มีให้กิน-ให้ใช้ เพราะไทยปิดด่าน
แล้วแบบนี้ เขมรจะไปได้ซักกี่น้ำ?
ชาวบ้านอดอยาก ลำบากยากแค้น หิวโหยกันมากขึ้น ความกลัวฮุนเซน ก็จะกลายเป็นความกล้า….พากันลุกฮือ
“ไอ้สองพ่อลูกตระกูลฮุน มึงพาพวกกูไปตาย……
กวนตีนไทยจนเขาปิดด่าน หลอกพวกกูกลับบอกว่ามีงานให้ทำ แล้วไหนล่ะงาน พวกมึงกินแต่หมูหัน แต่พวกกูชาวบ้านต้องจับหมามาหันกิน ไอ้ฮุนกังฉินกินเมือง พวกมึงไปกันซะเถอะ ไม่งั้น…ตาย”
นี่…อนาคต “ผู้นำทรราช” รวยอยู่ตระกูลเดียว แต่ชาวบ้านอดอยาก-ยากไร้ ลงท้าย มักหนีไม่พ้นความตายจากน้ำมือประชาชน!
มีคนกระแนะ-กระแหนไทยว่า “ไม่มีน้ำยา”
สู้เกาหลีไม่ได้ คนของเขาตายคนเดียว เอาเรื่องถึงขั้นจะส่งกองทัพมาบุกเขมร
ผมว่า อย่าพูดรานน้ำใจรัฐบาลและทหารของเราให้มากนักเลย เพราะในแต่ละเรื่อง-แต่ละสถานะการณ์ เหตุปัจจัย-เงื่อนไข-สถานที่-กาลเวลา มันไม่เหมือนกัน
เรา “ยกย่อง-ชื่นชม” ประเทศอื่นได้
แต่ไม่ควร “ยกประเทศอื่น” มาเปรียบเทียบในเชิงเหยียบย่ำ เยาะเย้ย เป็นการด้อยค่าชาติของเรา-ทหารของเรา
เรื่อง “ความมั่นคง” น่ะ มันละเอียด-ซับซ้อน ด้วยข้อมูลและการข่าว และการเดินแผนที่ต้องไม่แพร่งพรายออกไปข้างนอก
มันไม่ใช่ประเภท “ข่าวสารใต้เตียงดารา” ที่จะนำมาละเลงกันได้มันปากกลางจอ-กลางตลาดสด
ฉะนั้น ตอนนี้ เราก็ขึ้นภูดูเสือเตะตูดสองพ่อลูกเลี้ยงแกะไปเพลินๆ สหรัฐก็มา อังกฤษก็มา เกาหลีใต้ก็มา ญี่ปุ่นก็มา
ถนนทุกสาย ตอนนี้มารวม “สหบาทา” สองพ่อลูกเมืองเขมร!
เราจะต้องไปเที่ยวโพนทนา “เอาหน้า-เอาตา” แข่งกับเกาหลีที่เข้ามาเป็นโจทย์ร่วมในเรื่องนี้กับเราไปเพื่ออะไร?
เราก็มีบทเล่นของเราอยู่แล้ว…..
ไม่เห็นหรือ ตอนนี้ กองทัพภาค ที่ ๑ ที่สระแก้ว, กองทัพภาค ที่ ๒ ที่อีสานใต้ และกองทัพเรือ ที่จันทบุรี-ตราด
“ตีรุก” เอาแผ่นดินไทยที่เขมรบุกรุกเข้ามายึดครองกลับคืนมาทั้งด้านอีสานใต้ ทั้งด้านสระแก้ว ทั้งด้านจันทบุรี-ตราด
เรื่องคุย JBC, GBC, RBC กับเขมร
รัฐบาลอนุทิน โดยกระทรวงต่างประเทศ สมช., กลาโหม และกองทัพ มีธงชัดเจนอยู่แล้ว ๔ ข้อ บอกหลายครั้งแล้ว ไม่ต้องบอกอีกนะ
ถ้าเขมร ไม่ทำแผนปฎิการตามเงื่อนไข ๔ ข้อนั้นส่งมาให้ไทยดูก่อน
ไทยก็ไม่คุยและไม่เปิดด่าน!
แม้ที่ “นายกฯ อนุทิน” จะไปประชุม “เอเปก” ที่เกาหลีใต้ ปลายเดือนนี้ ถึงแม้ “ประธานาธิบดีทรัมป์” จะมาและเป็นท้าวมาลีวราชให้ไทยสันติภาพกับเขมร
ไทยก็มีธงตั้งไว้แล้ว
โอเค…ตกลง สมานฉันท์-ญาติดีกับเขมรก็ได้ แต่เขมรต้องทำตาม ๔ เงื่อนไขนั้นให้ปรากฏก่อน “สันติภาพ” ไทย-เขมร จึงจะเกิด!
ไทยเป็น “ชาติเอกราช”
ที่จะต้องเป็น “เกงเกงใน” ให้มหาอำนาจ เมินซะเถอะชาตินี้!
สรุป เราต้องเป็นฝ่ายยื่นเงื่อนไขและยืนกราน
ถ้าเขมร…ไม่
ไทยก็ “ปิดด่าน” จนกว่าจะคลานมากราบตีน!
เปลว สีเงิน
๑๘ ตุลาคม ๒๕๖๘
