5 มกราคม 2567 นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน กล่าวชี้แจงต่อที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร ถึงประเด็นการปรับค่าจ้างขั้นต่ำว่า
ผมขอขอบคุณสมาชิกสภาผู้ทรงเกียรติ ที่ได้ติดตามเรื่องของงบประมาณของกระทรวงแรงงาน ที่ท่านได้มีข้อแนะนำที่ดีในหลายเรื่อง
ซึ่งตัวผมเองจะได้นำสิ่งที่ท่านได้แนะนำมาไปปรับและหารือกับข้าราชการกระทรวงแรงงานเพื่อปรับใช้และพัฒนาเพื่อให้ทันสมัยต่อไป
ส่วนกรณีที่ได้มีการพูดถึงค่าแรงขั้นต่ำว่า มีการพิจารณาค่าแรงขั้นน้อยจนเกินไป ซึ่งในเรื่องนี้ผมได้นำเรียนท่านนายกรัฐมนตรีแล้วว่า คณะกรรมการไตรภาคีได้มีการประชุม และลงมติ 2 ครั้งด้วยกัน
ครั้งแรกผมได้ตั้งข้อสังเกตว่าเนื่องจากได้มีการนำข้อมูลในปี 2563 และปี 2564 ซึ่งเป็นช่วงที่ทั่วโลกต่างได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ซึ่งแน่นอนว่าในช่วงนั้นอัตราค่าเงินเฟ้อติดลบ เศรษฐกิจล่มสลาย
จึงได้มีการประชุมครั้งที่ 2 ซึ่งไตรภาคีก็ยังยืนยันเหมือนเดิม ผมจึงได้นำเข้าคณะรัฐมนตรีเพื่อรับทราบ และได้ประกาศใช้เมื่อวันที่ 1 มกราคมที่ผ่านมา
นายพิพัฒน์ กล่าวต่อว่า ผมได้หารือกับปลัดกระทรวงแรงงานว่าในกรณีดังกล่าวเป็นการประกาศพิจารณารายจังหวัดซึ่งเป็นรูปแบบที่ไม่ทันสมัย ซึ่งขณะนี้ประเทศไทยเรามีความทันสมัยมากกว่าในอดีต ซึ่งจะมีการหารือกันอีกครั้งในวันที่ 17 มกราคมนี้ว่า
ภายในอีก 2-3 เดือนข้างหน้าเราจะพิจารณาค่าแรงขั้นต่ำกันอีกครั้งหนึ่ง ว่าเราจะมีมูลฐานหรือข้อมูลอะไรเพิ่มเติม ซึ่งผมได้ให้หลักการตามที่ท่านนายกรัฐมนตรีได้ให้ข้อแนะนำว่า ให้ลงในรายละเอียดถึงระดับตำบล อำเภอ หรือรายเทศบาล และลงไปในรายละเอียดถึงสาขาอาชีพ ว่าอาชีพไหนควรจะมีค่าแรงขึ้นไปถึง 400 บาท และในพื้นที่ไหน จังหวัดใด
โดยนายพิพัฒน์ ได้ยกตัวอย่างจังหวัดสงขลา ที่ประกาศค่าแรงขึ้นมาอีก 10 บาท ซึ่งประกาศครอบคลุมทั้งจังหวัด โดยสงขลาเป็นจังหวัดชุมชนเมืองท่องเที่ยว แต่ยังมีอีกหลายอำเภอซึ่งเป็นอำเภอชนบท หากจะขึ้นค่าแรงทีเดียวถึง 400 บาท ทั้งจังหวัดถือว่าไม่ยุติธรรมสำหรับผู้ประกอบการในชนบท
ซึ่งในเรื่องนี้จะต้องไปศึกษาในรายละเอียดว่าเป็นไปได้หรือไม่ว่าในเขตเทศบาล อาชีพที่เกี่ยวกับท่องเที่ยว โรงแรม ร้านอาหาร สามารถขึ้นค่าแรงถึง 400 บาทได้หรือไม่ ซึ่งผมมั่นใจว่าก่อนเดือนเมษายน ก่อนปีใหม่ไทย เราจะประกาศอีกครั้งสำหรับค่าแรงขั้นต่ำ
นายพิพัฒน์ กล่าวว่า ในส่วนของประกันสังคมที่บอกว่าอีก 30 ปี กองทุนจะล้มละลาย ซึ่งตนเข้ามาสู่กระทรวงวันแรก ตนก็ได้มอบนโยบายภายในยุคที่ผมอยู่ในกระทรวงแรงงาน กองทุนต้องมีดอกผลให้ได้ถึง 5% ซึ่งจะทำให้มีรายได้จาก 6หมื่นล้าน เป็น 1แสน2หมื่นล้านบาท ก็จะทำให้กองทุนอยู่ในได้อินฟินิตี้ปี
ในส่วนของสิทธิประโยชน์ของผู้ใช้ประกันสังคมในมาตรา 40 ซึ่งผู้ประกันตนจะใช้สิทธิ์ของสำนักงานหลักประกันสุขภาพในการรักษาตัว หลังจากนั้นจึงมาใช้สิทธิ์ของประกันสังคมในการรักษาตัวต่อเนื่องเพื่อรอการฟื้นฟู ซึ่งตนก็พยายามชวนให้ประชาชนมาใช้สิทธิ์