29 มกราคม 2567 น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล เลขานุการ รมว.มหาดไทย และ โฆษกกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า วันนี้ (29 ม.ค.67) เวลา 13.30 น. ณ ห้องประชุมราชสีห์ ศาลาว่าการกระทรวงมหาดไทย นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย เป็นประธานในการมอบนโยบายการจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2568 โดยมี นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย นายยุทธนา สาโยชนกร รองผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ พร้อมผู้บริหารส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ หน่วยงานในกำกับกระทรวงมหาดไทย เข้าร่วม
นายอนุทิน กล่าวว่า การจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ.2568 ให้ทุกหน่วยงานให้ความสำคัญและใช้นโยบายรัฐบาลเป็นตัวตั้งต้นและเป็นกรอบแนวทางในการจัดทำแผนงาน กำหนดสัดส่วนงบประมาณสะท้อนนโยบายสำคัญของรัฐบาลเป็นลำดับแรก จากนั้นทบทวนว่ามีอะไรเป็นเรื่องเฉพาะหน้าที่ต้องปรับปรุงแก้ไข เป็นพิเศษหรือไม่
“ตอนนี้งบประมาณรายจ่ายปี 2567 ยังอยู่ในกระบวนการผ่านร่างกฎหมาย และเราต้องทำงบประมาณปี 2568 คู่ขนานไป เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นไม่บ่อยนักอย่างมากก็ทุก 4 ปี ซึ่งปีนี้เองการเปลี่ยนผ่านอยู่ในช่วงการจัดทำงบประมาณพอดี แต่ผมก็เชื่อว่าเราจะสามารถบริหารให้ดีได้ โดยในทางปฏิบัติแล้วรอบปีงบปี 68 เราจะดำเนินการเป็น Dual Budget คู่ขนานระหว่างงบประมาณปี 67-68 เราต้องวางแผนเต็มที่เพื่อให้การใช้งบประมาณเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งถือว่ามหาศาลสำหรับกระทรวงมหาดไทยที่ปีหนึ่งมีงบ 3-4 แสนล้านบาท ซึ่งปี 67-68 เราต้องบริหารจัดการงบประมาณ 2 เท่าตัวหรือไม่ต่ำกว่า 5-6 แสนล้านบาทแน่นอน หากบริหารจัดการให้ดีจะช่วยประเทศในการกระตุ้นเศรษฐกิจ เพิ่มรายได้ให้ประชาชนด้วย” นายอนุทิน กล่าว
รมว.มหาดไทย กล่าวว่า ขอเน้นย้ำเป็นนโยบายว่าการจัดทำงบประมาณปี 68 ของทุกหน่วยงานขอให้ใช้ความคิดสร้างสรรค์ ใช้ประสบการณ์ที่ผ่านมามองหาจุดที่จะปรับปรุงได้ แล้วจะจัดสรรงบประมาณในสัดส่วนต่างๆอย่างไร ไม่ว่าจะเป็นรายจ่ายประจำ รายจ่ายที่เป็นการลงทุนสร้างสิ่งใหม่ๆ หรือรายจ่ายเพื่อการศึกษาและพัฒนาโครงการต่างๆ ให้เกิดประสิทธิภาพ และประสิทธิผลสูงสุด ซึ่งวิธีคิดแบบนี้ อาจช่วยให้เกิดมุมมองใหม่ๆได้ และประสบการณ์เดิมที่ท่านมีอยู่ ก็จะช่วยกลั่นกรองความเป็นไปได้ ทำให้เกิดเป็นแผนงาน ที่ทั้งสร้างสรรค์และรอบคอบไปพร้อมกัน
ทั้งนี้ ขอทบทวนแผนงานให้สอดคล้องกับ 10 นโยบายหลักที่ผมได้ให้นโยบายไว้เมื่อตอนเข้ารับตำแหน่ง ซึ่งบางส่วนได้เริ่มไปแล้วละต้องสานต่อให้เกิดความต่อเนื่อง ได้แก่ ได้แก่ 1. การพัฒนาคุณภาพชีวิตและสร้างรายได้ โดยการน้อมนำแนวพระราชดำริมาประยุกต์ใช้ 2. การเข้าถึงน้ำดื่มสะอาดฟรี ลดค่าใช้จ่ายให้ประชาชน 3. การลดค่าใช้จ่ายพลังงานไฟฟ้าและน้ำมันของทุกส่วนราชการ 4. ส่งเสริมการใช้พลังงานสะอาด 5. การจัดระเบียบสังคม ปราบปรามผู้มีอิทธิพล 6. การบริการประชาชนแบบ One Stop Service 7. การอำนวยความสะดวกและดูแลความปลอดภัยนักท่องเที่ยว หลังโควิด 8. การส่งเสริมเศรษฐกิจฐานราก การผลิต การตลาด และการจำหน่าย 9. การแก้ไขปัญหายาเสพติด 10. สนับสนุนการพัฒนาระบบสาธารณสุขปฐมภูมิ และการเตรียมความพร้อมท้องถิ่นรองรับสังคมผู้สูงอายุ
“ด้วยสถานการณ์ด้านสภาพอากาศในปัจจุบัน ผมขอให้เราได้ให้ความสำคัญกับเรื่องอากาศสะอาด ด้วยการลดมลภาวะทางอากาศ ฝุ่นควันพิษ PM2.5 การป้องกันไฟป่า ลดการเผาป่าและพื้นที่การเกษตรในที่โล่งแจ้ง ขอให้ ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ใช้กลไกของตนเองสนับสนุนการดำเนินงานดังกล่าว ด้วยงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2568 และขอเพิ่มเรื่อง อากาศสะอาด เป็นนโยบายด้านที่ 11 ของกระทรวงมหาดไทย” นายอนุทิน กล่าว
รมว.มหาดไทย กล่าวว่า พร้อมกันนี้ขอให้ทุกหน่วยงานให้ความสำคัญกับการลงทุนพัฒนาทรัพยากรที่สำคัญที่สุดคือทรัพยากรมนุษย์ทั้งผู้บริหาร ข้าราชการ พนักงาน และอาสาสมัครต่าง ๆ ต้องพัฒนาให้มีศักยภาพสูงมีแรงจูงใจ มีคุณภาพชีวิตที่ดี ให้ทุกคนได้มีทั้งความสุข มีกำลังใจและความสนุกในการทำงานเพื่อรับใช้พี่น้องประชาชน ตลอดจนให้ความสำคัญกับ 3 มิติในการทำงาน คือ คำนึงถึงเป้าหมาย หน้าที่และพื้นที่ เพื่อลดความซ้ำซ้อน และใช้งบประมาณได้อย่างคุ้มค่า และมีประสิทธิภาพ
น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า หลังจาก รมว.มหาดไทยมอบนโยบายแล้วผู้แทนสำนักงบประมาณได้ชี้แจงแนวทางการจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2568 จากนั้นหน่วยงานต่างๆ รวม 12 หน่วยงาน ได้ชี้แจงถึงวงเงินและโครงการสำคัญ ที่จะขอรับการสนับสนุนงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2568 ประกอบด้วย สำนักงานปลัดกระทรวงมหาดไทย กรมที่ดิน กรมการพัฒนาชุมชน กรมโยธาธิการและผังเมือง กรมการปกครอง กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กรุงเทพมหานคร เมืองพัทยา การประปานครหลวง การประปาส่วนภูมิภาค และ องค์การจัดการน้ำเสีย