สันต์ สะตอแมน
“..ผมมองตาตะวันแล้วเห็นพิพิมลูกสาวของผมอยู่ในนั้น”
นี่..ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรคก้าวไกล คุณพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ได้เคยพูดไว้กลางสภา ซึ่งหลายคนก็ไม่รู้ว่า หมายถึงอะไร อย่างไร?
ทำไม ลูกสาวคุณพิธาถึงไปอยู่ในดวงตาของเด็กคนนั้น หรือคุณพิธาจะบอกว่า ตะวันกับพิพิมมีความเหมือนทั้งนิสัย พฤติกรรม และตาหน้า
ซึ่งถ้าเป็นอย่างนั้นก็ดูจะไม่เป็นธรรมและใจร้ายกับลูกสาวตัวเองเกินไป เพราะความจริงหลานพิพิมอาจไม่ได้มีอะไรที่เหมือนหรือคล้ายกับเด็กตะวันเลย!
อะไรไม่ว่า การที่คุณพิธามองตาตะวันแล้วเห็นลูกสาวอยู่ในนั้น ตอนนี้หลังจากที่เธอได้สร้างวีรกรรมระยำอัปรีย์จนชาวบ้านด่าขรมกันไปทั่วบ้านทั้งเมือง
ก็เลยทำให้ใครต่อใครพากันเพ่งมองเข้าไปในตาตะวันกันยกใหญ่ ส่วนใครจะมองเห็นอะไรกันบ้างไม่ทราบ ทราบแต่ว่าเพื่อนผมคนหนึ่งบอก..
กูเห็นเหี้ยวะ!
พูดถึงตะวันจะคนเดียวกับเด็กชื่อ “ทานตะวัน” รึเปล่าคงเดาได้ โดย น.ส.ทานตะวัน ตัวตุลานนท์ได้โพสต์..ชี้แจงความจริง 4 ข้อ คือ
1.วันนั้นเพิ่งกลับจากงานศพ และมีธุระจะไปทำแถวอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ 2. เราไม่ได้รู้ว่าจะมีขบวนเสด็จฯ และไม่ได้มีความตั้งใจจะไปป่วน รวมถึงไม่ได้ขวางขบวนตามที่เป็นข่าว
เพราะหากใครดูคลิปจริงๆ ก็จะรู้ว่าไม่ได้ขวางขบวนหรือปาดหน้าขบวนตามที่สื่อหลายช่องบอก
แต่เพียงขับรถเร็วและไม่ระมัดระวังจริงๆ เพื่อจะรีบไปให้ถึงอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิตามที่เราจะไปทำธุระ
3. เราทบทวนเหตุการณ์นั้นและคิดได้ว่า การขับรถเร็วและไม่ระมัดระวังแบบนั้นเป็นสิ่งที่ไม่ควรกระทำ จึงได้ขอโทษในส่วนนี้ไป และจะนำไปปรับปรุงเพื่อไม่ให้เกิดขึ้นอีก
4. เรายังคงยืนยันในสิทธิและเสรีภาพในการตั้งคำถามแบบที่เราได้ถามไปตามไลฟ์ โดยที่เราเรียกตำรวจว่าพี่ และตัวเราไม่ได้พูดคำหยาบใดๆ กับตำรวจ มีเพียงการตั้งคำถามเท่านั้น
“นี่คือความจริงทุกตัวอักษร จะเชื่อหรือไม่เป็นสิทธิของทุกคน ที่มีคนบอกว่าเราขวางหรือขับรถตามขบวนเสด็จฯ ไม่เป็นความจริง ขอบคุณค่ะ”
ครับ..ใครจะเชื่อก็เชื่อไป แต่ดูเหมือนศิษย์วัดไก่เตี้ย คุณวันชัย สอนศิริ จะไม่เชื่อจึงได้โพสต์..
“ถามว่าเรื่องอย่างนี้ เราจะทำอย่างไร ถ้ามองในแง่กฎหมายก็อาจจะว่ากันไปในทางกฎหมาย แต่สิ่งที่สังคมไทยพึงปฏิบัติ รวมถึงทุกภาคส่วนเห็นว่า พฤติกรรมที่จะยับยั้งการกระทำอย่างนี้
คือการปฏิเสธการกระทำของบุคคลเหล่านี้ และต้องประณามการกระทำของบุคคลเหล่านี้ ใครก็ตามที่สนับสนุน เออออห่อหมก หรือมีส่วนเห็นด้วย เราต้องช่วยกันประณาม
และตะโกนออกมา ให้คนพวกนี้ไม่มีการกระทำในลักษณะอย่างนี้อีก ไม่ควรมีที่อยู่ในสังคม ถ้าใครเป็นพ่อเป็นแม่เป็นปกครอง ก็ควรจะต้องสั่งสอนลูกของตัวเอง
ส่วนกรณีที่ผู้กระทำอ้างว่าไม่รู้ว่าเป็นขบวนเสด็จนั้น ฟังไม่ขึ้นเพราะเท่าที่ดูจากคลิป จากพฤติกรรม กรรมเป็นเครื่องชี้เจตนาอยู่แล้ว สิ่งที่เกิดขึ้น ทั้งการกั้น การดำเนินการ ใครก็รู้อยู่แล้ว
ตัวเองก็น่าจะรู้ได้ว่าเป็นขบวนเสด็จ ตำรวจเองก็แจ้งอยู่ แต่ยังมีพฤติกรรมที่สวนกับตำรวจ ทั้งๆ ที่ตำรวจแจ้งแล้วว่าคือขบวนอะไร มีภารกิจอย่างไร แต่ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้
แน่นอนคนที่กระทำอย่างนั้น อาจจะกล่าวอ้างโต้แย้งภายหลังเป็นเรื่องปกติ แต่คนทั่วไปเขารู้ว่าคุณกำลังทำอะไรอยู่”
นั่นสิ..ทำห่าอะไรย่อมรู้แก่ใจ อย่าแหล!?