จมหนี้ เสียเอกราช – ผักกาดหอม

ผักกาดหอม

ล้างหูรอ!

วันนี้ (๙ พฤศจิกายน) บ่าย ๒ โมงเป็นต้นไป นายกฯ เศรษฐา จะแถลงเรื่อง แจกเงินดิจิทัลหัวละหมื่นบาท

ส่งสัญญาณมาชัดเจนว่า “จบ”

“ก็บอกแล้วว่าอย่าพูดเล็กพูดน้อย เดี๋ยวผมพูดเอง พูดคนเดียวจบเลย”

สาธุ…ขอให้จบจริง

และจบแบบประชาชนเข้าใจตรงกันว่า เงินดิจิทัลวอลเล็ตคืออะไร เอาไปใช้อย่างไร จ่ายกี่งวด ซื้ออะไรได้บ้าง ซื้อที่ไหน เกี่ยวโยงกับระบบภาษีอย่างไร

ถ้าไม่เคลียร์ คือไม่จบ

สามสี่วันมานี้ “ช่วยคลัง-จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์” หัวเรือใหญ่ดิจิทัลวอลเล็ตดูเงียบไป ก็คงเพราะยิ่งพูดกันเยอะก็ยิ่งสับสน

เยอะคนก็ยิ่งมั่ว!

ที่มั่วก็เพราะเจ้าภาพยังเข้าใจไม่ตรงกัน แล้วชาวบ้านจะรู้เรื่องได้อย่างไรกัน

แต่ก็พอสรุปสถานการณ์ล่าสุดก่อนที่นายกฯ จะแถลงข่าว

คณะอนุกรรมการขับเคลื่อนโครงการเติมเงินดิจิทัล ๑๐,๐๐๐ บาท สรุปเรื่องส่งคณะกรรมการชุดใหญ่ ยังคงยืนยันหลักเกณฑ์การคัดแยกกลุ่มผู้ได้รับสิทธิดิจิทัลวอลเล็ต ๓ กลุ่มเหมือนเดิม

ก็คือ ๓ แนวทางตัดคนรวยออกจากลาภลอยที่รัฐบาลจะมอบให้

มีดังนี้….

๑.ตัดสิทธิคนที่มีรายได้เกิน ๕ หมื่นบาทต่อเดือน และมีเงินในบัญชีมากกว่า ๕ แสนบาท ซึ่งจะเหลือผู้เข้าเกณฑ์ ๔๙ ล้านคน ใช้งบประมาณ ๔.๙ แสนล้านบาท

๒.ตัดสิทธิคนที่มีรายได้เกิน ๒.๕ หมื่นบาทต่อเดือน และมีเงินในบัญชีมากกว่า ๑ แสนบาทออก ซึ่งจะเหลือผู้ที่เข้าเกณฑ์ ๔๓ ล้านคน ใช้งบประมาณ ๔.๓ แสนล้านบาท

๓.ให้สิทธิเฉพาะกลุ่มเปราะบางคือ ผู้ที่ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐที่มีราว ๑๕-๑๖ ล้านคน ใช้งบประมาณ ๑.๕-๑.๖ แสนล้านบาท

ก็ไม่ทราบว่า คณะกรรมการชุดใหญ่จะเคาะแนวทางไหนให้นายกฯ แถลง

แต่ทั้ง ๓ แนวทาง น่าจะเป็นคนละวัตถุประสงค์ที่รัฐบาลประกาศก่อนหน้านี้

ย้ำกันอีกที รัฐบาลยืนยันนโยบายแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ตเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจเท่านั้น

ไม่ใช่นโยบายสงเคราะห์ผู้ยากไร้

ฉะนั้นทางเลือกที่ ๓ จะไม่เข้าข่ายวัตถุประสงค์ของรัฐบาล

แต่หากรัฐบาลเลือกข้อ ๓ ก็ต้องอธิบายให้ชัดเจนว่า นโยบายนี้เพื่ออะไรกันแน่

จึงมีเพียงทางเลือกที่ ๑ และ ๒ เท่านั้น ซึ่งใช้งบประมาณไม่ต่างกันมากนัก แต่จะกระตุ้นเศรษฐกิจได้จริงหรือไม่ ก็ยังเป็นคำถามที่รัฐบาลต้องตอบด้วยความรับผิดชอบต่องบประมาณแผ่นดินที่มาจากภาษีของประชาชน

“ภาษีกู” นั่นแหละครับ!

ที่มาของเงิน ชัดเจนที่สุด ณ เวลานี้คือ มาจากงบประมาณแผ่นดิน

งวดแรกอยู่ในงบประมาณปี ๒๕๖๗

อีก ๓ งวดตั้งเป็นงบผูกพันไปอีก ๓ ปี

มีคำอธิบายของ “ช่วยคลัง” ที่ฟังแล้วงงหนักเข้าไปอีก

“…เนื่องจากรัฐบาลยืนยันจะจัดสรรเงินให้อย่างแน่นอน โดยเม็ดเงินที่จะมีการใช้จ่ายจำนวนแสนล้านต่อปี จะเป็นแรงจูงใจให้ร้านค้าเข้าร่วม

การจัดสรรงบประมาณในแต่ละปี รัฐบาลจะจัดทำเป็นงบผูกพัน เพื่อป้องกันปัญหาการขาดแคลนแหล่งเงิน…”

ไหนบอกว่าแจกปูพรมงวดเดียวทั่วประเทศ ต้องใช้ให้หมดใน ๖ เดือน

ก็แสดงว่าต้นปีหน้าต้องมีเงินมากองไว้แล้ว ๔-๕ แสนล้านไม่ใช่หรือ

“ช่วยคลัง” ก็พูดเองไม่ใช่หรือว่า การแบ่งแจกเป็น ๓-๔ งวด จะไม่เกิดผลฉุดกระชากเศรษฐกิจ เพราะรัฐบาลมีเป้าหมายกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่

ต้องทิ้งบอมบ์ลงไปในคราวเดียว!

แล้วทำไมต้องแบ่งจ่ายทำเป็นงบผูกพันรวม ๔ ปี

นี่ยังสะท้อนว่ารัฐบาลอาจแบ่งแจก ๔ งวด งวดละ ๒,๕๐๐ บาท

มันจะเกิดพายุหมุนกระตุ้นเศรษฐกิจตรงไหน

ก็หวั่นใจว่า นายกฯ เศรษฐา แถลงแล้วไม่จบ!

แต่คนที่แถลงแล้วต้องให้ ๑๐๐ เต็ม ๑๐ คือ “สุทิน คลังแสง”

พูดแล้วดูผ่องขึ้นมาชั่วข้ามคืน

“…ประเทศไทยคนเก่งมีเยอะ แต่เล่นไม่เข้าขากันทีมเวิร์ก และยุทธศาสตร์ร่วมไม่มี คิดเรื่องความมั่นคงคนละอย่าง ทั้งเรื่องความมั่นคงและการพัฒนาประเทศ คุณเป็นนักธุรกิจ นักเศรษฐศาสตร์ นักกฎหมาย นักการทหาร นักวิชาการ ก็คิดในมุมมองของตัวเอง เวลามาพัฒนาประเทศก็คิดหลอมรวมกันไม่ได้…”

ไม่รู้ตั้งใจหรือบังเอิญ นโยบายหลับตาแจกเงินดิจิทัล ก็เข้าข่ายหลอมรวมความคิดกันไม่ได้ มันมั่วไปหมด

ที่ต้องซูฮก “บิ๊กทิน” คือมุมมองเรื่องความมั่นคง

“..ในส่วนกระทรวงกลาโหมที่ดูแลความมั่นคง อยากทบทวนกับท่านว่า ความเป็นเอกราชนั้นเริ่มจากอะไรบ้าง ในอดีตใครรุกรานแล้วชนะ ก็กวาดต้อนเอาคนไปเป็นลูกน้อง รบกันเพื่อเอาคน การสูญเสียเอกราชคือสูญเสียคุณไปให้ประเทศนั้น ตอนหลังเริ่มไม่เอาพื้นดินหรืออาณาเขตกัน ใครสูญเสียเอกราชก็คือการสูญเสียพื้นดิน แต่สมัยใหม่นั้นไม่ใช่ เพราะการรบในปัจจุบันเป็นการสูญเสียเอกราชทางด้านเศรษฐกิจ หลายประเทศจมอยู่กับหนี้ หลายประเทศถูกต่อท่อมาดูดเงินเอาไป เป็นลักษณะของทุนข้ามชาติเล็ก ที่สุดสูญเสียเอกราชทางเศรษฐกิจ เราเคยเป็นหนี้ไอเอ็มเอฟและถูกจำกัดด้วยกฎหมาย ๑๑ ฉบับ

เอกราชอีกอย่างที่เราต้องปกป้องคือ ความมั่นคงทางวัฒนธรรม เราจะอยู่เป็นคนไทยครบ ๖๗ ล้านคน มีพื้นดิน ครบ ๓๐๐ ล้านกว่าไร่ แต่ไม่เหลือวัฒนธรรมเลย เด็กรุ่นใหม่ไม่รู้เรื่องรากเหง้าตัวเอง ไปนิยมและนำวัฒนธรรมต่างชาติเค้า ไม่มีข้อเกาะเกี่ยวเหนี่ยวนำกัน สุดท้ายเราก็จะเสียเอกราชทางวัฒนธรรมไป เอกราชในวันนี้จึงมากกว่าเรื่องแผ่นดิน จึงฝากให้พวกท่านคิด เมื่อปัจจุบันเอกราชเป็นลักษณะนี้ ก็ต้องมาพูดถึงความมั่นคง ยุทโธปกรณ์ที่มาปกป้องเอกราชเหล่านี้ก็ต้องเปลี่ยนไป

เดิมเราคิดว่า มีแต่ภัยคุกคามทางทหาร ปัจจุบันมีภัยคุกคามใหม่ที่ท้าทาย ทั้งจากภายในและภายนอก เคยคิดถึงว่าต่อไปจะไม่มีการรบกันแล้ว อยู่ดีๆ ยูเครนกับรัสเซียก็ล่อกันแล้ว พี่นอนหลับอยู่ ตื่นขึ้นมา อ้าว..อิสราเอล โดนได้ยังไง แล้วเรามั่นใจได้อย่างไรว่าจะไม่เกิดบ้านเรา

“ถ้าอยู่ดีๆ ทะเลจีนใต้พรวดขึ้นมาจะว่าอย่างไร ภัยความมั่นคงนอกประเทศก็เป็นเรื่องใหญ่ และสิ่งที่ฝังตัวแล้วเดินต่อไปเรื่อยๆ ก็คือเรื่องของมหาอำนาจสองขั้ว ตอนนี้ก็มีขั้วใหม่ ใครกับใครล่ะ ที่ทำสงครามอยู่ทุกวัน ดังนั้นเราต้องวางตัวให้ดี ถ้าเราวางตัวไม่ดีก็โดนอีก แค่นั้น อยู่ดีๆ เราจะถูกเขาดึงเข้าไป อยู่ดีๆ ช้างสารชนกัน หญ้าแพรกก็แหลกลาญ เราฝากให้ช่วยกันคิดว่าเราจะทำอย่างไร หาจุดยืน จะทำอะไรอย่างไรให้รอดจากช้างสารที่ชนกัน หญ้าแพรกก็จะรอด…”

ไม่ทราบว่ามีคนเขียนสคริปต์หรือด้นเอง แต่อย่างน้อยก็ออกมาจากปาก “บิ๊กทิน”

ภัยคุกคามบางทีมันมองไม่เห็น แต่ก็ต้องเตรียมรับมือ รัฐบาลต้องพร้อมในทุกสถานการณ์ ไม่ใช่ใช้เงินจนหมดตูด หันมาอีกทีข้าศึกเคาะประตูหน้าบ้านแล้ว

ภัยคุกคามมันมีทั้งภัยความมั่นคง ภัยทางเศรษฐกิจ แต่รัฐบาลเทหมดหน้าตักไปแล้ว จะเอาอะไรมาสู้

ระวังจะเสียเอกราช ประเทศจมอยู่กับหนี้

Written By
More from pp
ครม.อนุมัติงบประมาณ 4,900 ล้าน แก้ไขหนี้ทั้งระบบ
19 ธันวาคม 2566 นายคารม พลพรกลาง รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแนวทางการแก้ไขหนี้ทั้งระบบ ดังนี้
Read More
0 replies on “จมหนี้ เสียเอกราช – ผักกาดหอม”